n the case of the Second World War,

n the case of the Second World War, the U.S. government took similar measures in increasing its control over the economy. The Japanese attack on Pearl Harbor provided the spark needed to begin conversion to a wartime economy. With this attack, Washington felt that a greater bureaucracy was needed to help with mobilization.[5] The government raised taxes which paid for half of the war’s costs and borrowed money in the form of war bonds to cover the rest of the bill.[3] “Commercial institutions like banks also bought billions of dollars of bonds and other treasury paper, holding more than $24 billion at the war’s end."[5] The creation of a handful of agencies helped funnel resources towards the war effort. One prominent agency was the War Productions board (WPB), which “awarded defense contracts, allocated scarce resources – such as rubber, copper, and oil – for military uses, and persuaded businesses to convert to military production."[3] Two-thirds of the American economy had been integrated into the war effort by the end of 1943.[3] Because of this massive cooperation between government and private entities, it could be argued that the economic measures enacted prior to and during the Second World War helped lead the Allies to victory.

Germany[edit]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่มีกรณีของสงครามโลก รัฐบาลเอาคล้ายมาตรการในการควบคุมเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ญี่ปุ่นให้ประกายที่จำเป็นเพื่อเริ่มต้นการแปลงเศรษฐกิจยามสงคราม มีโจมตี วอชิงตันรู้สึกว่า ขจัดความจำเป็นเพื่อช่วยระดม [5] รัฐบาลขึ้นภาษีที่จ่ายครึ่งหนึ่งของต้นทุนของสงครามและเงินยืมในรูปของพันธบัตรสงครามเพื่อครอบคลุมส่วนเหลือของรายการ [3] "พาณิชย์สถาบันเช่นธนาคารยัง ซื้อพันล้านดอลลาร์ของพันธบัตรและอื่น ๆ กระดาษคลัง ถือมากกว่า 24 พันล้านเหรียญที่สิ้นสุดของสงคราม" [5] การสร้างกี่หน่วยงานช่วยทรัพยากรช่องทางไปสู่ความพยายามทำสงคราม หน่วยงานหนึ่งที่โดดเด่นคือ คณะการผลิตสงคราม (เดินทาง), ซึ่ง "รางวัลสัญญาป้องกัน จัดสรรทรัพยากรขาดแคลน เช่นยาง ทองแดง น้ำมัน-ทหาร และชวนธุรกิจการแปลงเพื่อผลิตทหาร" [3] สองในสามของเศรษฐกิจอเมริกันได้ถูกรวมเข้ากับสงครามปลายปี 1943 [3] ความร่วมมือนี้ใหญ่ระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานส่วนตัว มันอาจจะแย้งว่า มาตรการเศรษฐกิจผลก่อน และ ระหว่างสงครามโลกช่วยลูกค้าเป้าหมายพันธมิตรเพื่อชัยชนะ[แก้] เยอรมนี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

n กรณีของสงครามโลกครั้งที่สองที่รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการที่คล้ายกันในการเพิ่มการควบคุมของตนเหนือเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์มีให้ประกายไฟที่จำเป็นในการเริ่มการแปลงไปเป็นสงครามเศรษฐกิจ ด้วยการโจมตีครั้งนี้วอชิงตันรู้สึกว่าระบบราชการมากขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อช่วยให้มีการระดม. [5] รัฐบาลยกภาษีที่จ่ายครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายในสงครามและยืมเงินในรูปแบบของพันธบัตรสงครามเพื่อให้ครอบคลุมส่วนที่เหลือของการเรียกเก็บเงิน. [ 3] "สถาบันการค้าเช่นธนาคารยังซื้อพันล้านดอลลาร์ของพันธบัตรและกระดาษซื้อคืนอื่น ๆ ที่ถือครองมากกว่า $ 24 พันล้านในตอนท้ายของสงคราม." [5] การสร้างในกำมือของหน่วยงานช่วยให้ช่องทางทรัพยากรต่อความพยายามสงคราม. หนึ่งที่โดดเด่น หน่วยงานเป็นคณะกรรมการสงครามโปรดักชั่น (WPB) ซึ่ง "รับสัญญาป้องกันการจัดสรรทรัพยากรที่ขาดแคลน - เช่นยางทองแดงและน้ำมัน - สำหรับการใช้งานทางทหารและชักชวนให้ธุรกิจการแปลงไปสู่การผลิตทางทหาร." [3] สองในสามของ เศรษฐกิจอเมริกันได้รับการรวมเข้ากับความพยายามทำสงครามโดยสิ้นปี 1943 [3] เพราะความร่วมมือใหญ่นี้ระหว่างภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชนก็อาจจะแย้งว่ามาตรการทางเศรษฐกิจที่มีผลบังคับก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองช่วยนำที่ พันธมิตรเพื่อชัยชนะ. เยอรมนี [แก้ไข]