In January 1934, while Lady Furness

In January 1934, while Lady Furness was away in New York City, Wallis allegedly became the Prince's mistress. Edward denied this to his father, despite his staff seeing them in bed together as well as "evidence of a physical sexual act".[42] Wallis soon ousted Lady Furness, and the Prince distanced himself from a former lover and confidante, the Anglo-American textile heiress Freda Dudley Ward.[43]


The Prince of Wales and Wallis in Kitzbühel, Austria, February 1935
By the end of 1934, Edward was irretrievably besotted with Wallis, finding her domineering manner and abrasive irreverence toward his position appealing; in the words of his official biographer, he became "slavishly dependent" on her.[18] According to Wallis, it was during a cruise on Lord Moyne's private yacht Rosaura in August 1934 that she fell in love with Edward.[44] At an evening party in Buckingham Palace, he introduced her to his mother—his father was outraged,[45] primarily on account of her marital history, as divorced people were generally excluded from court.[46] Edward showered Wallis with money and jewels,[47] and in February 1935, and again later in the year, he holidayed with her in Europe.[48] His courtiers became increasingly alarmed as the affair began to interfere with his official duties.[49]

In 1935, the head of the Metropolitan Police Special Branch told the Metropolitan Police Commissioner that Wallis was also having an affair with Guy Marcus Trundle, who was "said to be employed by the Ford Motor Company".[50] Claims of an affair were doubted, however, by Captain Val Bailey, who knew Trundle well and whose mother had an affair with Trundle for nearly two decades,[51] and by historian Susan Williams.[52]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในเดือน 1934 มกราคม ขณะ Furness ผู้หญิงถูกเก็บในนิวยอร์กซิตี้ วาลลิหลังกลายเป็น ภรรยาน้อยของเจ้าชาย เอ็ดเวิร์ดปฏิเสธนี้พ่อ แม้ มีพนักงานเขาเห็นพวกเขาในเตียงรวมกันเป็น "หลักฐานของการกระทำทางเพศทางกายภาพ" [42] วาลลิเร็ว ๆ นี้ล้ม Furness เลดี้ และเจ้าชาย distanced ตัวเองจากคนรักเก่าและ confidante ทายาทสิ่งทอ Anglo-American Freda Dudley Ward [43]เจ้าชายแห่งเวลส์และวาลลิใน Kitzbühel ประเทศออสเตรีย 1935 กุมภาพันธ์โดย 1934 เอ็ดเวิร์ดถูกอย่างแก้ไขไม่ besotted วาลลิ ค้นหาเธออย่าง domineering และ abrasive เหยียดไปทางตำแหน่งของเขาน่าสนใจ ในคำว่าชีวประวัติของเขาอย่างเป็นทางการ เขาเป็น "slavishly ขึ้น" กับเธอ [18] ตามอยู่กับวาลลิ มันเป็นช่วงล่องเรือยอชต์ส่วนตัวพระเจ้า Moyne Rosaura ในเดือน 1934 สิงหาคมที่เธอล้มลงในความรักกับเอ็ดเวิร์ด [44] ที่มีงานราตรีในราชวัง เขานำเธอกับแม่ของเขาซึ่งพ่อของเขาถูก outraged [45] เป็นหลักในบัญชีของเธอสมรสประวัติ หย่าคนถูกแยกออกจากศาลโดยทั่วไป [46] วาลลิเงินและอัญมณี, [47] และ ในปี 1935 กุมภาพันธ์นี้เอ็ดเวิร์ด และอีกครั้งในภายหลังในปี เขา holidayed กับเธอในยุโรป [48] courtiers ของเขาเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเป็นเรื่องเริ่มยุ่งกับราชการ [49]ในปี 1935 หัวหน้าสาขาการพิเศษตำรวจนครบาลบอกหลวงตำรวจนครบาลว่า วาลลิยังมีชู้กับผู้ชายมาร์คัส Trundle ที่ถูก "กล่าวว่า การทำงาน โดย บริษัทฟอร์ดมอเตอร์" [50] ร้องเรียนเรื่องถูก doubted อย่างไรก็ตาม โดยกัปตันวินเทอร์ Bailey รู้เรื่อง Trundle ดี และแม่ที่มีชู้กับ Trundle เกือบสอง ทศวรรษ, [51] และ โดยนักประวัติศาสตร์วิลเลียมส์ศิริรัตน์ [52]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในเดือนมกราคมปี 1934 ในขณะที่เลดี้เฟอร์เนสเป็นไปในนิวยอร์กซิตี้, วาลลิสที่ถูกกล่าวหาว่ากลายเป็นที่รักของเจ้าชาย เอ็ดเวิร์ดปฏิเสธกับพ่อของเขาแม้จะมีพนักงานของเขาได้เห็นพวกเขาอยู่บนเตียงด้วยกันเช่นเดียวกับ "หลักฐานของการกระทำทางเพศทางกายภาพ". [42] เลดี้วาลลิสตัดขาดเร็ว ๆ นี้เฟอร์เนสและเจ้าชายเหินห่างจากคนรักเก่าและคู่หูแองโกล สิ่งทออเมริกันทายาท Freda ดัดลีย์วอร์ด [43]. เจ้าชายแห่งเวลส์และวอลลิสในKitzbühelออสเตรียกุมภาพันธ์ 1935 ในตอนท้ายของปี 1934 เอ็ดเวิร์ดหลงใหลอย่างแก้ไขไม่ได้กับวาลลิสหาลักษณะครอบงำของเธอและไม่เคารพที่มีต่อการขัดตำแหน่งของเขาที่น่าสนใจ; ในคำพูดของผู้เขียนชีวประวัติอย่างเป็นทางการของเขาเขากลายเป็น "ทาสขึ้น" เธอ. [18] ตามที่วาลลิสมันเป็นช่วงล่องเรือยอชท์ส่วนตัวลอร์ดมอยน์ของ Rosaura ในสิงหาคม 1934 ว่าเธอตกหลุมรักกับเอ็ดเวิร์ด. [44] ใน งานเลี้ยงตอนเย็นใน Buckingham Palace เขาแนะนำให้เธอรู้จักกับพ่อแม่ของเขาถูกทำลาย [45] หลักในบัญชีของประวัติศาสตร์สมรสของเธอเป็นคนที่ได้รับการยกเว้นการหย่าร้างโดยทั่วไปจากศาล. [46] เอ็ดเวิร์ดวอลอาบน้ำที่มีเงินและอัญมณี [47] และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1935 และอีกครั้งในปีต่อมาเขา holidayed กับเธอในยุโรป. [48] ข้าราชบริพารของเขากลายเป็นที่ตื่นตระหนกมากขึ้นเป็นเรื่องที่เริ่มเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการของเขา. [49] ในปี 1935 หัวของ ตำรวจนครบาลสันติบาลบอกผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่วาลลิสก็ยังมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมาร์คัสกลิ้งที่ถูก "กล่าวว่าได้รับการว่าจ้างโดย บริษัท Ford Motor". [50] การเรียกร้องเรื่องถูกสงสัย แต่โดยกัปตัน วาลเบลีย์ที่รู้กลิ้งดีและมารดามีความสัมพันธ์กับเลื่อนเป็นเวลาเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา [51] โดยนักประวัติศาสตร์และซูซานวิลเลียมส์. [52]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในเดือนมกราคม 1934 , ในขณะที่เลดี้เฟอร์เนสอยู่ในนิวยอร์ค ซิตี้ วอลลิส ถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียน้อยของเจ้าชาย เอ็ดเวิร์ดปฏิเสธพ่อ แม้ลูกน้องเห็นพวกเขาอยู่บนเตียงด้วยกัน รวมทั้ง " หลักฐานของการกระทำทางกายภาพ " ทางเพศ [ 42 ] ลิสซุนขับไล่เลดี้เฟอร์เนส และเจ้าชายห่างไกลตัวเองจากอดีตคนรัก และไว้ใจ ทายาทสิ่งทอ Anglo American ดัดลีย์ Freda วอร์ด[ 43 ]


เจ้าชายแห่งเวลส์ และ วอลลิส ใน kitzb ü r , ออสเตรีย , กุมภาพันธ์ 2478
โดยจุดสิ้นสุดของ 1934 , เอ็ดเวิร์ด กำลัง irretrievably งมงาย กับวอลลิส การหาลักษณะการครอบงำของเธอและขัดความไม่เคารพต่อตำแหน่งของเขาน่าสนใจ ในคำพูดของนักเขียนอัตชีวประวัติของเขา เขากลายเป็น " slavishly อยู่กับ " เธอ [ 18 ] ตามวอลลิสมันเป็นในระหว่างการล่องเรือในลอร์ดมอยน์ส่วนตัว เรือยอชท์โรซอร่าในเดือนสิงหาคม 1934 ที่เธอตกหลุมรัก Edward [ 44 ] ในงานราตรีในพระราชวังบักกิ้งแฮม เขาแนะนำเธอให้รู้จักกับแม่ของเขา พ่อของเขาถูกข่มขืน , [ 45 ] หลักในบัญชีของประวัติชีวิตสมรสของเธอ เป็นคนมักแยกออกจากศาลหย่า [ 46 ] เอ็ดเวิร์ดให้ลิสกับเงินและอัญมณี [ 47 ] และในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1935 ,และอีกครั้งในช่วงปลายปี เขา holidayed กับเธอในยุโรป [ 48 ] courtiers ของเขากลายเป็นตื่นตระหนกมากขึ้นเป็นเรื่องเริ่มยุ่งกับหน้าที่ราชการของเขา [ 49 ]

ในปี 1935 , หัวของตำรวจสาขาพิเศษบอกผู้บัญชาการตำรวจกรุงเทพมหานคร ที่ลิสก็มีชู้กับชาย มาคัส กลิ้ง , ผู้ที่กล่าวว่า " ที่จะใช้โดย บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์[ 50 ] อ้างว่าเป็นชู้ถูกสงสัย อย่างไรก็ตาม โดยกัปตันวาลย์ ใครจักกลิ้ง และมารดามีความสัมพันธ์กับกลิ้งสำหรับเกือบสองทศวรรษ , [ 51 ] และ [ 52 ] นักประวัติศาสตร์ ซูซาน วิลเลียมส์