Dear EditorI am writing to tell you

Dear Editor
I am writing to tell you about disaster that happened in south-east Australia The fires occurred during extreme bushfire-weather conditions and resulted in Australia's highest ever loss of life from a bushfire .
With its abundant forests and hot dry climate, Australia had often suffered from deadly bushfires. On Feb. 7, 2009, bushfires swept through the southern state of Victoria, leaving 173 people dead and 500 injured. The scale of the recent fires—attributed to extreme weather conditions coupled with a severe and protracted drought that had created tinder-dry vegetation across the state—was unprecedented and left the country in a state of shock. Weather forecasters warned of a record heat wave with temperatures soaring to 46.4 °C (115.5 °F), combined with gale-force winds of up to 90 km/hr (56 mph).That day more than 47 major fires erupted across the state
A massive rescue effort was undertaken across the state with thousands of volunteers helping to shelter and provide for the survivors and the families of the victims.
Beyond the 173 deaths, 120 of them caused by a single firestorm, the fires destroyed over 2,030 houses and more than 3,500 structures, and damaged thousands more.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรียนแก้ไข
ผมเขียนบอกคุณเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในตะวันออกเฉียงใต้ออสเตรเลียเกิดขึ้นระหว่างสภาวะอากาศ bushfire และผลของออสเตรเลียสูงสุดเคยเสียชีวิตจากการ bushfire.
มีป่าอุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศแห้งร้อน ออสเตรเลียได้มักประสบจาก bushfires ถึงตาย วันที่ 7 ก.พ. 2552, bushfires กวาดผ่านรัฐวิคตอเรีย ภาคใต้ ออกจาก 173 คนตาย และ 500 บาดเจ็บ ขนาดของไฟล่าสุด — บันทึกสภาพอากาศมากควบคู่กับแล้งรุนแรง และยืดเยื้อที่ได้สร้างพืชแห้ง tinder ข้ามรัฐ — เป็นประวัติการณ์ และเหลือประเทศของช็อค นของนักพยากรณ์ในอากาศเตือนบันทึกคลื่นความร้อน มีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 46.4 ° C (115.5 ° F), รวมกับลมแรงล่าเกลถึง 90 กิโลเมตร/ชม (ความเร็ว 56)วันที่ปะทุไฟมากกว่า 47 สำคัญข้ามรัฐ
พยายามกู้ภัยขนาดใหญ่ดำเนินข้ามรัฐพันอาสาสมัครช่วยเหลือพักพิง และครอบครัวของเหยื่อและผู้รอดชีวิต
เกินเสียชีวิต 173, 120 เกิดจากเจอร์เดียว พวกเขาถูกทำลายกว่า 2030 บ้านและโครงสร้างมากกว่า 3500 และความเสียหายหลักพันขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แก้ไขที่รักของ
ฉันเขียนบอกคุณเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในภาคใต้ตะวันออกออสเตรเลียไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในสภาวะ bushfire-อากาศที่รุนแรงและส่งผลในการสูญเสียที่เคยของออสเตรเลียที่สูงที่สุดของชีวิตจากไฟป่า
ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์และสภาพภูมิอากาศร้อนแห้ง, ออสเตรเลียมี มักจะได้รับความเดือดร้อนจากไฟป่าร้ายแรง 7 กุมภาพันธ์ 2009 ที่บุชไฟเออกวาดผ่านทางตอนใต้ของรัฐวิกตอเรียออกจาก 173 คนตายและได้รับบาดเจ็บ 500 ขนาดของการเกิดเพลิงไหม้ที่ผ่านมา-ประกอบกับสภาพอากาศที่รุนแรงควบคู่ไปกับภัยแล้งที่รุนแรงและยืดเยื้อที่ได้สร้างพืชพันธุ์เชื้อจุดไฟแห้งทั่วรัฐเป็นประวัติการณ์และออกจากประเทศอยู่ในสภาพตกใจ พยากรณ์อากาศเตือนของคลื่นความร้อนบันทึกอุณหภูมิทะยาน 46.4 ° C (115.5 ° F) รวมกับพายุลมแรงถึง 90 กม. / ชม. (56 ไมล์ต่อชั่วโมง). วันนั้นกว่า 47 ไฟไหม้ใหญ่ปะทุขึ้นทั่วรัฐ
ความพยายามกู้ภัยขนาดใหญ่ที่ได้รับการดำเนินการทั่วประเทศที่มีนับพันของอาสาสมัครช่วยเพื่อที่อยู่อาศัยและให้สำหรับผู้รอดชีวิตและครอบครัวของเหยื่อ
นอกเหนือจากการเสียชีวิต 173, 120 ของพวกเขาเกิดจากเปลวไฟเดียวไฟไหม้ทำลายกว่า 2,030 บ้านและอื่น ๆ กว่า 3,500 โครงสร้างและจำนวนความเสียหายมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรียน บรรณาธิการ
ฉันเขียนเพื่อบอกคุณเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียไฟเกิดขึ้นในสภาพอากาศรุนแรง bushfire และผลในออสเตรเลียที่สูงที่สุดที่เคยเสียชีวิตจาก bushfire .
ด้วยป่าอุดมสมบูรณ์ และภูมิอากาศที่ร้อนแห้ง ออสเตรเลีย มักจะได้รับความเดือดร้อนจาก bushfires มรณะ เกี่ยวกับกุมภาพันธ์ 7 , 2009 , bushfires กวาดผ่านภาคใต้รัฐวิคตอเรียไปที่ 500 คนตายและบาดเจ็บ ขนาดของล่าสุดไฟเกิดจากสภาพอากาศรุนแรงควบคู่กับภัยแล้งรุนแรงและยืดเยื้อที่ได้สร้างขึ้น ซึ่งพืชที่แห้งข้ามรัฐเป็นประวัติการณ์และออกจากประเทศในภาวะช็อค พยากรณ์สภาพอากาศเตือนบันทึกคลื่นความร้อนที่มีอุณหภูมิ ( 46.4 ° C ( 115.5 ° F )รวมกับลมพายุแรงถึง 90 km / hr ( 56 ไมล์ต่อชั่วโมง ) วันนั้นมากกว่า 47 ไฟใหญ่ erupted ข้ามรัฐ
ความพยายามกู้ภัยขนาดใหญ่มีปัญหาข้ามรัฐกับพันของอาสาสมัครช่วยกำบังและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตและครอบครัวของเหยื่อ
เกิน 173 เสียชีวิต 120 ของพวกเขาที่เกิดจากเปลวไฟเดียว ไฟทำลายกว่า 2 ,030 บ้านและมากกว่า 3500 โครงสร้าง และเสียหายอีกหลายพัน