Writing for a business audience is

Writing for a business audience is usually quite different than writing in the humanities, social sciences, or other academic disciplines. Business writing strives to be crisp and succinct rather than evocative or creative; it stresses specificity and accuracy. This distinction does not make business writing superior or inferior to other styles. Rather, it reflects the unique purpose and considerations involved when writing in a business context.
When you write a business document, you must assume that your audience has limited time in which to read it and is likely to skim. Your readers have an interest in what you say insofar as it affects their working world. They want to know the “bottom line”: the point you are making about a situation or problem and how they should respond.
Business writing varies from the conversational style often found in email messages to the more formal, legalistic style found in contracts. A style between these two extremes is appropriate for the majority of memos, emails, and letters. Writing that is too formal can alienate readers, and an attempt to be overly casual may come across as insincere or unprofessional. In business writing, as in all writing, you must know your audience.
In most cases, the business letter will be the first impression that you make on someone. Though business writing has become less formal over time, you should still take great care that your letter’s content is clear and that you have proofread it carefully.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เขียนเป้าหมายธุรกิจจะค่อนข้างแตกต่างเขียนในมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือสาขาอื่น ๆ ทางวิชาการ การเขียนเชิงธุรกิจมุ่งมั่นที่จะคมชัด และกระชับมากกว่าที่จะชวนให้นึกถึง หรือสร้าง สรรค์ มันเครียดความจำเพาะและความแม่นยำ ความแตกต่างให้ธุรกิจเขียนเหนือกว่า หรือด้อยกว่าลักษณะอื่น ๆ ค่อนข้าง มันสะท้อนถึงวัตถุประสงค์และพิจารณาที่เกี่ยวข้องเมื่อเขียนในบริบททางธุรกิจเมื่อคุณเขียนเอกสารทางธุรกิจ คุณต้องสมมติว่า ผู้ชมมีเวลาจำกัดในการอ่าน และมีแนวโน้มที่คร่าว ๆ ผู้อ่านมีความสนใจในสิ่งที่คุณพูดว่าตราบเท่าที่มันมีผลต่อโลกของพวกเขาทำงาน พวกเขาอยากรู้ว่า "บรรทัดล่าง": จุดที่คุณทำเกี่ยวกับสถานการณ์ หรือปัญหาและวิธีการที่พวกเขาควรตอบสนองการเขียนเชิงธุรกิจที่แตกต่างจากลักษณะการสนทนาที่มักจะพบในข้อความอีเมล์ไปยังลักษณะอย่างเป็นทางการ legalistic พบในสัญญา ในแบบสุดขั้วที่สองเหล่านี้ไม่เหมาะสมสำหรับส่วนใหญ่บันทึก อีเมล์ และตัวอักษร เขียนเป็นทางการสามารถ alienate ผู้อ่านเกินไป และความพยายามจะสบาย ๆ มากเกินไปอาจเจอเป็น insincere หรือไม่เป็นมืออาชีพ ในการเขียนเชิงธุรกิจ ในการเขียนทั้งหมด คุณต้องทราบกลุ่มเป้าหมายของคุณในกรณีส่วนใหญ่ จดหมายธุรกิจจะประทับให้คน แม้ว่าการเขียนเชิงธุรกิจได้กลายเป็นอย่างน้อยตลอดเวลา คุณควรยังคงต้องดูแลว่า เนื้อหาของจดหมายของคุณมีความชัดเจน และให้คุณได้พิสูจน์อักษรมันอย่างระมัดระวัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขียนสำหรับผู้ชมธุรกิจมักจะค่อนข้างแตกต่างกว่าการเขียนในมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์หรือสาขาวิชาอื่น ๆ ธุรกิจการเขียนมุ่งมั่นที่จะคมชัดและรวบรัดมากกว่าอารมณ์หรือความคิดสร้างสรรค์; มันเน้นความจำเพาะและความถูกต้อง ความแตกต่างนี้ไม่ได้ทำให้ธุรกิจการเขียนที่เหนือกว่าหรือด้อยกว่ารูปแบบอื่น ๆ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดประสงค์ที่ไม่ซ้ำกันและการพิจารณาที่เกี่ยวข้องเมื่อเขียนในบริบททางธุรกิจ.
เมื่อคุณเขียนเอกสารทางธุรกิจที่คุณต้องคิดว่าผู้ชมของคุณมีเวลาในการที่จะอ่านมัน จำกัด และมีแนวโน้มที่จะเรียด คุณผู้อ่านมีความสนใจในสิ่งที่คุณพูดตราบเท่าที่มันมีผลกระทบต่อโลกของการทำงานของพวกเขา พวกเขาอยากรู้ "เส้นด้านล่าง": จุดที่คุณกำลังทำเกี่ยวกับสถานการณ์หรือปัญหาที่เกิดขึ้นและวิธีที่พวกเขาควรจะตอบสนอง.
ธุรกิจการเขียนแตกต่างกันไปจากรูปแบบการสนทนามักจะพบในข้อความอีเมลไปที่เป็นทางการมากขึ้นสไตล์แถมพบในการทำสัญญา ลักษณะทั้งสองขั้วมีความเหมาะสมสำหรับส่วนใหญ่ของบันทึก, อีเมล, และตัวอักษร การเขียนที่เป็นทางการก็สามารถโอนให้ผู้อ่านและความพยายามที่จะเป็นแบบสบาย ๆ มากเกินไปอาจเจอเป็นไม่จริงใจหรือไม่เป็นมืออาชีพ ในการเขียนทางธุรกิจในขณะที่เขียนทุกท่านจะต้องรู้ว่าผู้ชมของคุณ.
ในกรณีส่วนใหญ่จดหมายธุรกิจจะเป็นความประทับใจแรกที่คุณทำให้ใครสักคน แม้ว่าการเขียนทางธุรกิจได้กลายเป็นที่ไม่เป็นทางการเมื่อเวลาผ่านไปคุณยังควรดูแลที่ดีว่าเนื้อหาจดหมายของคุณมีความชัดเจนและที่คุณได้พิสูจน์อักษรอย่างระมัดระวัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเขียนสำหรับผู้ชมทางธุรกิจมักจะค่อนข้างแตกต่างจากการเขียนในด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือสาขาอื่น ๆงานวิชาการ . การเขียนเชิงธุรกิจมุ่งมั่นที่จะเป็นกรอบและมาตรฐานมากกว่านี้ หรือสร้างสรรค์ เน้นเฉพาะเจาะจงและความถูกต้อง ความแตกต่างนี้ไม่เขียนดีกว่าหรือด้อยกว่าในลักษณะอื่น ๆของธุรกิจ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงวัตถุประสงค์เฉพาะและการพิจารณาที่เกี่ยวข้องเมื่อเขียนในบริบททางธุรกิจเมื่อคุณเขียนเอกสารทางธุรกิจ คุณต้องคิดว่า ผู้ชมของคุณมีเวลาที่ จำกัด ในการที่จะอ่านมันและมีโอกาสที่จะอ่าน . ผู้อ่านของคุณมีความสนใจในสิ่งที่คุณพูด ตราบเท่าที่มันมีผลกระทบต่อโลกการทำงานของพวกเขา พวกเขาต้องการทราบว่า " เส้น " ด้านล่าง : จุดที่คุณกำลังทำเกี่ยวกับสถานการณ์หรือปัญหาและวิธีการที่พวกเขาควรจะตอบสนองการเขียนทางธุรกิจที่แตกต่างกันไปจากการสนทนารูปแบบมักจะพบในข้อความอีเมลไปยังรูปแบบอย่างเป็นทางการมากขึ้นพบในสัญญา รูปแบบระหว่าง extremes สองเหล่านี้มีความเหมาะสมสำหรับส่วนใหญ่ของข้อความอีเมลและจดหมาย การเขียนที่เป็นทางการเกินไปสามารถโอนผู้อ่าน และพยายามไปสบาย ๆอาจเจออย่างไม่จริงใจ หรือ ไม่เป็นมืออาชีพเลย ในการเขียนเชิงธุรกิจ เช่น ในการเขียน คุณต้องรู้ว่าผู้ชมของคุณในกรณีส่วนใหญ่ , จดหมายธุรกิจจะได้รับความประทับใจแรกที่คุณให้ให้ใครบางคน แม้ว่าการเขียนทางธุรกิจได้กลายเป็นที่เป็นทางการน้อยกว่าเวลาที่คุณควรดูแลที่ดีของคุณจดหมายเนื้อหามีความชัดเจนและคุณได้ตรวจทานให้ดี