Cola is a sweetened, carbonated sof

Cola is a sweetened, carbonated soft drink, derived from drinks that originally contained caffeine from the kola nut and cocaine fromcoca leaves, flavored with vanilla and other ingredients. Most colas now use other flavoring (and caffeinating) ingredients with a similar taste and no longer contain cocaine. Colas became popular worldwide after pharmacist John Pemberton invented Coca-Colain 1886. His non-alcoholic recipe was inspired by the coca wine of pharmacist Angelo Mariani, created in 1863. Modern colas usually contain caramel color, caffeine and sweeteners such as sugar or high fructose corn syrup.
Despite the name, the primary modern flavoring ingredients in a cola drink are sugar, citrus oils (from oranges, limes, or lemon fruit peel), cinnamon, vanilla, and an acidic flavorant Manufacturers of cola drinks add trace ingredients to create distinctively different tastes for each brand. Trace flavorings may include nutmeg and a wide variety of ingredients, but the base flavorings that most people identify with a cola taste remain vanilla and cinnamon. Acidity is often provided by phosphoric acid, sometimes accompanied by citric or other isolated acids. Coca-Cola's recipe and several others are maintained as corporate trade secrets.
A variety of different sweeteners may be added to cola, often partly dependent on local agricultural policy. High-fructose corn syrup is predominantly used in the United States and Canada due to the lower cost of government-subsidized corn. In Europe, however, HFCS is subject to production quotas designed to encourage the production of sugar; sugar is thus typically used to sweeten sodas. In addition, stevia or an artificial sweetener may be used; "sugar-free" or "diet" colas typically contain artificial sweeteners only.



Consumers may prefer the taste of soda manufactured with sugar; as in the United States, with imported Mexican Coca-Cola. Kosher for Passover Coca-Cola sold in the U.S. around the Jewish holiday also uses sucrose rather than HFCS and is also highly sought after by people who prefer the original taste. In addition, PepsiCo has recently been marketing versions of its Pepsi and Mountain Dew sodas that are sweetened with sugar instead of HFCS. These are marketed under the name Throwback and became "permanent" products on the lineup.
A 2007 study found that consumption of colas, both those with natural sweetening and those with artificial sweetening, was associated with increased risk of chronic kidney disease. The phosphoric acid used in colas was thought to be a possible cause.
Studies indicate "soda and sweetened drinks are the main source of calories in [the] American diet",so most nutritionists advise that Coca-Cola and other soft drinks can be harmful if consumed excessively, particularly to young children whose soft drink consumption competes with, rather than complements, a balanced diet. Studies have shown that regular soft drink users have a lower intake of calcium, magnesium, ascorbic acid, riboflavin, and vitamin A.










The drink has also aroused criticism for its use of caffeine, which can cause physical dependence (caffeine addiction). A link has been shown between long-term regular cola intake and osteoporosis in older women (but not men). This was thought to be due to the presence of phosphoric acid, and the risk was found to be the same for caffeinated and noncaffeinated colas, as well as the same for diet and sugared colas.
Many soft drinks are sweetened mostly or entirely with high-fructose corn syrup, rather than sugar. Some nutritionists caution against consumption of corn syrup because it may aggravate obesity and type-2 diabetes more than cane sugar.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โคล่าเป็นหวาน อัดลมดื่ม มาจากเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยคาเฟอีนจากอบเชยถั่วและโคเคน fromcoca ใบไม้ รสวานิลลาและส่วนผสมอื่น ๆ เดิม อยู่ เบอร์เกอร์ส่วนใหญ่ใช้ส่วนผสมอื่น ๆ flavoring (และ caffeinating) รสชาติคล้ายกัน และไม่ประกอบด้วยโคเคน เบอร์เกอร์เป็นที่นิยมทั่วโลกหลังจากที่เภสัชกรจอห์น Pemberton Coca-Colain 1886 ที่คิดค้น สูตรไม่มีแอลกอฮอล์ของเขาถูกบันดาลไวน์โค้กของเภสัชกรบุนดาแองเจโล่ ในวันที่ 1863 เบอร์เกอร์ที่ทันสมัยมักจะประกอบด้วยสีคาราเมล คาเฟอีน และสารให้ความหวานเช่นน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรักโทสสูงแม้ มีชื่อ flavoring สมัยหลักส่วนผสมในเครื่องดื่มโคล่ามีน้ำตาล ทดลอง (จากส้ม ไลมส์ หรือเปลือกผลไม้มะนาว), อบเชย วานิลลา และผู้ผลิตเครื่องดื่มโคล่าเปรี้ยว flavorant การเพิ่มส่วนผสมติดตามเพื่อสร้างรสชาติ distinctively แตกต่างกันสำหรับแต่ละแบรนด์ ติดตาม flavorings อาจรวมจันทน์เทศและส่วนผสมที่หลากหลาย แต่ยังคง flavorings พื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ มีรสโคล่า วานิลลาและอบเชย มักจะมีอยู่โดยให้กรดฟอสฟอริก กรดแยกแอซิด ซิทริก หรืออื่น ๆ บางครั้งพร้อม สูตรโคคาโคล่าและหลายอื่น ๆ ถูกเก็บเป็นความลับทางการค้าของบริษัทอาจเพิ่มความหลากหลายของสารให้ความหวานอื่นโคล่า บางส่วนมักจะขึ้นอยู่กับนโยบายการเกษตรในท้องถิ่น น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรักโทสสูงส่วนใหญ่จะใช้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเนื่องจากต้นทุนที่ต่ำกว่าของข้าวโพดรัฐบาลทดแทนกันได้ ในยุโรป ไร HFCS มีโควต้าผลิตออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้ผลิตน้ำตาล โดยทั่วไปจึงเป็นใช้น้ำตาลเพื่อ sweeten sodas นอกจากนี้ stevia หรือเป็นสารให้ความหวานเทียมอาจใช้ เบอร์เกอร์ "ฟรีน้ำตาล" หรือ "อาหาร" โดยทั่วไปประกอบด้วยประดิษฐ์สารให้ความหวานเท่านั้นผู้บริโภคอาจชอบรสชาติของโซดาผลิตน้ำตาล ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีนำ Coca-Cola เม็กซิกัน โคเชอร์ลาเทศกาลปัสกาที่ขายในสหรัฐอเมริการอบวันหยุดชาวยิวใช้ซูโครสมากกว่า HFCS และก็สูงยังหย่อน โดยคนที่ชอบรสชาติดั้งเดิม นอกจากนี้ PepsiCo มีเพิ่งถูกการตลาดรุ่น sodas ของแป๊ปซี่และภูเขา Dew ที่ใสกับน้ำตาลแทน HFCS เหล่านี้จะทำตลาดภายใต้ชื่อใหญ่ Throwback และกลายเป็น ผลิตภัณฑ์ "ถาวร" ใน lineup การศึกษา 2007 พบว่าปริมาณของเบอร์เกอร์ ทั้งที่ ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์ ผู้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคไตเรื้อรัง กรดฟอสฟอริกใช้ในเบอร์เกอร์ไม่คิดว่า จะ ได้ การศึกษาระบุ "โซดาและเครื่องดื่มที่หวานเป็นหลักแหล่งที่มาของแคลอรี่ในอาหาร [] อเมริกัน" เพื่อ nutritionists ส่วนใหญ่แนะนำว่า โคคา-โคล่าและเครื่องดื่มอื่น ๆ สามารถเป็นอันตรายหากใช้มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กปริมาณที่ดื่มแข่งขันกับ มากกว่า เสริมสมดุล ศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ปกติดื่มมีปริมาณต่ำกว่า ของแคลเซียม แมกนีเซียม กรดแอสคอร์บิค วิตามิน วิตามินเอ เครื่องดื่มมียัง aroused วิจารณ์สำหรับการใช้คาเฟอีน ซึ่งสามารถทำให้เกิดการพึ่งพาทางกายภาพ (ยาเสพติดคาเฟอีน) ได้รับการแสดงการเชื่อมโยงระหว่างบริโภคโคล่าปกติระยะยาวและโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงเก่า (แต่ไม่คน) นี้เป็นความคิดที่จะเนื่องจากของกรดฟอสฟอริก และความเสี่ยงที่พบจะ เหมือนกันสำหรับเบอร์เกอร์ caffeinated และ noncaffeinated และเหมือนกันสำหรับอาหาร และ sugared เบอร์เกอร์ดื่มมากจะใสส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด ด้วยน้ำเชื่อมฟรักโทสสูงข้าวโพด แทนน้ำตาล Nutritionists บางระวังกับปริมาณการใช้น้ำเชื่อมข้าวโพดเนื่องจากมันอาจซ้ำเติมโรคอ้วนและโรคเบาหวานประเภท 2 มากกว่าน้ำตาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โคล่าเป็นหวานเครื่องดื่มน้ำอัดลมมาจากเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจากเดิมถั่วปูและใบ fromcoca โคเคนปรุงรสด้วยวานิลลาและส่วนผสมอื่น ๆ Colas ส่วนใหญ่ตอนนี้ใช้เครื่องปรุงอื่น ๆ (และ caffeinating) ส่วนผสมที่มีรสชาติที่คล้ายกันและไม่ได้มีโคเคน Colas กลายเป็นที่นิยมทั่วโลกหลังจากที่จอห์นเพมเบอร์ตันเภสัชกรคิดค้น Coca-Colain 1886 สูตรไม่มีแอลกอฮอล์ของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากไวน์ของโคคาเภสัชกร Angelo Mariani สร้างขึ้นในปี 1863 Colas สมัยใหม่มักจะมีสีคาราเมลคาเฟอีนและสารให้ความหวานเช่นน้ำตาลหรือฟรุกโตสสูง น้ำเชื่อมข้าวโพด.
แม้จะมีชื่อส่วนผสมเครื่องปรุงที่ทันสมัยหลักในเครื่องดื่มโคล่าเป็นน้ำตาล, น้ำมันส้ม (จากส้มมะนาวหรือเปลือกผลไม้มะนาว), อบเชย, วานิลลาและเป็นกรดผลิต flavorant ของเครื่องดื่มโคล่าเพิ่มส่วนผสมร่องรอยการสร้าง รสนิยมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในแต่ละยี่ห้อ รสติดตามอาจรวมถึงลูกจันทน์เทศและความหลากหลายของส่วนผสม แต่รสฐานที่คนส่วนใหญ่ระบุมีรสโคล่ายังคงวานิลลาและอบเชย ความเป็นกรดมักจะถูกจัดไว้ให้โดยกรดฟอสฟอรัสพร้อมบางครั้งโดยกรดซิตริกหรือแยกอื่น ๆ สูตร Coca-Cola และหลายคนอื่นจะยังคงเป็นความลับทางการค้าของ บริษัท .
ความหลากหลายของสารให้ความหวานที่แตกต่างกันอาจมีการเพิ่มโคล่ามักจะส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายทางการเกษตรในท้องถิ่น น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูงถูกนำมาใช้ส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าของข้าวโพดที่รัฐบาลอุดหนุน ในยุโรปอย่างไรก็ตาม HFCS อยู่ภายใต้โควต้าการผลิตออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการผลิตน้ำตาล; น้ำตาลจึงมักจะใช้เพื่อทำให้หวานโซดา นอกจากนี้หญ้าหวานหรือน้ำตาลเทียมอาจจะใช้; "ปราศจากน้ำตาล" หรือ "อาหาร" Colas มักจะมีสารให้ความหวานเทียมเท่านั้น. ผู้บริโภคอาจจะชอบรสชาติของโซดาผลิตด้วยน้ำตาล; เช่นเดียวกับในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีนำเข้าเม็กซิกัน Coca-Cola โคเชอร์ปัสกา Coca-Cola ขายในสหรัฐอเมริการอบวันหยุดของชาวยิวยังใช้น้ำตาลซูโครสมากกว่า HFCS และยังเป็นที่แสวงหาอย่างหลังโดยคนที่ชอบรสชาติดั้งเดิม นอกจากนี้เป๊ปซี่โคได้รับเมื่อเร็ว ๆ นี้รุ่นการตลาดของเป๊ปซี่และโซดาดอยน้ำค้างที่จะมีรสหวานด้วยน้ำตาลแทน HFCS เหล่านี้จะวางตลาดภายใต้ Throwback ชื่อและกลายเป็น "ถาวร" ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผู้เล่นตัวจริง. 2007 ผลการศึกษาพบการบริโภคของ Colas ว่าทั้งผู้ที่มีความหวานธรรมชาติและผู้ที่มีความหวานเทียมมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคไตเรื้อรัง กรดฟอสฟใช้ใน Colas กำลังคิดว่าจะเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้. การศึกษาแสดง "โซดาและเครื่องดื่มที่มีรสหวานเป็นแหล่งที่มาหลักของแคลอรี่ใน [ที่] อาหารอเมริกัน" ดังนั้นนักโภชนาการส่วนใหญ่แนะนำว่า Coca-Cola และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่อาจเป็นอันตราย หากบริโภคมากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กหนุ่มที่มีการบริโภคเครื่องดื่มแข่งขันกับมากกว่าการเติมเต็ม, อาหารที่สมดุล มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าปกติผู้ใช้เครื่องดื่มที่มีการบริโภคที่ลดลงของแคลเซียมแมกนีเซียมวิตามินซี riboflavin และวิตามินเอเครื่องดื่มนอกจากนี้ยังได้กระตุ้นการวิจารณ์การใช้งานของคาเฟอีนซึ่งอาจทำให้เกิดการพึ่งพาอาศัยกันทางกายภาพ(ติดยาเสพติดคาเฟอีน) การเชื่อมโยงได้รับการแสดงระหว่างระยะยาวการบริโภคโคล่าปกติและโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า (แต่ไม่ใช่ผู้ชาย) นี้เป็นความคิดที่จะเกิดจากการปรากฏตัวของกรดฟอสฟอรัสและความเสี่ยงในการถูกพบว่าเป็นเหมือนกันสำหรับ Colas มีคาเฟอีนและ noncaffeinated เช่นเดียวกับเหมือนกันสำหรับการรับประทานอาหารและ Colas sugared. เครื่องดื่มจำนวนมากจะมีรสหวานส่วนใหญ่หรือทั้งหมดด้วยสูง น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสมากกว่าน้ำตาล โภชนาการบางระมัดระวังต่อการบริโภคของน้ำเชื่อมข้าวโพดเพราะอาจทำให้รุนแรงขึ้นโรคอ้วนและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าอ้อย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โคล่าเป็นรสหวาน ดื่มเครื่องดื่มอัดลมเครื่องดื่มที่ได้มาจากเดิมที่มีคาเฟอีนจากโคลา และโคเคน fromcoca ใบ รสวานิลลาและส่วนผสมอื่น ๆ ตอนนี้ใช้อื่น ๆรสโคล่ามากที่สุด ( และ caffeinating ) ผสมกับรสชาติที่คล้ายคลึงกันและไม่มีโคเคน โคล่ากลายเป็นที่นิยมทั่วโลกหลังจากที่เภสัชกรจอห์นเพมเบอร์ตันคิดค้นโคคา colain 1886 .สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ของเขาเป็นแรงบันดาลใจจากโคคา ไวน์ของเภสัชกรแองเจโล Mariani , สร้างขึ้นใน 1863 . โคล่าที่ทันสมัยมักจะมีสีคาราเมล คาเฟอีน และสารให้ความหวาน เช่น น้ำตาล หรือน้ำเชื่อมข้าวโพดสูงฟรักโทส .
แม้จะชื่อหลักที่ทันสมัยเครื่องปรุงส่วนผสมในเครื่องดื่มโคลา คือ น้ำตาล น้ำมันส้ม ( ส้ม , มะนาวหรือเปลือกมะนาวผลไม้ ) , อบเชย , วานิลลาและกรด flavorant ผู้ผลิตโคล่าเครื่องดื่มเพิ่มส่วนผสมติดตามเพื่อสร้างรสชาติความแตกต่างของแต่ละแบรนด์ ติดตามรสอาจรวมถึงลูกจันทน์เทศและหลากหลายของส่วนผสม แต่ฐาน flavorings ที่คนส่วนใหญ่ระบุกับโคล่ารสชาติยังคงวานิลลาและอบเชย ความเป็นกรดมักจะให้โดยกรดฟอสฟอริคบางครั้งมีกรดซิตริก หรืออื่น ๆที่แยกกรด สูตรของโคคา - โคล่า และหลายอื่น ๆมีการรักษาเป็นความลับทางการค้าขององค์กร .
ความหลากหลายของสารให้ความหวานที่แตกต่างกันอาจจะเพิ่มโคล่าบ่อยๆ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายการเกษตรในท้องถิ่น น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรักโทสสูงเด่นที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา เนื่องจากต้นทุนของรัฐบาลอุดหนุนข้าวโพด ในยุโรป อย่างไรก็ตามไฮโดรฟลูโอโรคาร์บอนอาจมีโควต้าการผลิตที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการผลิตของน้ำตาล น้ำตาลจึงมักจะใช้เพื่อทำให้หวานโซดา นอกจากนี้หญ้าหวานหรือสารให้ความหวานเทียมอาจจะใช้ " น้ำตาลฟรี " หรือ " อาหาร " โคล่าทั่วไปประกอบด้วยสารให้ความหวานเทียมเท่านั้น



ลูกค้าอาจชอบรสชาติของโซดาที่ผลิตกับน้ำตาล เช่น สหรัฐอเมริกา นำเข้าเม็กซิกัน โคคา โคล่ายิวปัสกาโคคาโคล่าที่ขายในสหรัฐฯ รอบวันหยุดของชาวยิวยังใช้ซูโครสมากกว่า HFCS และยังแสวงหาอย่างหลังโดยคนที่ชอบรสชาติเดิม นอกจากนี้ กำลังเพิ่งมีรุ่นการตลาดของเป๊ปซี่และ Mountain Dew sodas ที่หวานน้ำตาลแทน HFCS .เหล่านี้จะวางตลาดภายใต้ชื่อ throwback และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ " ถาวร " ในรายการ
2007 พบว่า การบริโภคโคล่า ทั้งผู้ที่มีสารที่ให้ความหวานธรรมชาติและมีสารที่ให้ความหวานเทียม มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคไตวายเรื้อรัง ที่ใช้ใน colas กรดฟอสฟอริคพบว่ามีสาเหตุที่เป็นไปได้
การศึกษาระบุว่า " โซดา และเครื่องดื่มที่มีรสหวานเป็นแหล่งที่มาหลักของแคลอรี่ในอาหาร " ] อเมริกา ดังนั้น นักโภชนาการส่วนใหญ่แนะนำว่า โคคาโคล่า และเครื่องดื่มอื่น ๆสามารถเป็นอันตรายถ้าบริโภคมากเกินไป โดยเฉพาะเด็กซึ่งเครื่องดื่มการแข่งขันกับ แทนที่จะเสริม อาหารที่สมดุลมีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าปกติผู้ใช้เครื่องดื่มมีการลดปริมาณของแคลเซียม , แมกนีเซียม , วิตามินซี , วิตามินบี 2 และวิตามิน A










เครื่องดื่มยังได้กระตุ้นการวิจารณ์การใช้คาเฟอีนซึ่งสามารถก่อให้เกิดการพึ่งพาอาศัยกันทางกายภาพ ( คาเฟอีนติดยาเสพติด ) ลิงค์ถูกแสดงระหว่างการบริโภคโคล่าปกติในระยะยาวและโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า ( แต่ผู้ชาย )นี้เป็นความคิดที่จะเป็น เนื่องจากการแสดงตนของกรดฟอสฟอริค และมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน noncaffeinated caffeinated และ colas เช่นเดียวกับเหมือนกันสำหรับอาหารและ colas sugared .
เครื่องดื่มหลายรสหวานส่วนใหญ่หรือทั้งหมดด้วยน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรักโทสสูง มากกว่าน้ำตาลนักโภชนาการเตือนบางอย่างกับการบริโภคน้ำเชื่อมข้าวโพดเพราะอาจซ้ำเติมโรคอ้วนและโรคเบาหวานประเภทมากกว่าอ้อย