The prevalence of diabetes is incre

The prevalence of diabetes is increasing and the International Diabetes Federation estimates that there are 191380 people with diabetes in Ireland, with a prevalence of 6.1% of the population. By 2030, it is thought that there will be approximately 278850 people with the condition, with a prevalence of 7.5% in the population (International Diabetes Federation, 2012). The American Diabetes Association (ADA, 2012) recommends the early addition of insulin therapy in people with diabetes who do not meet target goals. This guidance has led to an increase in the number of people with type 2 diabetes requiring insulin therapy. However, this rise in the use of insulin can lead to problems, such as more frequent episodes of hypoglycaemia, and lipohypertrophy, which will be the focus of this article. Lipohypertrophy is defined an accumulation of subcutaneous fat tissue at a site where insulin has been injected continuously (Vardar and Kizilci, 2007). It is a well-known complication
of insulin therapy and is characterised by the occurrence of soft fatty swellings at the site of repeated insulin injections (Hambridge, 2007). Insulin absorption diminishes in the areas of lipohypertrophy. Not only is there a danger of hyperglycaemia but conversely, when the same dose of insulin is injected into an area without lipohypertrophy, there is an increased risk of hypoglycaemia (Vardar and Kizilci, 2007). This leads to erratic diabetes control, which puts the individual at risk of developing chronic complications. It is vital that doctors and nurses recognise this condition by inspecting insulin sites regularly and encouraging site rotation. The principle aim of this study was to estimate the prevalence of lipohypertrophy and to evaluate associated risk factors.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความชุกของโรคเบาหวานจะเพิ่มขึ้น และที่สหพันธ์เบาหวานนานาชาติประมาณการว่า มีผู้ป่วยเบาหวานในไอร์แลนด์ กับความชุกของ 6.1% ของประชากร 191380 2030 มันเป็นความคิดว่า จะมีประมาณ 278850 คน ด้วยสภาพ ความชุกของ 7.5% ในประชากร (นานาชาติเบาหวานสหพันธรัฐ 2012) โรคเบาหวานสมาคมอเมริกัน (ADA, 2012) แนะนำการรักษาด้วยอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ตรงเป้าหมายเป้าหมายเพิ่มก่อน คำแนะนำนี้ได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนที่ต้องรักษาด้วยอินซูลินโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของอินซูลินนี้สามารถนำไปสู่ปัญหา เช่นตอนบ่อยกว่าภาวะ และ lipohypertrophy ซึ่งจะเป็นจุดเน้นของบทความนี้ กำหนด Lipohypertrophy ฉีดการสะสมของเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนังที่ไซต์ที่ได้รับอินซูลินอย่างต่อเนื่อง (Vardar และ Kizilci, 2007) มันเป็นอาการแทรกซ้อนที่รู้จัก การรักษาด้วยอินซูลิน และมีลักษณะการเกิดขึ้นของนุ่มไขมันฟกช้ำบริเวณที่ฉีดอินซูลินซ้ำ ๆ (Hambridge, 2007) การดูดซึมของอินซูลินลดลงในพื้นที่ของ lipohypertrophy ไม่เพียงแต่มีอันตรายของ hyperglycaemia แต่ในทางกลับกัน เมื่อปริมาณเดียวกับของอินซูลินฉีดลงบนพื้นที่โดย lipohypertrophy มีการเพิ่มความเสี่ยงของภาวะ (Vardar และ Kizilci, 2007) นี้นำไปสู่การควบคุมเบาหวานผิดปกติ ซึ่งทำให้บุคคลที่มีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง มันมีความสำคัญว่า แพทย์และพยาบาลรู้เงื่อนไขนี้ โดยตรวจสอบไซต์อินซูลินเป็นประจำ และส่งเสริมการหมุนไซต์ จุดมุ่งหมายหลักของการศึกษานี้เป็น การประมาณความชุกของ lipohypertrophy และประเมินปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความชุกของโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นและสหพันธ์เบาหวานนานาชาติประมาณการว่ามี 191,380 คนที่มีโรคเบาหวานในไอร์แลนด์ที่มีความชุกของ 6.1% ของประชากร ปี 2030 มันเป็นความคิดว่าจะมีประมาณ 278,850 คนที่มีสภาพที่มีความชุกของ 7.5% ในประชากร (พันธ์เบาหวานนานาชาติ 2012) สมาคมโรคเบาหวานอเมริกัน (ADA 2012) แนะนำนอกจากนี้ในช่วงต้นของการรักษาด้วยอินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่ตรงตามเป้าหมายเป้าหมาย คำแนะนำนี้ได้นำไปสู่การเพิ่มจำนวนของคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ต้องรักษาด้วยอินซูลิน อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นนี้ในการใช้งานของอินซูลินสามารถนำไปสู่ปัญหาเช่นเอพบ่อยมากขึ้นของน้ำตาลในเลือดต่ำและ lipohypertrophy ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญของบทความนี้ Lipohypertrophy ถูกกำหนดให้การสะสมของเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนังที่เว็บไซต์ที่อินซูลินได้รับการฉีดอย่างต่อเนื่อง (ดาร์และ Kizilci 2007 บริการ) มันเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รู้จักกันดี
ของการรักษาด้วยอินซูลินและมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการเกิดขึ้นของไขมันบวมนุ่มที่เว็บไซต์ของซ้ำฉีดอินซูลิน (Hambridge 2007) การดูดซึมอินซูลินลดลงในพื้นที่ของ lipohypertrophy ไม่เพียง แต่จะมีอันตรายจากการ hyperglycaemia แต่ตรงกันข้ามเมื่อปริมาณเดียวกันของอินซูลินถูกฉีดเข้าไปในพื้นที่โดยไม่ต้อง lipohypertrophy ที่มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดต่ำ (ดาร์และ Kizilci 2007) นี้นำไปสู่การควบคุมโรคเบาหวานที่ผิดปกติซึ่งทำให้บุคคลที่มีความเสี่ยงของการพัฒนาภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง มันเป็นสิ่งสำคัญที่แพทย์และพยาบาลรับรู้เงื่อนไขนี้โดยการตรวจสอบเว็บไซต์อินซูลินเป็นประจำและกระตุ้นการหมุนเวียนเว็บไซต์ จุดมุ่งหมายหลักของการศึกษาครั้งนี้เพื่อประเมินความชุกของ lipohypertrophy และเพื่อประเมินปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความชุกของเบาหวานเพิ่มมากขึ้นและสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ ประมาณการว่ามี 191380 คนที่มีโรคเบาหวานในไอร์แลนด์กับความชุกของ 6.1 % ของประชากร โดย 2030 , มันเป็นความคิดที่ จะอยู่ที่ประมาณ 278850 คนที่มีสภาพกับความชุกของ 7.5% ในประชากร ( สหพันธ์เบาหวานนานาชาติ 2012 ) สมาคมโรคเบาหวานอเมริกัน ( เอ , 2012 ) แนะนำต้นเพิ่มอินซูลินในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่ตรงกับเป้าหมายเป้าหมาย คำแนะนำนี้ได้นำไปสู่การเพิ่มจำนวนของคนเบาหวานที่ต้องการอินซูลินบำบัด อย่างไรก็ตาม , นี้ลุกขึ้นในการใช้อินซูลินสามารถนำไปสู่ปัญหา เช่น บ่อยมาก ตอน hypoglycaemia , และ lipohypertrophy ซึ่งจะโฟกัสของบทความนี้ lipohypertrophy หมายถึง การสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง เนื้อเยื่อที่เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการฉีดอินซูลินอย่างต่อเนื่อง ( วาร์ดาร์ และ kizilci , 2007 ) มันเป็นภาวะแทรกซ้อน ที่รู้จักกันดีของอินซูลิน การรักษาและภาวะการเกิดนุ่มไขมันบวมที่เว็บไซต์ของการฉีดอินซูลิน ( ซ้ำ hambridge , 2007 ) การดูดซึมอินซูลินลดน้อยลงในพื้นที่ของ lipohypertrophy . ไม่เพียงแต่จะมีอันตราย hyperglycaemia แต่ในทางกลับกัน เมื่อปริมาณเดียวกันของการฉีดอินซูลินเข้าไปในพื้นที่โดยไม่ lipohypertrophy มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของ hypoglycaemia ( วาร์ดาร์ และ kizilci , 2007 ) นี้จะนำไปสู่การควบคุมโรคเบาหวานรื่น ซึ่งทำให้บุคคลที่มีความเสี่ยงของการพัฒนาภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง มันเป็นสิ่งสำคัญที่แพทย์และพยาบาลรับรู้เงื่อนไขนี้โดยการตรวจสอบเว็บไซต์อินซูลินเป็นประจำและส่งเสริมให้เว็บไซต์การหมุน เป้าหมายหลักของการศึกษานี้เพื่อประเมินความชุกของ lipohypertrophy และประเมินปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง