Vickers hardness is a measure of th

Vickers hardness is a measure of the hardness of a material, calculated from the size of an impression produced under load by a pyramid-shaped diamond indenter. Devised in the 1920s by engineers at Vickers, Ltd., in the United Kingdom, the diamond pyramid hardness test, as it also became known, permitted the establishment of a continuous scale of comparable numbers that accurately reflected the wide range of hardnesses found in steels.

The indenter employed in the Vickers test is a square-based pyramid whose opposite sides meet at the apex at an angle of 136º. The diamond is pressed into the surface of the material at loads ranging up to approximately 120 kilograms-force, and the size of the impression (usually no more than 0.5 mm) is measured with the aid of a calibrated microscope. The Vickers number (HV) is calculated using the following formula:

HV = 1.854(F/D2),

with F being the applied load (measured in kilograms-force) and D2 the area of the indentation (measured in square millimetres). The applied load is usually specified when HV is cited.
The Vickers test is reliable for measuring the hardness of metals, and also used on ceramic materials. The Vickers testing method [10] is similar to the Brinell test. Rather than using the Brinell's steel ball type indenter, and have to calculate the hemispherical area of impression, the Vickers machine uses a penetrator that is square in shape, but tipped on one corner so it has the appearance of a playing card "diamond". The Vickers indenter is a 136 degrees square-based diamond cone, the diamond material of the indenter has an advantage over other indenters because it does not deform over time and use. The impression left by the Vickers penetrator is a dark square on a light background. The Vickers impression is more easily "read" for area size than the circular impression of the Brinell method. Like the Brinell test, the Vickers number is determined by dividing the load by the surface area of the indentation (H = P/A). The load varies from 1 to 120 kilograms. To perform the Vickers test, the specimen is placed on an anvil that has a screw threaded base. The anvil is turned raising it by the screw threads until it is close to the point of the indenter. With start lever activated, the load is slowly applied to the indenter. The load is released and the anvil with the specimen is lowered. The operation of applying and removing the load is controlled automatically.

Several loadings give practically identical hardness numbers on uniform material, which is much better than the arbitrary changing of scale with the other hardness machines. A filar microscope is swung over the specimen to measure the square indentation to a tolerance of plus or minus 1/1000 of a millimeter. Measurements taken across the diagonals to determine the area, are averaged. The correct Vickers designation is the number followed "HV" (Hardness Vickers). The advantages of the Vickers hardness test are that extremely accurate readings can be taken, and just one type of indenter is used for all types of metals and surface treatments. Although thoroughly adaptable and very precise for testing the softest and hardest of materials, under varying loads, the Vickers machine is a floor standing unit that is rather more expensive than the Brinell or Rockwell machines [11].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความแข็งวิกเกอร์สคือ การวัดความแข็งของวัสดุ คำนวณจากขนาดของภาพที่ผลิตภายใต้การโหลด โดยอาศัยเป็นเพชรทรงปิรามิด คิดค้นในปีค.ศ. 1920 โดยวิศวกรที่วิกเกอร์ส จำกัด สหราชอาณาจักร ความแข็งเพชรพีระมิดทดสอบ เป็นมันกลายเป็นที่รู้จักกัน ได้รับอนุญาตจัดตั้งเครื่องชั่งต่อเนื่องเทียบได้เลขที่ถูกต้องสะท้อนความหลากหลายของความแข็งที่พบในเหล็กอาศัยที่ทำงานในการทดสอบวิกเกอร์สเป็นพีระมิดตามสี่เหลี่ยมที่มีด้านตรงข้ามตรงที่ปลายที่มุม 136º เพชรในพื้นผิวของวัสดุที่โหลดไปจนถึงประมาณ 120 กิโลกรัม-แรงกด และวัดขนาดของการแสดงผล (มักไม่เกิน 0.5 มม.) ด้วยกล้องจุลทรรศน์เทียบ หมายเลขวิกเกอร์ส (HV) คำนวณโดยใช้สูตรต่อไปนี้:HV = 1.854(F/D2)กับ F ที่จะใช้โหลด (วัดแรงกิโลกรัม) และ D2 พื้นที่ของการเยื้อง (วัดเป็นตารางมิลลิเมตร) โหลดใช้ได้มักจะระบุเมื่ออ้าง HVวิกเกอร์สทดสอบความน่าเชื่อถือสำหรับการวัดความแข็งของโลหะ และยัง ใช้ในวัสดุเซรามิก การทดสอบแบบวิกเกอร์ส [10] จะคล้ายกับการทดสอบบริเนล แทนที่จะใช้ ลูกบอลเหล็กของบริเนลชนิดอาศัย และมีการคำนวณพื้นที่วงกลมของความประทับใจ วิกเกอร์สเครื่องใช้ penetrator ที่เป็นตารางในรูปร่าง แต่ก้นบนมุมหนึ่งเพื่อให้มีลักษณะของไพ่ "เพชร" อาศัยวิกเกอร์สเป็นกรวยไดมอนด์สแควร์คะแนน 136 องศา เพชรวัสดุอาศัยการได้เปรียบมากกว่า indenters อื่น ๆ เนื่องจากมันไม่บิดเวลา และใช้ ความประทับใจจาก penetrator วิกเกอร์สเป็นตารางสีเข้มบนพื้นหลังอ่อน ความประทับใจวิกเกอร์สเป็นได้ง่ายขึ้น "อ่าน" สำหรับขนาดพื้นที่กว่าประทับใจแบบวงกลมของวิธีบริเนล เช่นทดสอบบริเนล หมายเลขวิกเกอร์สคำนวณ โดยการหารโหลด โดยพื้นที่ผิวของการเยื้อง (H = P/A) โหลดตั้งแต่ 1 ถึง 120 กิโลกรัม เพื่อดำเนินการทดสอบวิกเกอร์ส ชิ้นงานวางอยู่บนทั่งที่มีสกรูเกลียวฐาน ทั่งที่เปิดเพิ่ม โดยเธรดสกรูจนกว่าจะใกล้จุดที่อาศัย มีก้านเริ่มเปิดใช้งาน โหลดช้าใช้กับอาศัยการ ปล่อยโหลด และทั่งกับชิ้นงานจะลดลง การดำเนินงานของการใช้ และเอาโหลดจะถูกควบคุมโดยอัตโนมัติหลาย loadings ให้ตัวเลขความแข็งเหมือนกันบนวัสดุที่เหมือนกัน ซึ่งจะดีกว่าโดยพลการเปลี่ยนมาตราส่วนกับเครื่องความแข็งอื่น ๆ กล้องจุลทรรศน์ filar เป็นก้นผ่านตัวอย่างการวัดเยื้องตารางเพื่อความอดทน ของบวก หรือ ลบ 1/1000 มิลลิเมตร มีเฉลี่ยการวัดข้ามทแยงเพื่อกำหนดพื้นที่ วิกเกอร์สถูกกำหนดเป็นตัวเลขตาม "HV" (ความแข็งวิกเกอร์ส) ข้อดีของการทดสอบความแข็งวิกเกอร์สว่า สามารถนำมาอ่านค่าความแม่นยำ และอาศัยชนิดหนึ่งใช้สำหรับโลหะและผิวทุกชนิด ถึงแม้ว่าปรับตัวได้อย่างละเอียด และแม่นยำมากสำหรับการทดสอบเบาที่สุด และยากที่สุดของวัสดุ ภายใต้โหลดแตกต่างกัน เครื่องวิกเกอร์สเป็นหน่วยยืนชั้นที่ค่อนข้างแพงกว่าเครื่องบริเนลหรือ Rockwell [11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิคเกอร์เป็นตัวชี้วัดความแข็งของความแข็งของวัสดุที่คำนวณจากขนาดของการแสดงผลที่ผลิตภายใต้ภาระโดยรูปพีระมิดหัวกดเพชร คิดค้นในปี ค.ศ. 1920 โดยวิศวกรที่วิคเกอร์ จำกัด ในสหราชอาณาจักร, การทดสอบความแข็งเพชรปิรามิดในขณะที่มันยังกลายเป็นที่รู้จักได้รับอนุญาตจัดตั้งระดับอย่างต่อเนื่องของตัวเลขที่เทียบเคียงได้อย่างถูกต้องสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของความแข็งที่พบในเหล็ก . หัวกดที่ใช้ในการทดสอบวิคเกอร์เป็นปิรามิดตารางตามที่มีด้านตรงข้ามพบกันที่เอเพ็กซ์ที่มุม136º เพชรถูกกดเข้าไปในพื้นผิวของวัสดุที่แรงตั้งแต่ถึงประมาณ 120 กิโลกรัมแรงและขนาดของการแสดงผล (มักจะไม่เกิน 0.5 มิลลิเมตร) เป็นวัดด้วยความช่วยเหลือของกล้องจุลทรรศน์ปรับเทียบ จำนวนวิคเกอร์ (HV) จะคำนวณโดยใช้สูตรต่อไปนี้: HV = 1.854 (F / D2) กับ F เป็นภาระใช้ (วัดกิโลกรัมแรง) และ D2 พื้นที่เยื้อง (วัดตารางมิลลิเมตร) โหลดใช้ที่ระบุไว้โดยปกติเมื่อ HV อ้าง. การทดสอบวิคเกอร์มีความน่าเชื่อถือสำหรับการวัดความแข็งของโลหะและยังใช้ในวัสดุเซรามิก วิธีการทดสอบวิคเกอร์ [10] มีความคล้ายคลึงกับการทดสอบบริเนล แทนที่จะใช้ลูกเหล็กชนิดหัวกดบริเนลและมีการคำนวณพื้นที่ครึ่งวงกลมของการแสดงผลเครื่องวิคเกอร์ใช้ Penetrator ที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แต่ปลายอยู่ที่มุมหนึ่งจึงมีลักษณะของบัตรเล่น "เพชร" การ วิคเกอร์หัวกดเป็น 136 องศาตารางตามกรวยเพชรเพชรวัสดุของหัวกดมีความได้เปรียบกว่าหัวกดอื่น ๆ เพราะมันไม่ได้ผิดปกติในช่วงเวลาและการใช้งาน การแสดงผลซ้ายโดย Penetrator วิคเกอร์เป็นตารางที่เข้มบนพื้นหลังสีอ่อน ความประทับใจคือวิคเกอร์ได้ง่ายขึ้น "อ่าน" ขนาดพื้นที่กว่าประทับใจวงกลมของวิธีการบริเนล เช่นเดียวกับการทดสอบบริเนลจำนวนวิคเกอร์จะถูกกำหนดโดยการหารโหลดโดยพื้นที่ผิวของการเยื้อง (H = P / A) โหลดแตกต่างกันไป 1-120 กิโลกรัม เพื่อดำเนินการทดสอบวิคเกอร์ชิ้นงานวางอยู่บนทั่งที่มีสกรูเกลียวฐาน ทั่งมีการเปิดเพิ่มได้โดยสกรูเกลียวจนกว่าจะอยู่ใกล้กับจุดที่หัวกด เริ่มต้นด้วยคันโยกเปิดใช้งานโหลดจะถูกนำไปใช้อย่างช้าๆเพื่อหัวกด โหลดจะถูกปล่อยออกและทั่งกับชิ้นงานจะลดลง การดำเนินการของการใช้และลบโหลดจะถูกควบคุมโดยอัตโนมัติ. หลายภาระให้ตัวเลขแข็งเหมือนจริงบนวัสดุเครื่องแบบซึ่งจะดีกว่าการเปลี่ยนแปลงโดยพลการของขนาดกับเครื่องอื่น ๆ ที่มีความแข็ง กล้องจุลทรรศน์ filar ยิงบอลตัวอย่างการวัดตารางเยื้องความอดทนของบวกหรือลบ 1/1000 ของมิลลิเมตร ที่วัดข้ามเส้นทแยงมุมเพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่มีการเฉลี่ย ที่ถูกต้องแต่งตั้งวิคเกอร์คือหมายเลขที่ใช้ "HV" (ความแข็งวิคเกอร์) ข้อดีของการทดสอบความแข็งวิคเกอร์ที่อ่านที่ถูกต้องมากสามารถนำมาและเพียงแค่หนึ่งในประเภทของหัวกดจะใช้สำหรับทุกประเภทของโลหะและการรักษาพื้นผิว แม้ว่าจะปรับตัวและอย่างละเอียดแม่นยำมากสำหรับการทดสอบนุ่มและที่ยากที่สุดของวัสดุภายใต้แรงที่แตกต่างกัน, เครื่องวิคเกอร์เป็นหน่วยชั้นยืนที่ค่อนข้างมีราคาแพงกว่าเครื่องบริเนลหรือ Rockwell [11]