Durkheim argued that every religiou

Durkheim argued that every religious group had three features: a system of beliefs that express the sacred and define the sacred and profane; a moral community (or “cult”), such as a clan, tribe, sect, synagogue, masjid, church, etc. that develops in concert with these beliefs and enforces the norms and rules of the believing society; and a set of collective behaviors, rituals. Rituals provide a focal point for emotional processes and generate symbols of group membership. They help people to experience a shared sense of exaltation and group transcendence. This feeling, which is only experienced through ritual veneration, is collective effervescence. The unique condition of ritual participation is that people systematically misunderstand the emotional energy they experience in the ritual process as having a supernatural origin. This misunderstanding thus confirms their religious beliefs and the exhilaration they experience leads them to return to their community to re-experience it through sacred rites.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Durkheim โต้เถียงว่า กลุ่มทุกศาสนามีสามแบบ: ระบบความเชื่อที่แสดงมงคล และกำหนดศักดิ์สิทธิ์ และหยาบ คาย มีคุณธรรมชุมชน (หรือ "ลัทธิ"), เช่นเป็นตระกูล เผ่า สำนัก โบสถ์ มัสยิด โบสถ์ ฯลฯ ที่พัฒนาในคอนเสิร์ตด้วยความเชื่อเหล่านี้ และบังคับใช้บรรทัดฐานและกฎเกณฑ์ของสังคม believing และชุดรวมพฤติกรรม พิธีกรรม พิธีกรรมให้จุดโฟกัสสำหรับกระบวนการทางอารมณ์ และสร้างสัญลักษณ์ของสมาชิกกลุ่ม จะช่วยให้ผู้คนประสบความรู้สึกร่วมของ exaltation และกลุ่มปรองดอง ความรู้สึกนี้ ซึ่งเพียงเป็นประสบการณ์ผ่านพิธีกรรม veneration, effervescence รวมได้ เงื่อนไขเฉพาะของการเข้าร่วมพิธีกรรมจะว่า คนพลังงานทางอารมณ์ที่พวกเขามีประสบการณ์ในการพิธีว่ามีจุดกำเนิดเหนือธรรมชาติระบบหลงผิด เข้าใจผิดนี้จึงยืนยันความเชื่อในศาสนาของพวกเขา และพวกเขามีประสบการณ์ตื่นเต้นกับลูกค้าเป้าหมายให้กลับสู่ชุมชนของพวกเขาใหม่สัมผัสประสบการณ์ผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Durkheim ที่ถกเถียงกันอยู่ว่าทุกกลุ่มศาสนามีสามคุณสมบัติ: ระบบของความเชื่อที่แสดงที่ศักดิ์สิทธิ์และกำหนดศักดิ์สิทธิ์และมลทินไม่ได้ ชุมชนคุณธรรม (หรือ "ศาสนา") เช่นตระกูลเผ่านิกายโบสถ์มัสยิดโบสถ์และอื่น ๆ ที่พัฒนาในคอนเสิร์ตกับความเชื่อเหล่านี้และบังคับใช้บรรทัดฐานและกฎระเบียบของสังคมเชื่อ; และชุดของพฤติกรรมร่วมพิธีกรรม พิธีกรรมให้เป็นจุดโฟกัสสำหรับกระบวนการทางอารมณ์และสร้างสัญลักษณ์ของการเป็นสมาชิกกลุ่ม พวกเขาช่วยให้ผู้คนได้สัมผัสกับความรู้สึกร่วมกันของการยกระดับและกลุ่มวิชชา ความรู้สึกนี้ซึ่งมีประสบการณ์เพียงผ่านความเลื่อมใสพิธีกรรมเป็นชีวิตชีวาส่วนรวม สภาพที่ไม่ซ้ำกันของการมีส่วนร่วมในพิธีกรรมที่คนเข้าใจผิดเป็นระบบพลังงานทางอารมณ์พวกเขามีประสบการณ์ในกระบวนการพิธีกรรมที่มีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติ ความเข้าใจผิดนี้จึงยืนยันความเชื่อทางศาสนาของพวกเขาและความเบิกบานใจพวกเขามีประสบการณ์นำพวกเขากลับไปที่ชุมชนของพวกเขาอีกครั้งได้สัมผัสกับมันผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เดิร์กไฮม์แย้งว่าทุกศาสนากลุ่มที่มีสามคุณสมบัติ : ระบบของความเชื่อที่แสดงความศักดิ์สิทธิ์และกำหนดศักดิ์สิทธิ์และดูหมิ่น ; ชุมชนคุณธรรม ( หรือ " ศาสนา " ) เช่น ตระกูล ตระกูลนิกาย ธรรมศาลา มัสยิด โบสถ์ ฯลฯ ที่พัฒนาในคอนเสิร์ตกับความเชื่อเหล่านี้และบังคับใช้กฎเกณฑ์และกฎของความเชื่อ สังคม และชุดของพฤติกรรมรวมหมู่ พิธีกรรมพิธีกรรมให้จุดโฟกัสสำหรับกระบวนการทางอารมณ์และสร้างสัญลักษณ์ของสมาชิกกลุ่ม พวกเขาช่วยให้ผู้คนเพื่อประสบการณ์ที่แบ่งปันความรู้สึกของความสูงส่งและความสำเร็จของกลุ่ม ความรู้สึกนี้ ซึ่งเป็นเพียงประสบการณ์ ผ่านพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ คือกลุ่มฟอง .เงื่อนไขเฉพาะของพิธีกรรมการมีส่วนร่วมที่เป็นคนอารมณ์พลังงานอย่างเป็นระบบเข้าใจผิดพวกเขามีประสบการณ์ในกระบวนการพิธีกรรมมีจุดเริ่มต้นที่เหนือธรรมชาติ ความเข้าใจผิดนี้ จึงยืนยันความเชื่อทางศาสนาของตนและประสบการณ์ตื่นเต้นพวกเขานำพวกเขากลับไปยังชุมชนของพวกเขาอีกครั้ง ประสบการณ์ที่ผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์