“Money is power.” – Andrew Jackson

“Money is power.” – Andrew Jackson Though these words were spoken almost 200 years ago, they remain true even today. Extant research has demonstrated a strong link between power and money, as money is a common source of power (Keltner and Langner 2007). Knowing that possessing money makes people feel powerful (Furnham 1984), we set out to investigate if feeling powerful also prompts an increased willingness to save money. This question is particularly important for two reasons. First, individuals are likely to have experiences of feeling powerful (e.g., interviewing a potential employee, giving advice) and powerless (e.g., defending a thesis, submitting a job application) on a daily basis (Rucker and Galinsky 2008). Second, most Americans save too little. Even after the 2008 financial crisis, the majority of American households did not change their saving behavior (Kramer 2013). Although explanations for why people fail to save their money abound (Bertrand, Mullainathan, and Shafir 2006; Mani et al. 2013; Vohs and Faber 2007), the majority of proposed explanations are relatively unchangeable - e.g., education level, familial upbringing, and level of self-control. In this research, we focus on a small psychological shift in individuals’ mindset - whether they feel powerful - that may impact the amount of money they are willing to save. The results of five studies show that the experience of feeling powerful increases both intent to save and actual savings. We show that individuals who feel powerful save more because it enables them to maintain their current state. In line with this underlying mechanism, we demonstrate two boundary conditions. First, when the purpose of saving is no longer to accumulate money, but to spend money on a status-related product, the basic effect is reversed and powerless individuals save more. Second, if money can no longer aid in maintaining power, 5 because one’s power is already secure or because power is maintained by accumulating an alternative resource such as knowledge, the effect of feeling powerful on saving disappears. The contributions of this research are both theoretical and practical. Theoretically, we hope to contribute to existing research on saving by illuminating how certain situational states, such as feeling powerful, affect savings rates. Perhaps more importantly, we provide evidence for the effect of power on saving by showing that feeling powerful increases the desire to maintain one’s current state. By doing so, we also hope to contribute to existing research on power by showing the consequences of feeling powerful on one’s decision to keep money, rather than spend it (Dubois, Rucker, and Galinsky 2012; Rucker and Galinsky 2008, 2009). Practically, lack of saving is a significant challenge, particularly in the U.S. where credit crises are on the rise (Camara 2012). We hope this research may ameliorate this challenge by showing that the amount one saves can be affected by subtle shifts in feelings of powe

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เงินคือ อำนาจ." – แอนดรูว์แจ็กสันว่าคำเหล่านี้ถูกพูดเกือบ 200 ปี พวกเขายังคงเป็นจริงแม้วันนี้ ยังหลงเหลืออยู่ในการวิจัยได้แสดงให้เห็นการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างพลังงานและการเงิน เงินเป็น แหล่งทั่วไปของพลังงาน (เคลท์และ Langner 2007) เรารู้ว่า มีเงินทำให้คนรู้สึกมีประสิทธิภาพ (Furnham 1984), ตั้งออกเพื่อตรวจสอบหากยังรู้สึกประสิทธิภาพแจ้งตั้งใจที่เพิ่มขึ้นจะประหยัดเงิน คำถามนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งด้วยเหตุผลสองประการ ครั้งแรก บุคคลมักได้รับประสบการณ์ของความรู้สึกมีประสิทธิภาพ (เช่น สัมภาษณ์พนักงานที่มีศักยภาพ ให้คำแนะนำ) และอำนาจ (เช่น ปกป้องวิทยานิพนธ์ ส่งใบสมัครงาน) เป็นประจำ (Rucker และ Galinsky 2008) ที่สอง ชาวอเมริกันส่วนใหญ่บันทึกน้อยเกินไป หลังจากวิกฤตการเงิน 2008 ส่วนใหญ่ของครอบครัวอเมริกันไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมประหยัด (เครเมอร์ 2013) แม้ว่าคำอธิบายสำหรับทำไมคนล้มใจมาก (เบอร์ทรานด์ Mullainathan และ Shafir 2549 มณี et al. 2013 Vohs และฟาเบอร์แฟลกส์ 2007), คำอธิบายที่เสนอมีค่อนข้างยืนยัน - เช่น ระดับการศึกษา การอบรมภาวะ และระดับของการควบคุมตนเอง ในการวิจัยครั้งนี้ เรามุ่งเน้นในกะจิตใจเล็ก ๆ ในความคิดของแต่ละคน - ไม่ว่าพวกเขารู้สึกมีประสิทธิภาพ - ที่อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนเงินที่พวกเขายินดีที่ประหยัด ผลจากการศึกษาห้าแสดงว่า ประสบการณ์ของความรู้สึกมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อบันทึกและประหยัดจริง เราแสดงว่า บุคคลที่รู้สึกว่ามีประสิทธิภาพประหยัดมากขึ้น เพราะมันช่วยให้รักษาสถานะปัจจุบัน สอดคล้องกับกลไกนี้พื้นฐาน เราสาธิตสองเงื่อนไขขอบเขต ครั้งแรก เมื่อวัตถุประสงค์ของการประหยัดไม่สะสมเงิน แต่ ให้เสียเงินกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสถานะ มีการกลับรายการผลเบื้องต้น และบุคคลไม่มีอำนาจบันทึกเพิ่มเติม ที่สอง หากเงินไม่สามารถช่วยในการรักษาอำนาจ 5 เนื่อง จากพลังงานของคน ๆ หนึ่งอยู่แล้วปลอดภัย หรือพลังงานไว้ โดยการสะสมทรัพยากรอื่นเช่นความรู้ ผลของความรู้สึกมีประสิทธิภาพประหยัดหายไป ผลงานของการวิจัยครั้งนี้มีทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ในทางทฤษฎี เราหวังว่าจะนำไปสู่การวิจัยที่มีอยู่ในบันทึกมองเห็นวิธีการที่อเมริกาบางสถานการณ์ เช่นความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพ มีผลต่อราคาประหยัด บางทีสำคัญกว่า เราให้หลักฐานผลของพลังงานประหยัด โดยแสดงว่า ความรู้สึกมีประสิทธิภาพเพิ่มความปรารถนาที่จะรักษาสถานะปัจจุบัน การทำเช่นนั้น เรายังหวังว่าจะนำไปสู่การวิจัยที่มีอยู่บนไฟ โดยแสดงผลของความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพของตัดสินใจเก็บเงิน แทนที่ใช้มัน (Dubois, Rucker และ Galinsky 2012 Rucker และ Galinsky 2551, 2552) จริง ขาดการประหยัดคือ ความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่วิกฤตหนี้จะเพิ่มขึ้น (Camara 2012) เราหวังว่า งานวิจัยนี้อาจ ameliorate ความท้าทายนี้ โดยแสดงว่า หนึ่งบันทึกจำนวนเงินที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของ powe

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

"เงินเป็นอำนาจ." - แอนดรูแจ็คสันแม้ว่าคำพูดเหล่านี้ถูกพูดเกือบ 200 ปีที่ผ่านมาพวกเขายังคงเป็นจริงแม้วันนี้ งานวิจัยที่ยังหลงเหลืออยู่ได้แสดงให้เห็นการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างอำนาจและเงินเป็นเงินเป็นแหล่งที่พบบ่อยของการใช้พลังงาน (เคลท์และ Langne​​r 2007) รู้ว่ามีเงินทำให้คนรู้สึกมีประสิทธิภาพ (Furnham 1984) ที่เรากำหนดไว้ในการตรวจสอบหากมีอาการที่มีประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังแจ้งให้เต็มใจที่เพิ่มขึ้นเพื่อประหยัดเงิน คำถามนี้เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสองเหตุผล ครั้งแรกที่ประชาชนมีแนวโน้มที่จะมีประสบการณ์ของความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพ (เช่นการสัมภาษณ์พนักงานที่มีศักยภาพให้คำแนะนำ) และไม่มีอำนาจ (เช่นปกป้องวิทยานิพนธ์ส่งใบสมัครงาน) ในชีวิตประจำวัน (เกอร์และ Galinsky 2008) ประการที่สองชาวอเมริกันส่วนใหญ่บันทึกน้อยเกินไป แม้หลังจากที่วิกฤตการเงินปี 2008 ส่วนใหญ่ของครัวเรือนอเมริกันไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการประหยัดของพวกเขา (เครเมอ 2013) แม้ว่าคำอธิบายว่าทำไมคนล้มเหลวที่จะประหยัดเงินของพวกเขาที่อุดมสมบูรณ์ (. เบอร์แทรนด์ Mullainathan และ Shafir 2006 มณี et al, 2013; Vohs แล้วร้าง 2007) ส่วนใหญ่ของคำอธิบายที่เสนอจะค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลง - เช่นระดับการศึกษาการศึกษาครอบครัวและ ระดับของการควบคุมตนเอง ในงานวิจัยนี้เรามุ่งเน้นให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจเล็ก ๆ ในความคิดของแต่ละบุคคล - ไม่ว่าพวกเขารู้สึกว่ามีประสิทธิภาพ - ที่อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนเงินที่พวกเขายินดีที่จะบันทึก ผลการศึกษาแสดงให้เห็นห้าว่าประสบการณ์ของความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทั้งความตั้งใจในการบันทึกและเงินฝากออมทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริง เราแสดงให้เห็นว่าบุคคลที่รู้สึกที่มีประสิทธิภาพประหยัดมากขึ้นเพราะมันช่วยให้พวกเขาในการรักษาสถานะปัจจุบันของพวกเขา สอดคล้องกับกลไกนี้เราแสดงให้เห็นถึงสองเงื่อนไขขอบเขต ครั้งแรกเมื่อวัตถุประสงค์ของการประหยัดจะไม่มีอีกต่อไปเพื่อสะสมเงิน แต่จะใช้จ่ายเงินในสินค้าที่มีสถานะที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่เกิดขั้นพื้นฐานจะถูกกลับรายการและบุคคลที่ไม่มีอำนาจที่ประหยัดมากขึ้น ประการที่สองถ้าเงินไม่สามารถช่วยในการรักษาอำนาจ 5 เพราะอำนาจของคนที่มีอยู่แล้วที่เชื่อถือได้หรือเพราะอำนาจจะถูกเก็บไว้โดยการสะสมทรัพยากรทางเลือกเช่นความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดหายไป ผลงานการวิจัยครั้งนี้มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ในทางทฤษฎีเราหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการวิจัยที่มีอยู่ในการประหยัดโดยการส่องสว่างว่าบางรัฐสถานการณ์เช่นความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพส่งผลกระทบต่ออัตราเงินฝากออมทรัพย์ บางทีอาจจะมีความสำคัญมากที่เรามีให้หลักฐานสำหรับผลของการใช้พลังงานในการประหยัดโดยการแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพความปรารถนาที่จะรักษาสถานะปัจจุบันของคน ๆ หนึ่ง โดยการทำเช่นนี้เรายังหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการวิจัยที่มีอยู่ในอำนาจด้วยการแสดงผลที่ตามมาของความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจของคนที่จะเก็บเงินแทนที่จะใช้มัน (บัวเกอร์และ Galinsky 2012; เกอร์และ Galinsky 2008, 2009) เดอะ จวนขาดการประหยัดเป็นความท้าทายที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่วิกฤตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น (Camara 2012) เราหวังว่างานวิจัยนี้อาจเยียวยาความท้าทายนี้โดยแสดงให้เห็นว่าจำนวนเงินที่หนึ่งสามารถบันทึกรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในความรู้สึกของเสา