Fields and Homegardens (representat

Fields and Homegardens (representative of tropical smallholder extensive and intensive systems) were
compared for soil quality and productivity of maize and mungbean in a hilly region of Sri Lanka (twinned
30 farms with Fields and Homegardens, each) over 2 years. The inclination categories were Flat (0–10%),
Moderate (10–30%) and Steep (>30%). On half of the farms, green manure was added using Gliricidia leaves
(3 tonnes ha−1 per season). Soil organic matter contents of Homegardens were at least 30% greater than in
Fields, most pronounced in the Flat category. After 2 years of continuous maize and mungbean cropping
in the major and minor rainy seasons, respectively, SOM generally declined; the greater depletion rate
in Homegardens was positively correlated with crop yields. With recommended fertilizers (NPK), maize
yield was always significantly higher in Homegardens than in Fields Flat and Moderate, this hold true
at Steep lands only without NPK. Maize yield with NPK was on average two times higher than with
Gliricidia alone, a respectable 4.5 tonnes ha−1 at Flat and Moderate, and 3.5 tonnes ha−1 even on Steep
lands, seemingly the chemical soil fertility was more lacking than the physical properties. Gliricidia
alone had no impact on yield in Fields but just in Homegardens, yield was increased by almost 30% in
comparison to Zero fertilizer, an indication that chemical fertility was not directly supported by Gliricidia.
Mungbean yields were generally less influenced by treatments, just the beneficial short term impacts
of Gliricidia in Fields were relatively much higher than in maize. Conclusively, the long term input of
organic manure in Homegardens was translated into a higher productivity in comparison to extensively
managed Fields. However, the annual green manure supply supported yields mostly at marginal input
levels and was overridden by mineral fertilizers independent of the inclination. Although, the usefulness
of Gliricidia in degraded Steep lands was proven, the great risk of erosion remains in this landscape. Arable
cropping there should be replaced by access to NPK on low inclined land once socio-economic conditions
allow it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฟิลด์และ Homegardens (ตัวแทนของระบบอย่างละเอียด และเข้มข้นเกษตรกรเขตร้อน)เปรียบเทียบคุณภาพดินและผลผลิตของข้าวโพดและถั่วเขียวในเขตฮิลลีของศรีลังกา (twinnedฟาร์ม 30 เขตและ Homegardens ละ) 2 ปี ประเภทความเอียงถูกแบน (0-10%),ปานกลาง (10-30%) และสูงชัน (> 30%) ในครึ่งหนึ่งของฟาร์ม มูลเขียวถูกเพิ่มโดยใช้ใบแค(ตัน 3 ha−1 ต่อฤดูกาล) ดินอินทรีย์เนื้อหาของ Homegardens ได้อย่างน้อย 30% มากกว่าในฟิลด์ การออกเสียงมากที่สุดในประเภทแบน หลังจาก 2 ปีของข้าวโพดอย่างต่อเนื่องและการปลูกพืชถั่วเขียวในการ และฤดูฝนฤดู ตามลำดับ ส้มทั่วไปปฏิเสธ อัตราการลดลงของค่าใน Homegardens ถูกบวก correlated กับผลผลิตพืช มีแนะนำปุ๋ย (NPK), ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างมีนัยสำคัญสูงใน Homegardens กว่าแบนฟิลด์และปานกลาง นี้ค้างจริงผลตอบแทนอยู่เสมอในดินแดนที่สูงชันไม่มี NPK เท่านั้น ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มี NPK ได้ โดยเฉลี่ยสองครั้งสูงกว่าด้วยHa−1 4.5 ตันเกียรติที่แบน และปานกลาง และ 3.5 ตัน ha−1 แม้ในชันเดียว แคดินแดน ดูเหมือนว่าความอุดมสมบูรณ์ดินเคมีได้เพิ่มเติมขาดมากกว่าคุณสมบัติทางกายภาพ แคคนเดียวก็ไม่ส่งผลกระทบกับผลผลิตในเขตแต่ใน Homegardens ผลผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในเปรียบเทียบกับศูนย์ปุ๋ย การบ่งชี้ว่า ความอุดมสมบูรณ์ทางเคมีไม่ตรงได้รับการสนับสนุน โดยแคMungbean yields were generally less influenced by treatments, just the beneficial short term impactsof Gliricidia in Fields were relatively much higher than in maize. Conclusively, the long term input oforganic manure in Homegardens was translated into a higher productivity in comparison to extensivelymanaged Fields. However, the annual green manure supply supported yields mostly at marginal inputlevels and was overridden by mineral fertilizers independent of the inclination. Although, the usefulnessof Gliricidia in degraded Steep lands was proven, the great risk of erosion remains in this landscape. Arablecropping there should be replaced by access to NPK on low inclined land once socio-economic conditionsallow it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทุ่งนาและ Homegardens (ตัวแทนของเกษตรกรรายย่อยในเขตร้อนระบบที่กว้างขวางและเข้มข้น)
ได้รับการเปรียบเทียบคุณภาพดินและผลผลิตของข้าวโพดและถั่วเขียวในพื้นที่ที่เป็นภูเขาศรีลังกา(จับคู่
30 ฟาร์มที่มีทุ่งนาและ Homegardens แต่ละ) ในช่วง 2 ปี ประเภทความโน้มเอียงที่ถูกแบน (0-10%)
ปานกลาง (10-30%) และสูงชัน (> 30%) ในครึ่งหนึ่งของฟาร์มปุ๋ยพืชสดถูกบันทึกโดยใช้ใบ Gliricidia
(3 ตันฮ่า-1 ต่อฤดูกาล) ดินเนื้อหาของสารอินทรีย์ Homegardens อย่างน้อย 30%
มากกว่าในเขตข้อมูลที่เด่นชัดมากที่สุดในหมวดหมู่แบน หลังจาก 2
ปีของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างต่อเนื่องและการปลูกพืชถั่วเขียวในฤดูฝนใหญ่และรายย่อยตามลำดับSOM โดยทั่วไปลดลง; อัตราการสูญเสียมากขึ้นใน Homegardens มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับผลผลิตพืช
กับปุ๋ยที่แนะนำ (NPK)
ข้าวโพดผลผลิตอยู่เสมออย่างมีนัยสำคัญที่สูงขึ้นในHomegardens
กว่าในทุ่งแบนและปานกลางนี้ถือเป็นจริงในดินแดนที่สูงชันเพียงแต่ไม่มี NPK ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มี NPK เป็นค่าเฉลี่ยสองครั้งสูงกว่าด้วย
Gliricidia คนเดียวนับถือ 4.5 ตันฮ่า-1 ที่แบนและปานกลางและ 3.5 ตันฮ่า-1
แม้ในที่สูงชันที่ดินดูเหมือนอุดมสมบูรณ์ของดินทางเคมีได้มากขึ้นขาดกว่าคุณสมบัติทางกายภาพ. Gliricidia
เพียงอย่างเดียวไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตในทุ่งนา แต่เพียงใน Homegardens ผลผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 30%
ในการเปรียบเทียบกับศูนย์ปุ๋ยที่มีข้อบ่งชี้ว่าความอุดมสมบูรณ์ของสารเคมีที่ไม่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากGliricidia.
อัตราผลตอบแทนถั่วเขียวโดยทั่วไปได้รับอิทธิพลน้อยลงโดยการรักษาเพียง
ผลกระทบระยะสั้นที่เป็นประโยชน์ของGliricidia ในทุ่งค่อนข้างสูงกว่าในข้าวโพด สรุปการป้อนข้อมูลในระยะยาวของปุ๋ยอินทรีย์ใน Homegardens ได้รับการแปลเป็นผลผลิตที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับอย่างกว้างขวางทุ่งจัดการ อย่างไรก็ตามการจัดหาปุ๋ยพืชสดประจำปีอัตราผลตอบแทนส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนในการป้อนข้อมูลส่วนเพิ่มระดับและถูกแทนที่โดยปุ๋ยแร่ที่เป็นอิสระจากความโน้มเอียง แม้ว่าประโยชน์ของ Gliricidia ในดินแดนที่สูงชันเสื่อมโทรมได้รับการพิสูจน์ความเสี่ยงที่ดีของการกัดเซาะยังคงอยู่ในภูมิทัศน์นี้ การเพาะปลูกมีการปลูกพืชควรถูกแทนที่ด้วยการเข้าถึง NPK ในดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความโน้มเอียงที่ต่ำสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมให้มัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เขตข้อมูลและ homegardens ( ตัวแทนของเขตร้อนโครงสร้างอย่างละเอียดและเข้มข้นระบบ )
เปรียบเทียบคุณภาพดินและผลผลิตของข้าวโพดและถั่วเขียวในเขตที่ราบสูงของศรีลังกา ( ทวิน
30 ฟาร์มกับเขตข้อมูลและ homegardens แต่ละ ) กว่า 2 ปี ความโน้มเอียงประเภทถูกแบน ( 0 – 10 % ) ,
ปานกลาง ( 10 – 30 % ) และสูง ( 30% ) เกี่ยวกับครึ่งหนึ่งของฟาร์มปุ๋ยเพิ่มการใช้ gliricidia ใบ
( 3 ตันฮา− 1 ต่อฤดูกาล ) ดินอินทรีย์เนื้อหาของ homegardens อย่างน้อย 30% มากกว่าใน
สาขาเด่นชัดมากที่สุดในประเภทแฟลต หลังจาก 2 ปีของข้าวโพดและถั่วเขียวที่ปลูกอย่างต่อเนื่อง
ในรายใหญ่ และรายย่อย ฤดู ฝน ตามลำดับ ซึ่งโดยทั่วไปลดลง ; อัตราการมากขึ้น
ใน homegardens มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับผลผลิตพืช ปุ๋ย ( NPK ) แนะนำผลผลิตข้าวโพด
มักจะสูงกว่าใน homegardens กว่าในเขตแบน และปานกลาง นี้ถือเป็นจริง
ในดินแดนที่สูงชันเท่านั้นโดยไม่ได้ง่าย . ผลผลิตของ ข้าวโพด กับ ให้มีค่า เฉลี่ย 2 ครั้งสูงกว่าด้วย
gliricidia คนเดียว มีเกียรติ 4.5 ตันฮา− 1 แบน และ ปานกลาง และ 3 .5 ตันฮา− 1 แม้ในดินแดนที่สูงชัน
ดูเหมือนเคมีดินยิ่งขาดกว่า คุณสมบัติทางกายภาพ gliricidia
คนเดียวไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตในเขต แต่เพียงใน homegardens ผลผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ใน
เปรียบเทียบกับศูนย์ปุ๋ย แสดงว่าภาวะเจริญพันธุ์เคมีไม่ได้โดยตรงสนับสนุนโดย gliricidia .
ผลผลิตถั่วเขียว มักมีอิทธิพลน้อย โดยการรักษาเพียงประโยชน์ผลกระทบระยะสั้น
ของ gliricidia ในเขตข้อมูลได้ค่อนข้างสูงกว่าในข้าวโพด ซึ่งในระยะยาวปัจจัยการผลิต
ปุ๋ยคอกใน homegardens แปลในการผลิตที่สูงขึ้นในการเปรียบเทียบกับอย่างกว้างขวาง
จัดการเขต อย่างไรก็ตามประจำปี จัดหาปุ๋ย ผลผลิตส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนในระดับน้อยและถูกแทนที่ด้วยข้อมูล
แร่ปุ๋ยอิสระของความโน้มเอียง แม้ว่าประโยชน์
ของ gliricidia ในทรามสูงชันที่ดินพบว่า ความเสี่ยงที่ดีของการกัดเซาะยังคงอยู่ในภูมินี้ การปลูกพืชเพาะปลูก
มีควรถูกแทนที่ด้วยการเข้าถึง NPK ต่ำเอียงแผ่นดินเมื่อเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและสังคม
อนุญาต