The culture of Singapore is a melti

The culture of Singapore is a melting pot of mainly Chinese, Malay, Indian, and British cultures, and is a reflection of its immigrant history.

Singapore was a part of British Malaya for many centuries. It was ruled by the Sultanate of Johor. In 1819, the British came to the Island and set up a port and colony. During British rule, the port of Singapore flourished and attracted many migrants. Singapore became part of the Malaysian Federation in 1962 for two years, and in 1965 it became an independent nation and a republic, which it remains today.

Singapore has a diverse populace of nearly 5 million people[1] which is made up of Chinese, Malays, Indians, Caucasians and Eurasians (plus other mixed groups) and Asians of different origins, which is in line with the nation's history as a crossroads for various ethnic and racial groups.

In addition, 42% of Singapore's populace are foreigners, which makes it the country with the sixth highest proportion of foreigners worldwide.[2][3]

Singapore is also the third most densely populated territory in the world after Macau and Monaco.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัฒนธรรมของสิงคโปร์เป็นหม้อหลอมเหลวส่วนใหญ่วัฒนธรรมจีน มาเลย์ อินเดีย และอังกฤษ และ สะท้อนให้เห็นถึงประวัติการอพยพของ

สิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาลายาของอังกฤษหลายศตวรรษ มันถูกปกครอง โดยอาณาจักรสุลต่านแห่งยะโฮร์ ใน 1819 อังกฤษมาเกาะ และตั้งค่าพอร์ตและอาณานิคม ระหว่างกฎภาษาอังกฤษ ท่าเรือสิงคโปร์เจริญรุ่งเรือง และดึงดูดจำนวนมากอพยพ สิงคโปร์กลายเป็น ส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียในปี 1962 ปีสอง และในปี 1965 ได้กลายเป็นประเทศอิสระและสาธารณรัฐ ที่ยังคงวันนี้

มีประชาชนหลากหลายเกือบ 5 ล้านคน [1] ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากจีน เชื้อสายมลายู อินเดีย Caucasians และ Eurasians (บวกกลุ่มอื่นผสม) และเอเชียของต้นกำเนิดแตกต่างกัน ซึ่งเป็นตามประวัติศาสตร์ของประเทศเป็นครอสำหรับหลากหลายเชื้อชาติ และเชื้อชาติกลุ่ม

, 42% ของประชาชนของสิงคโปร์เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งทำให้ประเทศ มีสัดส่วนสูงสุดหกของชาวต่างชาติทั่วโลก[2][3]

สิงคโปร์ยังเป็นสามรวบรวมดินแดนในโลกหนาแน่นไปมาเก๊าและโมนาโก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัฒนธรรมของสิงคโปร์เป็นหม้อหลอมละลายของส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมาเลย์อินเดียและอังกฤษวัฒนธรรมและเป็นภาพสะท้อนของประวัติศาสตร์การอพยพของสิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของแหลมมลายูอังกฤษมานานหลายศตวรรษ มันถูกปกครองโดยสุลต่านแห่งยะโฮร์ ในปี 1819 อังกฤษมาถึงเกาะและการตั้งค่าพอร์ตและอาณานิคม ในช่วงการปกครองของอังกฤษท่าเรือของสิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองและดึงดูดผู้อพยพจำนวนมาก สิงคโปร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียในปี ค.ศ. 1962 เป็นเวลาสองปีที่ผ่านมาและในปี 1965 มันก็กลายเป็นประเทศที่เป็นอิสระและเป็นสาธารณรัฐซึ่งมันยังคงอยู่ในปัจจุบันสิงคโปร์มีประชาชนที่หลากหลายของเกือบ 5 ล้านคน [1] ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากจีน มาเลเซีย, อินเดีย, ผิวขาวและ Eurasians (บวกกลุ่มผสมอื่น ๆ ) และเอเชียของต้นกำเนิดที่แตกต่างกันซึ่งจะสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศเป็นสี่แยกต่างๆกลุ่มชาติพันธุ์และเชื้อชาตินอกจากนี้ 42% ของประชาชนของสิงคโปร์เป็นชาวต่างชาติซึ่งทำให้ มันประเทศที่มีสัดส่วนสูงสุดที่หกของชาวต่างชาติทั่วโลก. [2] [3] สิงคโปร์ยังเป็นที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในดินแดนที่สามในโลกหลังจากที่มาเก๊าและโมนาโก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัฒนธรรมของสิงคโปร์ เป็นหม้อหลอมของ ส่วนใหญ่ จีน มาเลย์ อินเดีย วัฒนธรรมของอังกฤษและเป็นภาพสะท้อนของประวัติศาสตร์การอพยพของ

สิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของบริติชมาลายามานานหลายศตวรรษ มันถูกปกครองโดยสุลต่านแห่งยะโฮร์ . ใน 1819 , อังกฤษ มาเกาะ และตั้งค่าพอร์ตและอาณานิคม ในช่วงการปกครองของอังกฤษ , พอร์ตของสิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองและดึงดูดผู้อพยพมากมายสิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซีย พ.ศ. 2505 เป็นเวลา 2 ปี และในปี ค.ศ. 1965 ก็กลายเป็นประเทศที่เป็นอิสระและเป็นสาธารณรัฐ ซึ่งยังคงอยู่ในวันนี้

สิงคโปร์มีความหลากหลาย ประชากรเกือบ 5 ล้านคน [ 1 ] ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากจีน มาเลเซีย อินเดีย ชาวผิวขาวและ eurasians ( บวกกลุ่มผสมอื่น ๆ ) และชาวเอเชียของต้นกำเนิดที่แตกต่างกันซึ่งสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศเป็นทางแยกหลายชาติพันธุ์และกลุ่มเชื้อชาติ

นอกจากนี้ 42% ของประชาชนของสิงคโปร์ เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้ประเทศมีสัดส่วนหกสูงสุดของชาวต่างชาติทั่วโลก [ 2 ] [ 3 ]

สิงคโปร์ยังเป็นดินแดนที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดสาม ในโลกหลัง
มาเก๊า และ โมนาโก