Heian periodIn the early Heian peri

Heian period
In the early Heian period, the late 8th and early 9th centuries, Emperor Kammu sought to consolidate and expand his rule in northern Honshū, but the armies he sent to conquer the rebellious Emishi people lacked motivation and discipline, and failed in their task.[citation needed] Emperor Kammu introduced the title of sei'i-taishōgun (征夷大将軍) or Shogun, and began to rely on the powerful regional clans to conquer the Emishi. Skilled in mounted combat and archery (kyūdō), these clan warriors became the Emperor's preferred tool for putting down rebellions.[citation needed] Though this is the first known use of the "Shogun" title, it was a temporary title, and was not imbued with political power until the 13th century. At this time (the 7th to 9th century) the Imperial Court officials considered them merely a military section under the control of the Imperial Court.

Ultimately, Emperor Kammu disbanded his army. From this time, the Emperor's power gradually declined. While the Emperor was still the ruler, powerful clans around Kyoto (京都) assumed positions as ministers, and their relatives bought positions as magistrates. To amass wealth and repay their debts, magistrates often imposed heavy taxes, resulting in many farmers becoming landless.[citation needed]


Samurai on horseback, wearing ō-yoroi armour, carrying bow (yumi) and arrows in a yebira quiver
Through protective agreements and political marriages, they accumulated, or gathered, political power, eventually surpassing the traditional aristocracy.[citation needed]

Some clans were originally formed by farmers who had taken up arms to protect themselves from the Imperial magistrates sent to govern their lands and collect taxes. These clans formed alliances to protect themselves against more powerful clans, and by the mid-Heian period they had adopted characteristic Japanese armor and weapons, and laid the foundations of Bushidō, their ethical code.

After the Genpei war of the late 12th century, a clan leader Minamoto no Yoritomo obtained the right to appoint shugo and jito, and was allowed to organize soldiers and police, and to collect a certain amount of tax. Initially, their responsibility was restricted to arresting rebels and collecting needed army provisions, and they were forbidden from interfering with Kokushi Governors, but their responsibility gradually expanded and thus the samurai-class appeared as the political ruling power in Japan. Minamoto no Yoritomo opened the Kamakura Bakufu Shogunate in 1192.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ละช่วง
ในละช่วงต้นช่วงปลายเดือนที่ 8 และต้นศตวรรษที่ 9 จักรพรรดิ Kammu พยายามที่จะรวบรวมและขยายการปกครองของเขาในภาคเหนือของเกาะฮนชู แต่กองทัพที่เขาส่งไปพิชิตคน Emishi กบฏขาดแรงจูงใจและมีระเบียบวินัยและล้มเหลวในการงานของพวกเขา . [อ้างจำเป็น] จักรพรรดิ Kammu แนะนำชื่อของ sei'i-taishōgun (征夷大将軍) หรือโชกุนและเริ่มที่จะพึ่งพาสมัครพรรคพวกในภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะเอาชนะ Emishi ที่มีฝีมือในการต่อสู้ติดและยิงธนู (Kyūdō) นักรบเผ่าเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือที่ต้องการของจักรพรรดิสำหรับการวางลงกบฏ. [อ้างจำเป็น] แต่นี้คือการใช้รู้จักกันครั้งแรกของ "โชกุน" ชื่อมันเป็นชื่อชั่วคราวและไม่ได้ ตื้นตันใจกับอำนาจทางการเมืองจนกระทั่งศตวรรษที่ 13 ในเวลานี้ (7 ศตวรรษที่ 9) เจ้าหน้าที่ศาลอิมพีเรียลถือว่าพวกเขาเป็นเพียงส่วนทหารภายใต้การควบคุมของราชสำนัก. ในที่สุดจักรพรรดิ Kammu ยกเลิกกองทัพของเขา จากช่วงเวลานี้อำนาจของจักรพรรดิค่อย ๆ ลดลง ในขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดิก็ยังคงปกครองสมัครพรรคพวกที่มีประสิทธิภาพรอบเกียวโต (京都) สันนิษฐานว่าตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงและญาติของพวกเขาซื้อตำแหน่งเป็นผู้พิพากษา จะสะสมความมั่งคั่งและการชำระคืนหนี้ของพวกเขาผู้พิพากษามักจะกำหนดภาษีหนักส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากกลายเป็นไร้ที่ดิน. [อ้างจำเป็น] ซามูไรบนหลังม้าสวมเกราะ O-yoroi ถือคันธนู (Yumi) และลูกศรในการสั่น yebira ผ่านข้อตกลงการป้องกันและ การแต่งงานทางการเมืองที่พวกเขาสะสมหรือรวบรวมอำนาจทางการเมืองในที่สุดเหนือกว่าขุนนางดั้งเดิม. [อ้างจำเป็น] สมัครพรรคพวกบางคนถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยเกษตรกรที่ได้รับอาวุธขึ้นเพื่อป้องกันตนเองจากผู้พิพากษาอิมพีเรียลส่งไปควบคุมดินแดนของพวกเขาและเก็บภาษี ชนเผ่าเหล่านี้เป็นพันธมิตรที่จะปกป้องตัวเองกับสมัครพรรคพวกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและตามระยะเวลาที่กลางละพวกเขาได้นำลักษณะเกราะญี่ปุ่นและอาวุธและวางรากฐานของบูชิโดรหัสจริยธรรมของพวกเขา. หลังจากที่สงคราม Genpei ในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ผู้นำตระกูลโยริโทโมโมโตะไม่ได้รับสิทธิในการแต่งตั้งและ Shugo Jito และได้รับอนุญาตให้จัดทหารและตำรวจและการเก็บจำนวนหนึ่งของภาษี ในขั้นต้นรับผิดชอบของพวกเขาถูก จำกัด ให้จับกุมผู้ก่อกบฏและการเก็บรวบรวมบทบัญญัติที่จำเป็นในกองทัพและพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตจากการรบกวนกับผู้ว่าการ Kokushi แต่ความรับผิดชอบของพวกเขาค่อยๆขยายและทำให้ซามูไรชั้นที่ดูเหมือนจะเป็นอำนาจการพิจารณาคดีทางการเมืองในประเทศญี่ปุ่น โมโตะไม่โยริโทโมคามาคุระเปิด Bakufu ผู้สำเร็จราชการใน 1192

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ยุคเฮอัน
ในยุคเฮอังตอนต้น , สายที่ 8 และต้นศตวรรษที่ 9 จักรพรรดิคัมมุพยายามรวบรวมและขยายการปกครองของเขาในภาคเหนือของ honsh ยู แต่กองทัพที่เขาส่งไปพิชิตคน emishi กระด้าง ขาดแรงจูงใจและวินัย และล้มเหลวในงานของพวกเขา . [ อ้างอิงที่จำเป็น ] จักรพรรดิคัมมุแนะนำชื่อของ sei'i-taish โฮปืน ( 征夷大将軍 ) หรือโชกุนและเริ่มที่จะพึ่งพาอำนาจในตระกูลพิชิต emishi . มีทักษะในการต่อสู้การติดตั้งและยิงธนู ( KY ยู D โฮ ) , นักรบเผ่าเหล่านี้กลายเป็นจักรพรรดิของเครื่องมือที่ต้องการใส่ลงกบฏ . [ อ้างอิงที่จำเป็น ] ถึงแม้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่รู้จักการใช้ " ชื่อโชกุน " เป็นชื่อชั่วคราว และไม่ได้ถูกตื้นตันใจกับอำนาจทางการเมือง จนกระทั่งศตวรรษที่ 13ในเวลานี้ ( 7 ถึงศตวรรษที่ 9 ) อิมพีเรียลเจ้าหน้าที่ถือว่าพวกเขาเป็นทหารส่วนภายใต้การควบคุมของราชสำนัก

ในที่สุด จักรพรรดิคัมมุยุบกองทัพ จากเวลานี้ อำนาจของจักรพรรดิค่อยๆลดลง ในขณะที่จักรพรรดิยังผู้ปกครอง กลุ่มที่มีรอบเกียวโต ( 京都 ) สันนิษฐานว่าตำแหน่งรัฐมนตรีและญาติซื้อตำแหน่งผู้พิพากษา การสะสมความมั่งคั่งและชดใช้หนี้ของตน ผู้พิพากษามักจะกำหนดภาษีหนัก ส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากกลายเป็นไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง . [ อ้างอิงที่จำเป็น ]


ซามูไรบนหลังม้า สวมชุดเกราะ โยโรโฮ - ถือธนู ( ยูมิ ) และลูกศรใน yebira สั่น
ผ่านข้อตกลงป้องกันและการแต่งงานทางการเมือง จะสะสมหรือรวบรวมพลัง การเมืองในที่สุดเหนือกว่าชนชั้นสูงดั้งเดิม . อ้างอิง [ จำเป็น ]

บางกลุ่มถูกก่อตั้งขึ้น โดยเกษตรกรที่ได้ยึดอาวุธเพื่อปกป้องตัวเองจากเจ้าเมืองหลวงส่งไปปกครองดินแดนของตนและเก็บภาษี สมัครพรรคพวกเหล่านี้จัดตั้งพันธมิตรเพื่อปกป้องตัวเองกับพรรคพวกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและโดยกลางเดือนยุคเฮอันพวกเขาได้ใช้อาวุธชุดเกราะญี่ปุ่นลักษณะและวางรากฐานของบุชิโด รหัสจริยธรรมของ

หลังจากสงครามเก็มเปศตวรรษที่ 12 สาย หัวหน้าตระกูลมินะโมะโตะยุไม่ได้รับสิทธิแต่งตั้ง ชูโกะ และจิโตะ และได้รับอนุญาตให้จัดทหารและตำรวจ เพื่อรวบรวมยอดของภาษี ในตอนแรกความรับผิดชอบของพวกเขาถูกจำกัดกบฏจับและเก็บเป็นเสบียงกองทัพ และถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับ kokushi ผู้ว่าการ แต่ความรับผิดชอบของพวกเขาค่อยๆขยาย และดังนั้น ซามูไรระดับปรากฏเป็นผู้ปกครองอำนาจทางการเมืองในญี่ปุ่น มินะโมะโตะยุไม่เปิด คามาคุระ บาคุฟุโชกุนในตอนนี้ .