We also observed significant differ

We also observed significant differences in volume increase during baking (see Table 4). Muffin volume was 90 mL for REF and as low as 71 mL when FA was used as filler. Muffin height varied from 45.4 to 48.2 mm, and muffin diameter from 63.4 to 71.8 mm. This indicates that lateral expansion during baking contributes to volume increase to a larger extent than the increase in height. Product density, calculated from mass and volume after baking,was 0.39 g/mL for muffin IF, 0.41 g/mL for REF, and 0.42 g/mL for PD and MD. Highest density values were obtained for muffins FP (0.49 g/ mL) and FA (0.51 g/mL). As cake density is inversely related to the amount of air in the batter (Indrani & Rao, 2008), this indicates that either foaming capacity or foam stability during baking is negatively affected by these fibres.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นอกจากนี้เรายังสังเกตแตกต่างกันในปริมาณเพิ่มขึ้นในระหว่างการอบ (ดูตาราง 4) เสียง muffin 90 mL สำหรับอ้างอิง และต่ำสุดที่ 71 mL เมื่อ FA ใช้เป็นฟิลเลอร์ Muffin สูงแตกต่างกันจาก 45.4 48.2 มม. และเส้นผ่าศูนย์กลาง muffin จากร้อยละ 63.4 มม. 71.8 บ่งชี้ว่า ขยายด้านข้างระหว่างอบรวมเพิ่มปริมาณระดับใหญ่กว่าเพิ่มความสูง ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ คำนวณได้จากมวลและปริมาตรหลังจากเบเกอรี่ ถูก 0.39 g/mL สำหรับ muffin ถ้า 0.41 g/mL สำหรับอ้างอิง และ 0.42 g/mL PD และ MD. ค่าความหนาแน่นสูงสุดได้รับสำหรับมัฟฟิน FP (0.49 g/mL) และ FA (0.51 g/mL) เป็นเค้ก ความหนาแน่น inversely เกี่ยวข้องกับจำนวนของอากาศที่ปะทะ (Indrani &ราว 2008), บ่งชี้ว่า เป็น foaming กำลังหรือโฟมความมั่นคงระหว่างอบส่งผล โดยเส้นใยเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกจากนี้เรายังสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการเพิ่มปริมาณในระหว่างการอบ (ดูตารางที่ 4) มัฟฟินปริมาณ 90 มิลลิลิตร REF และต่ำเป็น 71 มิลลิลิตรเมื่อเอฟเอถูกนำมาใช้เป็นสารตัวเติม มัฟฟินความสูงแตกต่างกัน 45.4-48.2 มมและมัฟฟินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 63.4-71.8 มม นี้บ่งชี้ว่าการขยายตัวด้านข้างในระหว่างการอบก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของปริมาณที่มีขอบเขตขนาดใหญ่กว่าการเพิ่มขึ้นในระดับความสูง ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์คำนวณจากมวลและปริมาณหลังจากอบเป็น 0.39 กรัม / มิลลิลิตรสำหรับมัฟฟิน IF 0.41 กรัม / มิลลิลิตร REF และ 0.42 กรัม / มิลลิลิตร PD และ MD สูงสุดค่าความหนาแน่นที่ได้รับสำหรับมัฟฟิน FP (0​​.49 กรัม / มิลลิลิตร) และเอฟเอ (0.51 กรัม / มิลลิลิตร) ความหนาแน่นเค้กเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องผกผันกับปริมาณของอากาศในแป้ง (Indrani & ราว 2008) นี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกำลังการผลิตฟองโฟมหรือความมั่นคงในระหว่างการอบได้รับผลกระทบทางลบจากเส้นใยเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรายังพบความแตกต่างในที่เพิ่มปริมาณระหว่างอบ ( ดูตารางที่ 4 ) ปริมาตร 90 มิลลิลิตร Ref และมัฟฟินสำหรับเป็นต่ำเป็น 0 ml เมื่อฟ้าถูกใช้เป็นสารเติมแต่ง มัฟฟินที่หลากหลายจากความสูง 45.4 48.2 มิลลิเมตร และ มัฟฟิน เส้นผ่าศูนย์กลางจาก 63.4 กับ 1 มิลลิเมตร นี้บ่งชี้ว่า การขยายตัวในระหว่างอบมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณเพื่อขอบเขตขนาดใหญ่กว่า เพิ่มความสูงความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ คำนวณจากมวลและปริมาตร หลังจากอบเป็น 0.39 กรัม / มิลลิลิตรสำหรับมัฟฟินถ้า 0.41 กรัม / มิลลิลิตรสำหรับอ้างอิงและ 0.42 กรัม / มิลลิลิตรสำหรับโปรดิวเซอร์และผู้บริหาร ค่าความหนาแน่นสูงสุดได้สำหรับมัฟฟิน FP ( 0.49 กรัม / มิลลิลิตร ) และฟ้า ( 0.51 กรัม / มิลลิลิตร ) เค้กเป็นค่าผกผันที่เกี่ยวข้องกับปริมาณของอากาศในแป้ง ( indrani & Rao , 2008 )นี้บ่งชี้ว่าทั้ง foaming capacity หรือเสถียรภาพของฟองตอนอบ คือ ผลกระทบทางลบจากเส้นใยเหล่านี้