Myths of origin" or "creation myths

Myths of origin" or "creation myths" represent an attempt to explain the beginnings of the universe in human language.[23] The most widely accepted version at the time, although a philosophical account of the beginning of things, is reported by Hesiod, in his Theogony. He begins with Chaos, a yawning nothingness. Out of the void emerged Gaia (the Earth) and some other primary divine beings: Eros (Love), the Abyss (the Tartarus), and theErebus.[24] Without male assistance, Gaia gave birth to Uranus (the Sky) who then fertilized her. From that union were born first the Titans—six males:Coeus, Crius, Cronus, Hyperion, Iapetus, and Oceanus; and six females: Mnemosyne, Phoebe, Rhea, Theia, Themis, and Tethys. After Cronus was born, Gaia and Uranus decreed no more Titans were to be born. They were followed by the one-eyed Cyclopes and the Hecatonchires or Hundred-Handed Ones, who were both thrown into Tartarus by Uranus. This made Gaia furious. Cronus ("the wily, youngest and most terrible of Gaia'schildren"[24]), was convinced by Gaia to castrate his father. He did this, and became the ruler of the Titans with his sister-wife Rhea as his consort, and the other Titans became his court.
A motif of father-against-son conflict was repeated when Cronus was confronted by his son, Zeus. Because Cronus had betrayed his father, he feared that his offspring would do the same, and so each time Rhea gave birth, he snatched up the child and ate it. Rhea hated this and tricked him by hiding Zeus and wrapping a stone in a baby's blanket, which Cronus ate. When Zeus was full grown, he fed Cronus a drugged drink which caused him to vomit, throwing up Rhea's other children and the stone, which had been sitting in Cronus's stomach all along. Zeus then challenged Cronus to war for the kingship of the gods. At last, with the help of the Cyclopes (whom Zeus freed from Tartarus), Zeus and his siblings were victorious, while Cronus and the Titans were hurled down to imprisonment in Tartarus.[25]

Attic black-figured amphoradepicting Athena being "reborn" from the head of Zeus, who had swallowed her mother Metis, on the right, Eileithyia, the goddess of childbirth, assists, circa 550–525 BC (Musée du Louvre, Paris).
Zeus was plagued by the same concern and, after a prophecy that the offspring of his first wife, Metis, would give birth to a god "greater than he"—Zeus swallowed her.[26] She was already pregnant with Athena, however, and she burst forth from his head—fully-grown and dressed for war.[27]
The earliest Greek thought about poetry considered the theogonies to be the prototypical poetic genre—the prototypical mythos—and imputed almost magical powers to it. Orpheus, the archetypal poet, also was the archetypal singer of theogonies, which he uses to calm seas and storms in Apollonius' Argonautica, and to move the stony hearts of the underworld gods in his descent to Hades. When Hermes invents the lyre in the Homeric Hymn to Hermes, the first thing he does is sing about the birth of the gods.[28] Hesiod's Theogony is not only the fullest surviving account of the gods, but also the fullest surviving account of the archaic poet's function, with its long preliminary invocation to the Muses. Theogony also was the subject of many lost poems, including those attributed to Orpheus, Musaeus, Epimenides, Abaris, and other legendary seers, which were used in private ritual purifications and mystery-rites. There are indications that Plato was familiar with some version of the Orphic theogony.[29] A silence would have been expected about religious rites and beliefs, however, and that nature of the culture would not have been reported by members of the society while the beliefs were held. After they ceased to become religious beliefs, few would have known the rites and rituals. Allusions often existed, however, to aspects that were quite public.
Images existed on pottery and religious artwork that were interpreted and more likely, misinterpreted in many diverse myths and tales. A few fragments of these works survive in quotations by Neoplatonist philosophers and recently unearthed papyrus scraps. One of these scraps, theDerveni Papyrus now proves that at least in the fifth century BC a theogonic-cosmogonic poem of Orpheus was in existence.[30]
The first philosophical cosmologists reacted against, or sometimes built upon, popular mythical conceptions that had existed in the Greek world for some time. Some of these popular conceptions can be gleaned from the poetry of Homer and Hesiod. In Homer, the Earth was viewed as a flat disk afloat on the river of Oceanus and overlooked by a hemispherical sky with sun, moon, and stars. The Sun (Helios) traversed the heavens as a charioteer and sailed around the Earth in a golden bowl at night. Sun, earth, heaven, rivers, and winds could be addressed in prayers and called to witness oaths. Natural fissures were popularly regarded as entrances to the subterranean house of Hades and his predecessors, home of the dead.[31] Influences from other cultures always afforded new themes.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตำนานของต้นกำเนิด"หรือ"สร้างตำนาน"แสดงถึงความพยายามที่จะอธิบายจุดเริ่มต้นของจักรวาลในภาษามนุษย์ [23] ที่สุดยอมรับอย่างกว้างขวางรุ่นเวลา แม้ว่ามีรายงานบัญชีปรัชญาของจุดเริ่มต้นของกิจกรรม โดย Hesiod ใน Theogony ของเขา เขาเริ่มต้น ด้วยความสับสนวุ่นวาย yawning nothingness ไม่โมฆะเกิดเอีย (โลก) และบางอื่น ๆ หลักพระเทพ: อีรอส (ความรัก), นรก (ทาร์ทารัส), และ theErebus [24] โดยความช่วยเหลือชาย เอียให้กำเนิดดาวยูเรนัส (ท้องฟ้า) ที่ปฏิสนธิแล้ว เธอ จากสหภาพที่เกิดก่อนเดอะไททันส์ – 6 ชาย: Coeus, Crius, Cronus ไฮเพอร์เรียน Iapetus และโอเชีย นัส และหญิง 6: Mnemosyne, Phoebe เรีย Theia, Themis และ Tethys หลังจากเกิด Cronus เอียและดาวยูเรนัส decreed Titans อย่างไม่ได้เกิดขึ้น พวกเขาถูกตาม one-eyed Cyclopes และ Hecatonchires หรือ Hundred-Handed คน ซึ่งทั้งสองถูกโยนไปในทาร์ทารัส โดยดาวยูเรนัส นี้ได้เอียโกรธ Cronus ("แพรว อายุน้อยที่สุด และน่ากลัวที่สุดของ Gaia'schildren"[24]) ถูกเชื่อ โดยเอียตอนบิดา เขาทำอย่างนี้ และกลายเป็น ไม้บรรทัดของ Titans น้องสาวภรรยาเรียเป็นมเหสีของพระองค์ และเดอะไททันส์เป็น ศาลของเขาสาระสำคัญของความขัดแย้งของพ่อกับลูกชายถูกทำซ้ำเมื่อ Cronus มีบุตร ซุส เพราะ Cronus มีทรยศพ่อของเขา เขากลัวว่า ลูกหลานของเขาจะทำเหมือนกัน และกันเรียให้กำเนิด เขากระชากขึ้นเด็ก และกินมัน เรียขี้เกียจนี้ และหลอกเขาซ่อนซุส และตัดหินในครอบของเด็ก ที่ Cronus กิน เมื่อซุสเต็มโต เขาเลี้ยง Cronus เครื่องดื่ม drugged ซึ่งทำให้เขาอาเจียน ขว้างปาของเรียเด็กอื่น ๆ และหิน ซึ่งมีการนั่งในท้องของ Cronus ก็ ซุสท้าทาย Cronus ศึกในดำรัสของพระเจ้าแล้ว ในที่สุด ช่วย Cyclopes (ที่ซุสรอดจากทาร์ทารัส), ซุสและพี่น้องของเขาได้รับชัยชนะ ในขณะที่ Cronus และเดอะไททันส์ได้อัปปางลงโทษจำคุกในทาร์ทารัส [25] Amphoradepicting สแตนห้องคิดดำเด็นถูก "รีบอร์น" จากหัวซูส ซึ่งได้กลืนกินเธอแม่ Metis ด้านขวา Eileithyia เจ้าของคลอด ช่วย เซอร์กา 550 – 525 BC (พื้นที่ต่าง ๆ ดูลูฟร์ ปารีส)ซุสที่ plagued โดยความกังวลเดียว และ หลัง จากคำทำนายที่ว่า จะให้กำเนิดลูกหลานของภรรยาของเขาครั้งแรก Metis เพื่อพระเจ้า "มากกว่าเขา" — ซุสกลืนกินเธอ [26] เธอแล้วตั้งครรภ์กับเด็น อย่างไรก็ตาม และเธอระเบิดออกมาจากหัวของเขาตัว โตเต็มที่ และการแต่งตัวสำหรับสงคราม [27]แรกสุดคิดว่า เกี่ยวกับบทกวีกรีกถือ theogonies เป็น ประเภทบทกวี prototypical — prototypical mythos — และควาบพลังวิเศษเกือบจะ ออเฟอุสเฮาส์ กวีอย่างไร archetypal เป็นนักร้องอย่างไร archetypal ของ theogonies ซึ่งเขาใช้ เพื่อสงบทะเลและพายุใน Argonautica Apollonius' และย้ายหัวใจชาดของเทพเจ้ามังกรในเชื้อสายของเขากับฮาเดส เมื่อ Hermes หนึ่ง lyre ในสวด Homeric กับ Hermes สิ่งแรกที่เขาไม่เป็นสิงห์เกี่ยวกับการเกิดของพระเจ้า [28] Hesiod Theogony คือ ไม่เพียงบัญชี fullest รอดตายของพระเจ้า แต่ยังบัญชี fullest รอดตายงานของกวีพวก กับเรียกความยาวเบื้องต้นการ Muses Theogony เป็นเรื่องของหลายสูญเสียบทกวี รวมทั้งบันทึก การซัก Musaeus, Epimenides, Abaris, seers ตำนานอื่น ๆ ซึ่งถูกใช้ใน purifications ส่วนพิธีและพิธีกรรมลึกลับ มีบ่งชี้ว่า เพลโตไม่คุ้นเคยกับบางรุ่น Orphic theogony [29] เงียบจะถูกคาดหวังเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ แต่ และที่ธรรมชาติของวัฒนธรรมจะไม่มีการรายงาน โดยสมาชิกของสังคมในขณะที่ถือได้ว่าเป็นความเชื่อ หลังจากนั้นเพิ่มเป็น ความเชื่อทางศาสนา ไม่กี่จะมีรู้จักพิธีกรรมและพิธีกรรม Allusions มักจะอยู่ อย่างไรก็ตาม กับด้านที่ค่อนข้างสาธารณะภาพที่อยู่บนเครื่องปั้นดินเผาและงานศิลปะทางศาสนา ที่ถูกแปลว่า misinterpreted ในหลากหลายตำนานและนิทานมาก บางชิ้นส่วนของงานเหล่านี้อยู่รอดในใบเสนอราคาโดยนักปรัชญา Neoplatonist และเศษกระดาษพาไพรัสที่เพิ่ง unearthed หนึ่งของเศษอาหารเหล่านี้ theDerveni พาไพรัสขณะนี้พิสูจน์ว่า น้อยในก่อนคริสต์ศตวรรษที่ห้า บาท theogonic cosmogonic ของออเฟอุสเฮาส์อยู่ดำรงอยู่ [30]Cosmologists ปรัชญาแรกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับ หรือบางครั้งสร้างขึ้น conceptions ตำนานยอดนิยมที่มีอยู่ในโลกกรีกบางครั้ง Conceptions ยอดนิยมเหล่านี้บางอย่างสามารถคาดจากบทกวีของโฮเมอร์และ Hesiod ในโฮเมอร์ โลกที่ดูเป็นแบนดิสก์ลอยบนแม่น้ำโอเชียนัส และมองข้าม โดยฟ้าครึ่ง กับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาว ดวงอาทิตย์ (เฮลิออส) ไม่เหมือนกันฟ้าเป็นการ charioteer และแล่นรอบโลกในชามทองคืน ดวงอาทิตย์ โลก สวรรค์ แม่น้ำ ลม และอาจจะอยู่ในคำอธิษฐาน และเรียกรู้เห็น oaths นั้น Fissures ธรรมชาติถูกรู้จักว่าเป็นทางเข้าไปยังบ้านที่ใต้พื้นดินของฮาเดสและรุ่นก่อนของเขา บ้านของคนตาย [31] อิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่น ๆ นี่ชุดใหม่เสมอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตำนานของการกำเนิด "หรือ" สร้างตำนาน "เป็นตัวแทนของความพยายามที่จะอธิบายจุดเริ่มต้นของจักรวาลในภาษาของมนุษย์. [23] รุ่นส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเวลาแม้ว่าบัญชีปรัชญาของการเริ่มต้นของสิ่งที่รายงานโดยเฮเซียด . ใน Theogony ของเขาเขาเริ่มต้นด้วยความโกลาหลเป็นความว่างเปล่าหาวออกจากการเป็นโมฆะโผล่ออกมา Gaia (โลก) และอื่น ๆ สิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าหลัก.. ความรัก (ความรัก), นรก (ทาร์ทารัส) และ theErebus [24] โดยไม่ต้องชาย ช่วยเหลือ Gaia ให้กำเนิดดาวยูเรนัส (ฟ้า) แล้วปฏิสนธิของเธอจากว่าสหภาพเกิดครั้งแรกที่ไททันส์หกเพศ: Coeus, Crius, โครนัส, ไฮเปอร์เพทัสและ Oceanus และหกหญิง:. เนโมซีนพีบีนกกระจอกเทศ , Theia, Themis และเทธิส. หลังจากที่โครนัสเกิด Gaia และดาวยูเรนัสกำหนดไม่มีไททันส์อื่น ๆ ที่กำลังจะเกิด. พวกเขาถูกตามด้วย Cyclopes ตาเดียวและ Hecatonchires หรือคนร้อยมือทั้งสองคนโยนลงไปในทาร์ทารัสโดย ดาวยูเรนัส. นี้ทำให้โกรธ Gaia. โครนัส ("ผู้เจ้าเล่ห์ที่อายุน้อยที่สุดและส่วนใหญ่ที่น่ากลัวของ Gaia'schildren" [24]) เชื่อว่าการตัดอัณฑะปฐมภพพ่อของเขา เขาทำแบบนี้และกลายเป็นผู้ปกครองของไททันส์กับน้องสาวของภรรยาของเขาเป็นนกกระจอกเทศมเหสีของเขาและไททันส์อื่น ๆ กลายเป็นของศาล.
บรรทัดฐานของความขัดแย้งพ่อกับลูกชายอีกครั้งเมื่อโครนัสกำลังเผชิญหน้ากับลูกชายของเขาซุส เพราะได้ทรยศโครนัสพ่อของเขาเขากลัวว่าลูกหลานของเขาจะทำเช่นเดียวกันและเพื่อให้ทุกครั้งนกกระจอกเทศให้กำเนิดเขาคว้าเด็กและกินมัน นกกระจอกเทศเกลียดนี้และหลอกให้เขาโดยการซ่อนซุสและการตัดหินในผ้าห่มของทารกที่กินโครนัส เมื่อซุสได้รับการเติบโตขึ้นอย่างเต็มรูปแบบที่เขาเลี้ยงโครนัสเครื่องดื่มมึนเมาที่ทำให้เขาอาเจียนอาเจียนนกกระจอกเทศของเด็กคนอื่น ๆ และหินซึ่งได้รับการนั่งอยู่ในกระเพาะอาหารของโครนัสตลอด ซุสโครนัสแล้วความท้าทายในการสงครามกษัตริย์ของพระเจ้า ที่ล่าสุดด้วยความช่วยเหลือของ Cyclopes (ซึ่งซุสเป็นอิสระจากทาร์ทารัส) ที่ซุสและพี่น้องของเขาได้รับชัยชนะในขณะที่โครนัสและไททันส์ที่ถูกโยนลงไปจำคุกในทาร์ทารัส. [25] หลังคาสีดำคิด amphoradepicting อธีนาเป็น "เกิดใหม่" จากหัวของซุสที่ได้กลืนกินแม่ลูกผสมของเธอด้านขวา Eileithyia เทพีแห่งการคลอดบุตรช่วยประมาณ 550-525 ปีก่อนคริสตกาล (Musée du Louvre, ปารีส). ซุสถูกรบกวนด้วยความกังวลเดียวกันและหลังจากที่ คำทำนายว่าลูกของภรรยาคนแรกของเขาลูกผสมจะให้กำเนิดพระเจ้า "ยิ่งกว่า" -Zeus กลืนกินเธอ. [26] เธอเป็นคนตั้งครรภ์ที่มีอยู่แล้ว Athena อย่างไรและเธอระเบิดออกมาจากหัวโตอย่างเต็มที่ของเขา และสวมใส่สำหรับการทำสงคราม. [27] ความคิดกรีกที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับบทกวีถือว่า theogonies ที่จะเป็นบทกวีแม่บทประเภทแม่บทมิ ธ อสและตั๋วพลังวิเศษเกือบไป ออร์ฟัสกวีเทพยังเป็นนักร้องตามแบบฉบับของ theogonies ซึ่งเขาใช้เพื่อความสงบทะเลและพายุใน Apollonius 'Argonautica และจะย้ายหัวใจหินของพระเจ้านรกในเชื้อสายของเขาไปนรก เมื่อ Hermes ประดิษฐ์พิณในโฮเมอร์เพลงเพื่อ Hermes, สิ่งแรกที่เขาทำคือร้องเพลงเกี่ยวกับการเกิดของพระเจ้า. [28] เฮเซียดของ Theogony ไม่ได้เป็นเพียงบัญชีที่รอดตายอย่างเต็มที่ของพระเจ้า แต่ยังบัญชีที่รอดตายอย่างเต็มที่ของ ฟังก์ชั่นของกวีโบราณด้วยการภาวนาเบื้องต้นยาวเพื่อแรงบันดาลใจ Theogony ยังเป็นเรื่องของบทกวีที่หายไปจำนวนมากรวมทั้งผู้ที่มาประกอบกับออร์ฟัส Musaeus, Epimenides, Abaris และพยากรณ์ตำนานอื่น ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมบริสุทธิ์ส่วนตัวและความลึกลับพิธีกรรม- มีข้อบ่งชี้ว่าเพลโตเป็นที่คุ้นเคยกับรุ่นบางส่วนของ Theogony Orphic มี. [29] เงียบจะได้รับการคาดหวังเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่ออย่างไรและลักษณะของวัฒนธรรมที่จะไม่ได้รับรายงานจากสมาชิกของสังคมในขณะที่ ความเชื่อที่ถูกจัดขึ้น หลังจากที่พวกเขาหยุดที่จะกลายเป็นความเชื่อทางศาสนาน้อยจะได้รู้จักกันพิธีกรรมและพิธีกรรม อธิฐานมักจะอยู่ แต่กับด้านที่มีประชาชนค่อนข้าง. ภาพอยู่บนเครื่องปั้นดินเผาและงานศิลปะทางศาสนาที่ถูกตีความและมีโอกาสมากขึ้นในการตีความที่หลากหลายมากตำนานและนิทาน ชิ้นบางส่วนของผลงานเหล่านี้อยู่รอดได้ในใบเสนอราคาโดยนักปรัชญา Neoplatonist และค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้เศษกระดาษปาปิรัส หนึ่งในเรื่องที่สนใจเหล่านี้ theDerveni กกตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าอย่างน้อยในศตวรรษที่ห้าบทกวี theogonic-cosmogonic ออร์ฟัสเป็นในการดำรงอยู่. [30] cosmologists ปรัชญาแรกมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อหรือสร้างขึ้นบางครั้งเมื่อมีแนวความคิดที่เป็นตำนานยอดนิยมที่มีอยู่ใน โลกกรีกบางครั้ง บางส่วนของแนวความคิดที่นิยมเหล่านี้สามารถรวบรวมได้จากบทกวีของโฮเมอร์และเฮเซียด ในโฮเมอร์โลกถูกมองว่าเป็นดิสก์แบนลอยในแม่น้ำของ Oceanus และมองข้ามโดยท้องฟ้าครึ่งวงกลมที่มีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาว ดวงอาทิตย์ (Helios) สำรวจชั้นฟ้าทั้งหลายเป็นคนขับรถม้าและแล่นรอบโลกในชามสีทองในเวลากลางคืน ดวงอาทิตย์โลกสวรรค์แม่น้ำและลมจะได้รับการแก้ไขในการสวดมนต์และเรียกว่าคำสาบานที่จะเป็นพยาน รอยแยกธรรมชาติได้รับการยกย่องในฐานะทางเข้าบ้านใต้ดินของนรกและรุ่นก่อนของเขาที่บ้านของผู้ตาย. [31] อิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่น ๆ อึดเสมอรูปแบบใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตำนานของประเทศ " หรือ " ตำนานการสร้าง " เป็นตัวแทนของความพยายามที่จะอธิบายจุดเริ่มต้นของจักรวาลในภาษาของมนุษย์ . [ 23 ] ยอมรับกันมากที่สุดรุ่นในตอนนั้น ถึงแม้ว่าบัญชีปรัชญาของจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ถูกรายงานโดยฮีซีเอิดในของเขา theogony . เขาเริ่มมีความวุ่นวาย หาวความว่างเปล่า ออกมาจากความว่างเปล่ากลายเป็นไก ( โลก ) และบางอื่น ๆหลักของมนุษย์ :Eros ( ความรัก ) นรก ( Tartarus ) และ theerebus [ 24 ] โดยไม่มีความช่วยเหลือเพศชาย ไกอาผู้ให้กำเนิดยูเรนัส ( ท้องฟ้า ) ใครมีเธอ จากที่สหภาพเกิดก่อน ไททันส์ 6 คน : ครีอุสซีอัส , , โครเมียม , Hyperion เพตุสและเนเฟอร์ติติ และหกหญิง : เนโมซายน์ ฟีบี้ เธียเรีย , , ไทยถีบ , และทีธีส . หลังจากที่โครนัสเกิดไกอาและดาวยูเรนัสจึงไม่มีไททันกำลังจะเกิด ตามด้วยหนึ่งตัวไซคลอปและ hecatonchires หรือร้อยให้คนที่ถูกโยนลงไปในทาร์ทารัสโดยมฤตยู นี้ทำให้ไกอาโกรธ โครนัส ( " ไวลี่ น้องเล็ก และน่ากลัวที่สุดของ gaia'schildren " [ 24 ] ) เชื่อว่าโดยไกอา ทำหมัน พ่อของเขา เขาทำแบบนี้และกลายเป็นผู้ปกครองของไททันกับเรอา ภรรยาน้องสาวเป็นมเหสีของเขา และยักษ์ใหญ่อื่น ๆกลายเป็นศาลของเขา .
แม่ลายของพ่อกับลูกชาย คือ ความขัดแย้งซ้ำเมื่อโครนัสถูกเผชิญหน้าโดยลูกชายของเขา ซุส เพราะ โครนัสได้ทรยศพ่อของเขา เขากลัวว่าลูกหลานของเขาจะทำเช่นเดียวกัน และในแต่ละครั้งดังนั้น เรีย คลอด เขาเอาขึ้นเด็กและกินมันเรอา เกลียดและหลอกเขาโดยซ่อน Zeus และตัดหินในผ้าห่มของทารก ซึ่งโครนุสิน เมื่อซุสได้เต็มโต เขาเลี้ยง โครนัสเป็นยาดื่มซึ่งทำให้เขาอ้วก อาเจียน เรีย ของเด็กอื่น ๆ และหิน ซึ่งได้นั่งอยู่ในท้องของโครนัสตลอดมา ซุสแล้วท้าทาย โครนัสสงครามในรัชสมัยของพระเจ้า ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของไซคลอป ( ที่ซุสปลดปล่อยจากทาร์ทารัส ) , Zeus และพี่น้องของเขากับชัยชนะ ขณะที่ โครนัสไททันส์ถูกโยนลงไปและถูกจองจำอยู่ในทาร์ทารัส [ 25 ]

หลังคาดำคิดว่า amphoradepicting อาเธน่า " เกิดใหม่ " จากหัวของซุสที่ได้กลืนกิน แม่ของเธอมี บนขวา ลธีเย , เทพธิดา , การคลอดบุตร ช่วยประมาณ 550 - 525 BC ( พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ,ปารีส ) .
Zeus คือเต็มไปด้วยความกังวลเดียวกันและหลังจากคำทำนายที่เป็นลูกของภรรยาคนแรก ลูกครึ่ง จะให้กำเนิดพระเจ้า " เขามากกว่า " ซีอุสกลืนเธอ [ 26 ] เธอตั้งท้องแล้วกับอาเธน่า แต่เธอระเบิดออกมาจากหัวโต เต็มที่ แต่งตัวสำหรับสงคราม [ 27 ]
แรกคิดเกี่ยวกับบทกวีกรีกถือว่า theogonies เป็นประเภทบทกวีแบบที่ธรรมดาและ Mythos ใดๆเกือบจะขลังมีพลังครับ โอฟี่ กวีเทพ ยังเป็นนักร้องตามแบบฉบับของ theogonies ซึ่งเขาใช้เพื่อความสงบของทะเลและพายุใน Apollonius ของ argonautica และย้ายหัวใจหินของยมโลก เทพเจ้าในเชื้อสายของเขา ฮาเดสเมื่อเฮอร์มีสประดิษฐ์พิณในเพลงสวด homeric เพื่อแอร์เมส สิ่งแรกที่เขาทำคือร้องเพลงเกี่ยวกับกำเนิดของพระเจ้า [ 28 ] ฮีซีเอิดของ theogony ไม่เพียงรอดตายบัญชีเต็มของพระเจ้า แต่ยังเต็มอยู่ในบัญชีการทำงานของกวีโบราณ ด้วยการเบื้องต้นของนานแรงบันดาลใจ . theogony ก็เรื่องของมากมายที่สูญเสียบทกวีรวมทั้งผู้ประกอบกับโอฟี่ musaeus เมนิดีส Abaris , , และหยั่งรู้ในตำนานอื่น ๆซึ่งใช้ในพิธีกรรมและพิธีกรรมลึกลับ purifications ส่วนตัว . มีข้อบ่งชี้ว่าเพลโตเป็นที่คุ้นเคยกับบางรุ่นของเกี่ยวกับ Orpheus theogony [ 29 ] เงียบคงจะคาดหวังเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อ อย่างไรก็ตามและลักษณะของวัฒนธรรมจะได้รับการรายงานโดยสมาชิกของสังคม ในขณะที่ความเชื่อถูกจัดขึ้น หลังจากที่พวกเขาหยุดที่จะกลายเป็น ความเชื่อทางศาสนา ไม่ต้องรู้พิธีการและพิธีกรรม พาดพิงบ่อยอยู่ แต่ไปในลักษณะที่ค่อนข้างสาธารณะ
ภาพอยู่ในเครื่องปั้นดินเผา และศิลปะทางศาสนาที่ถูกตีความ และมีโอกาสมากขึ้นตีความผิดในตำนานที่หลากหลายมากมาย และนิทาน ไม่กี่ชิ้นของผลงานเหล่านี้อยู่รอดในใบเสนอราคาโดยนักปรัชญาลัทธิพลาโตใหม่และเพิ่งขุดมาเป็นส่วนเกิน หนึ่งของเศษอาหารเหล่านี้ thederveni กกตอนนี้พิสูจน์ว่าอย่างน้อยในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราชกลอน cosmogonic theogonic ของโอฟี่อยู่ในการดำรงอยู่ [ 30 ]
cosmologists ปรัชญาแรกปฏิกิริยาต่อต้าน หรือบางครั้งก็สร้างขึ้นจากมโนทัศน์ในตำนานที่นิยมที่มีอยู่ในโลกกรีกสำหรับบางเวลา บางส่วนของแนวความคิดเหล่านี้ความนิยมสามารถรวบรวมได้จากบทกวีของโฮเมอร์และฮีซีเอิด . ในโฮเมอร์ , โลกถูกมองว่าเป็นแบนดิสลอยในแม่น้ำของโอเชียนัสและมองโดยครึ่งวงกลมท้องฟ้ากับดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดาวดวงอาทิตย์ ( Helios ) เดินทางไปสวรรค์เป็นสารถี และแล่นเรือรอบโลกในชามโกลเด้น ตอนกลางคืน ดวงอาทิตย์ โลก สวรรค์ แม่น้ำ และลมสามารถ addressed ในคำอธิษฐาน และเรียกพยานคำสาบาน . ธรรมชาติ fissures คือนิยมถือว่าเป็นทางเข้าบ้านใต้ดินของฮาเดสและรุ่นก่อนของเขาที่บ้านของคนตาย [ 31 ] อิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่น ๆ เสมอให้ธีมใหม่