ช่วง สมัยรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่

ช่วง สมัยรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระเจ้าเอกทัศกับพระเจ้าอุทุมพร เนื่องจากพระองค์ทรงเลือกพระอนุชาขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่เป็นไปตามราชประเพณี แต่พระเจ้าเอกทัศก็ทวงบัลลังก์ ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรี อยุธยา ครั้นในปี พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรง นำทัพมารุกรานอาณาจักร อยุธยา พระเจ้าอุทุมพรทรงถูกเรียกตัวมาบัญชาการตั้งรับพระนคร แต่ภายหลังจากที่กองทัพพม่ายกกลับนั้น พระองค์ก็ได้ลาผนวชดังเดิม ในปี พ.ศ. 2308 พระเจ้ามังระ บุตรของพระเจ้าอลองพญา ก็ได้รุกรานอาณาจักร อยุธยา อีกครั้งหนึ่ง โดยแบ่งกองกำลังออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝ่ายเหนือภายใต้การบังคับของเนเมียวสีหบดี และฝ่ายใต้ภายใต้การนำของมังมหานรธา และมุ่งเข้าตีอาณาจักร อยุธยา พร้อมกันทั้งสองด้าน ฝ่ายอยุธยาทำการตั้งรับอย่างเข้มแข็ง และสามารถต้านทานการปิดล้อมของกองทัพพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้ กองทัพพม่าสามารถเข้าเมืองได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ช่วงอยุธยาครั้นในปีพศ 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงนำทัพมารุกรานอาณาจักรอยุธยา พระองค์ก็ได้ลาผนวชดังเดิมในปี พ.ศ.2308 พระเจ้ามังระบุตรของพระเจ้าอลองพญาก็ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่งโดยแบ่งกองกำลังออกเป็น 2 ส่วนคืออยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้าน 14 เดือน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้ 7 เมษายนพศ 2310

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ช่วงสมัยรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระเจ้าเอกทัศกับพระเจ้าอุทุมพรเนื่องจากพระองค์ทรงเลือกพระอนุชาขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่เป็นไปตามราชประเพณี ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยาครั้นในปีพศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงนำทัพมารุกรานอาณาจักรอยุธยาพระเจ้าอุทุมพรทรงถูกเรียกตัวมาบัญชาการตั้งรับพระนครแต่ภายหลังจากที่กองทัพพม่ายกกลับนั้นพระองค์ก็ได้ลาผนวชดังเดิมในปีพ.ศ 2308 อเวนิวพระเจ้ามังระบุตรของพระเจ้าอลองพญาก็ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่งโดยแบ่งกองกำลังออกเป็น 2 ส่วนคือฝ่ายเหนือภายใต้การบังคับของเนเมียวสีหบดีและฝ่ายใต้ภายใต้การนำของมังมหานรธา อยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้านฝ่ายอยุธยาทำการตั้งรับอย่างเข้มแข็งและสามารถต้านทานการปิดล้อมของกองทัพพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือนแต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้กองทัพพม่าสามารถเข้าเมืองได้ในวันที่ 7 เมษายนพศ. 2310

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ช่วงสมัยรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระเจ้าเอกทัเนื่องจากพระองค์ทรงเลือกพระอนุชาขึ้นเป็นกษได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยาครั้นในปีพ.ศ. .2303 พระเจ้าอลองพญาทรงนำทัพมารุกรานอาณาจักรอยุธยาพระเจ้าอุทุมพรทรงถูกเรียกตัวมาบัญชาการตั้ง แต่ภายหลังจากที่กองทัพพม่ายกกลับนั้น พระองค์ก็ได้ลาผนวชดังเดิมในปีพ.ศ..2308 พระเจ้ามังระบุตรของพระเจ้าอลองพญาก็ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่งโดยแบ่งกองกำลังออกเป็น 2 ส่วนคือ ฝ่ายเหนือภายใต้การบังคับของเนเมียวสีหบดี และฝ่ายใต้ภายใต้การนำของมังมหานรธาอยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้านฝ่ายอยุธยาทำการตั้งรับอย่างเข้มแข็งและสามารถต้านทานการปิดล้อมของกองทัพพม่าไว้ 14 เดือนแต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้กองทัพพม่าสามารถเข้าเมืองได้ในวันที่ 7 เมษายนพ.ศ. 2310