Tip 6: Create a Safe EnvironmentTo

Tip 6: Create a Safe Environment

To continue to decrease the anxi-ety levels of the child with ASD, it is necessary to modify the hospital envi-ronment to the best of the nurse’s ability. It is not likely that a room can be rearranged; however, it is possible to decrease stimulation. The hospital is a noisy, bright place. Children with ASD are frequently challenged by sen-sory overload (Duerden et al., 2012). The nurse should work with the fam-ily to identify if the patient is particu-larly agitated by touch, sound, smell, sight, tastes, or foods. Each child is different, and identifying each one’s unique agitators will help make the child as comfortable as possible while in the hospital setting.

Some general practice guidelines for children with ASD in the hospital should include keeping the lights low, decreasing noise levels in the room and surrounding areas, and decreas-ing stimulation (Johnson et al., 2012). It is recommended that staff members turn off cell phones and pagers when entering the room if at all possible. The nurse caring for a child with ASD should use a back-up nurse and handoff other patients when performing care for that child to decrease inter-ruptions. The nurse should also ap -proach the child individually in a calm, non-threatening manner and avoid approaching the child with ASD in a group, as the personnel in the case scenario did when JJ first arrived to the unit.

Activities are important for a child while hospitalized, but a playroom may be overwhelming for the child with ASD. The nurse caring for the pa -tient should again work with the CLS to obtain appropriate toys, games, and activities that can be used in the child’s room. Specific activities should be offered at specific times, again sup-porting the consistent routine and reinforcing that the hospital room is a safe environment for the child.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนะนำที่ 6: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อไปลดระดับ anxi ety เด็กกับ ASD มันเป็นการปรับเปลี่ยนสามารถ-ronment โรงพยาบาลกับความสามารถของพยาบาล จึงไม่น่าจะให้ห้องพักสามารถสามารถปรับใหม่ อย่างไรก็ตาม จะสามารถลดการกระตุ้น โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่เสียงดัง สดใส เด็ก ASD โดยทั่วไปมักท้าทาย โดยเซ็นเรื่องราวเกินพิกัด (Duerden et al., 2012) พยาบาลควรทำงานกับ ily fam เพื่อระบุว่าผู้ป่วย นั้นกระตุ้นทำ โดยการสัมผัส เสียง กลิ่น สายตา รสนิยม หรืออาหาร larly particu เด็กแต่ละคนจะแตกต่างกัน และบ่งชี้แต่ละตัวเฉพาะพวกป่วนจะช่วยให้เด็กสบายขณะได้ตั้งโรงพยาบาล แนวทางปฏิบัติทั่วไปสำหรับเด็ก ASD ในโรงพยาบาลควรมีการเก็บไฟต่ำ ลดระดับเสียงรบกวนในห้อง และพื้นที่โดยรอบ และ decreas กำลังกระตุ้น (Johnson et al., 2012) งานที่พนักงานสมาชิกปิดโทรศัพท์และ pagers เมื่อเข้าห้องพักที่ได้ทั้งหมด พยาบาลสำหรับเด็กกับ ASD ควรการพยาบาลสำรองและโอนอื่น ๆ ผู้ป่วยการดูแลเด็กที่ลด ruptions อินเตอร์ พยาบาลควรยัง ap - proach ลูกแต่ละอย่าง ความไม่สงบ และหลีกเลี่ยงใกล้เด็กกับ ASD ในกลุ่ม การเป็นบุคลากรในกรณีสถานการณ์ได้เมื่อเจเจครั้งแรกถึงหน่วยกิจกรรมมีความสำคัญสำหรับเด็กขณะพัก แต่เด็กอาจครอบงำเด็กกับ ASD พยาบาลสำหรับ pa-tient ควรทำงานกับมหาชนจะได้รับของเล่นที่เหมาะสม เกม และกิจกรรมที่ใช้ในห้องพักของเด็กอีกด้วย ควรนำเสนอกิจกรรมเฉพาะที่เฉพาะเวลา การอีก ดื่มปรับเปลี่ยนชุดคำสั่งที่สอดคล้อง และเสริมให้โรงพยาบาลมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เคล็ดลับที่ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยที่จะยังคงลดลงanxi - ระดับ - แวดล้อมที่ดีที่สุดของพยาบาล' มันไม่ได้เป็นไปได้ว่าห้องที่สามารถจัดใหม่ แต่มันเป็นไปได้ที่จะลดการกระตุ้น โรงพยาบาลเป็นที่มีเสียงดังที่สดใส เด็กที่มี - เกิน พยาบาลควรทำงานร่วมกับ - ILY - ตื่นเต้น Tip 6: Create a Safe Environment

To continue to decrease the anxi-ety levels of the child with ASD, it is necessary to modify the hospital envi-ronment to the best of the nurse’s ability. It is not likely that a room can be rearranged; however, it is possible to decrease stimulation. The hospital is a noisy, bright place. Children with ASD are frequently challenged by sen-sory overload (Duerden et al., 2012). The nurse should work with the fam-ily to identify if the patient is particu-larly agitated by touch, sound, smell, sight, tastes, or foods. Each child is different, and identifying each one’s unique agitators will help make the child as comfortable as possible while in the hospital setting.

Some general practice guidelines for children with ASD in the hospital should include keeping the lights low, decreasing noise levels in the room and surrounding areas, and decreas-ing stimulation (Johnson et al., 2012). It is recommended that staff members turn off cell phones and pagers when entering the room if at all possible. The nurse caring for a child with ASD should use a back-up nurse and handoff other patients when performing care for that child to decrease inter-ruptions. The nurse should also ap -proach the child individually in a calm, non-threatening manner and avoid approaching the child with ASD in a group, as the personnel in the case scenario did when JJ first arrived to the unit.

Activities are important for a child while hospitalized, but a playroom may be overwhelming for the child with ASD. The nurse caring for the pa -tient should again work with the CLS to obtain appropriate toys, games, and activities that can be used in the child’s room. Specific activities should be offered at specific times, again sup-porting the consistent routine and reinforcing that the hospital room is a safe environment for the child.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เคล็ดลับที่ 6 : สร้าง

ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลด Anxi ety ระดับของเด็กที่มี ASD , มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะปรับเปลี่ยนตลอดจนสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลเพื่อที่ดีที่สุดของความสามารถของพยาบาล มันไม่ได้เป็นโอกาสที่ห้องสามารถจัดใหม่ ; อย่างไรก็ตาม , มันเป็นไปได้ที่จะลดการกระตุ้น โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่เสียงดัง สดใสเด็กที่มี ASD มักจะท้าทายโดยเซนซอเกินพิกัด ( duerden et al . , 2012 ) พยาบาลควรทำงานกับครอบครัว ily ระบุหากผู้ป่วย particu larly ปั่นป่วนโดยสัมผัส , เสียง , กลิ่น , สายตา , รสชาติ , หรืออาหาร เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และการระบุของแต่ละคนกันพวกก่อกวนจะช่วยให้ลูกสบายเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่ในโรงพยาบาลการตั้งค่า

การปฏิบัติบางข้อแนะนำทั่วไปสำหรับเด็กที่มี ASD ในโรงพยาบาลควรมีการรักษาไฟต่ำ ลดระดับเสียงในห้องพักและบริเวณโดยรอบ และ decreas กระตุ้นไอเอ็นจี ( จอห์นสัน et al . , 2012 ) ขอแนะนำให้พนักงานปิดโทรศัพท์มือถือและเพจเจอร์เมื่อเข้าห้องถ้าเป็นไปได้ทั้งหมดพยาบาลดูแลเด็กที่มี ASD ควรใช้พยาบาลและผู้ป่วยอื่น ๆเมื่อดำเนินการสนับสนุนการดูแลเด็กที่ลดลงระหว่าง ruptions . พยาบาลควร AP proach - เด็กเป็นรายบุคคล อยู่ในความสงบ ไม่ใช่ลักษณะคุกคาม และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เด็กที่มี ASD ในกลุ่ม เป็นบุคลากรในสถานการณ์กรณีเมื่อเจเจก่อนมาถึงหน่วย

กิจกรรมสำคัญสำหรับเด็กในขณะนอนโรงพยาบาล แต่เล่น อาจจะยุ่งยากสำหรับเด็กที่มี ASD พยาบาลดูแลป่า - tient ควรอีกครั้งกับ CLS ได้รับของเล่นที่เหมาะสม , เกม และกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถใช้ในห้องพักของเด็ก กิจกรรมที่เฉพาะเจาะจงควรเสนอในเวลาที่เฉพาะเจาะจงอีกครั้ง sup ใส่รูทีนสอดคล้องและเสริมว่าโรงพยาบาลเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก