“กฎหมาย” เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย การแปล - “กฎหมาย” เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย ไทย วิธีการพูด

“กฎหมาย” เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อก

“กฎหมาย” เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบและสงบสุข เมื่อมีสังคมย่อมมีกฎหมาย(Ubi societas ibi jus) โดยเริ่มจากสังคมเล็กจนกลายเป็นชุมชนและเวลาผ่านไปก็กลสยเป็นประเทศในสมัยโบราณกฎหมาย จะอยู่ในรูปแบบที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกัน เช่น ประเพณี ขนบธรรมเนียม จารีต คำสั่งของผู้ปกครองที่ใช้ควบคุม ดูแลความเรียบร้อยของกลุ่มหรือเผ่าหรือประเทศของตนเอง จากนั้นเวลาผ่านมาช่วงหนึ่ง กฎ จารีต ก็วิวัฒนาการกลายเป็น กฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี,กฎหมาย 12 โต๊ะ,ประมวลกฎหมายพระเจ้าจัสติเนียน หรือกฎหมายอื่นๆอีกมากมายในประวัติศาสตร์ของโลกทั้งหมดล้วนแล้วมีรากฐานเดิมจากจารีตทั้งสิ้น และปัจจุบันกฎหมายมีมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงจากเดิมตามกาลเวลาในเหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงใช้หลักกฎหมายทั่วไปที่นานาชาติต่างก็ยอมให้ให้ป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นธรรม ไม่ว่าประวัติศาสตร์ของชาติใดต่างก็มีอิทธิพลส่งผลต่อการมีอยู่ของกฎหมายยุคปัจจุบันของประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ประวัติความเป็นมาของกฎหมายนั้นถึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการศึกษากฎหมาย ผู้ศึกษากฎหมายนั้นต้องเข้าใจถึงความเป็นมา ประวัติศาสตร์ บ่อเกิดของกฎหมาย ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ปัจจุบันวิชาทางด้านกฎหมายนั้นได้มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทุกสถาบันทางด้านกฎหมายก็มีการสอนวิชาประวัติศสาตร์ของกฎหมาย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์กฎหมายนั้น มีความสำคัญและนักกฎหมาย หรือ ผู้ใฝ่รู้ ควรศึกษา ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับการปูพื้นฐานของกฎหมาย เช่น เราจะทราบ ถึงหลักกฎหมายที่ว่าด้วย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”ของกฎหมายฮัมมูราบี ว่าที่มาเป็นอย่างไร หรือ กฎหมาย 12 โต๊ะ สร้างในสมัยใด หลักกฎหมายว่าด้วยเรื่อง เป็นพื้นฐานนำไปสู่ระบบกฎหมายใดในปัจจุบัน เป็นต้น
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บ่งชี้ว่า ประวัติศาสตร์กฎหมายมีความสำคัญมากและจำเป็นต่อการศึกษา ความรู้ทางส่วนนี้จะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตอีกมากมาย ในเมื่อต้องการที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพด้านกฎหมาย เช่น ทนายความ ,อัยการ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นิติกร อาจารย์ หรือ ผู้พิพากษา ต่างก็ต้องมีพื้นฐานด้านกฎหมายเป็นที่ตั้งในการต่อยอดสู่ความสำเร็จด้านอาชีพแห่งความยุติธรรม อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปสอนคนรุ่นหลังที่มีความฝันที่จะสำเร็จวิชาชีพด้านกฎหมาย
ดังนั้น สรุปเพียงว่า ประวัติศาสตร์กฎหมาย คือ รากฐานของกฎหมายที่สำคัญ หากปราศจากรากฐานของกฎหมาย คงไม่มีกฎหมาย หรือ อาชีพนักกฎหมายในปัจจุบัน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
"กฎหมาย" เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบและสงบสุขเมื่อมีสังคมย่อมมีกฎหมาย (Ubi societas กรรมาธิการกลาง) โดยเริ่มจากสังคมเล็กจนกลายเป็นชุมชนและเวลาผ่านไปก็กลสยเป็นประเทศในสมัยโบราณกฎหมายจะอยู่ในรูปแบบที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันเช่นประเพณีขนบธรรมเนียมจารีตคำสั่งของผู้ปกครองที่ใช้ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของกลุ่มหรือเผ่าหรือประเทศของตนเองจากนั้นเวลาผ่านมาช่วงหนึ่งกฎจารีตก็วิวัฒนาการกลายเป็นกฎหมายเช่นประมวลกฎหมายฮัมมูราบี กฎหมายโต๊ะที่ 12 ประมวลกฎหมายพระเจ้าจัสติเนียนหรือกฎหมายอื่นๆอีกมากมายในประวัติศาสตร์ของโลกทั้งหมดล้วนแล้วมีรากฐานเดิมจากจารีตทั้งสิ้นและปัจจุบันกฎหมายมีมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงจากเดิมตามกาลเวลาในเหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแต่ยังคงใช้หลักกฎหมายทั่วไปที่นานาชาติต่างก็ยอมให้ให้ป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นธรรมไม่ว่าประวัติศาสตร์ของชาติใดต่างก็มีอิทธิพลส่งผลต่อการมีอยู่ของกฎหมายยุคปัจจุบันของประเทศนั้น ๆ ทั้งนี้ประวัติความเป็นมาของกฎหมายนั้นถึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการศึกษากฎหมาย ผู้ศึกษากฎหมายนั้นต้องเข้าใจถึงความเป็นมา ประวัติศาสตร์ บ่อเกิดของกฎหมาย ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ปัจจุบันวิชาทางด้านกฎหมายนั้นได้มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทุกสถาบันทางด้านกฎหมายก็มีการสอนวิชาประวัติศสาตร์ของกฎหมาย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์กฎหมายนั้น มีความสำคัญและนักกฎหมาย หรือ ผู้ใฝ่รู้ ควรศึกษา ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับการปูพื้นฐานของกฎหมาย เช่น เราจะทราบ ถึงหลักกฎหมายที่ว่าด้วย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”ของกฎหมายฮัมมูราบี ว่าที่มาเป็นอย่างไร หรือ กฎหมาย 12 โต๊ะ สร้างในสมัยใด หลักกฎหมายว่าด้วยเรื่อง เป็นพื้นฐานนำไปสู่ระบบกฎหมายใดในปัจจุบัน เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บ่งชี้ว่า ประวัติศาสตร์กฎหมายมีความสำคัญมากและจำเป็นต่อการศึกษา ความรู้ทางส่วนนี้จะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตอีกมากมาย ในเมื่อต้องการที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพด้านกฎหมาย เช่น ทนายความ ,อัยการ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นิติกร อาจารย์ หรือ ผู้พิพากษา ต่างก็ต้องมีพื้นฐานด้านกฎหมายเป็นที่ตั้งในการต่อยอดสู่ความสำเร็จด้านอาชีพแห่งความยุติธรรม อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปสอนคนรุ่นหลังที่มีความฝันที่จะสำเร็จวิชาชีพด้านกฎหมาย ดังนั้น สรุปเพียงว่า ประวัติศาสตร์กฎหมาย คือ รากฐานของกฎหมายที่สำคัญ หากปราศจากรากฐานของกฎหมาย คงไม่มีกฎหมาย หรือ อาชีพนักกฎหมายในปัจจุบัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
"กฎหมาย" เมื่อมีสังคมย่อมมีกฎหมาย (Ubi Societas Ibi jus) เช่นประเพณีขนบธรรมเนียมจารีตคำสั่งของผู้ปกครองที่ใช้ควบคุม จากนั้นเวลาผ่านมาช่วงหนึ่งกฎจารีตก็วิวัฒนาการกลายเป็นกฎหมายเช่นประมวลกฎหมายฮัมมูราบี, กฎหมาย 12 โต๊ะ, ประมวลกฎหมายพระเจ้าจัสติเนียน
ประวัติศาสตร์บ่อเกิดของกฎหมายว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร มีความสำคัญและนักกฎหมายหรือผู้ใฝ่รู้ควรศึกษา เช่นเราจะทราบถึงหลักกฎหมายที่ว่าด้วย "ตาต่อตาฟันต่อฟัน" ของกฎหมายฮัมมูราบีว่าที่มาเป็นอย่างไรหรือกฎหมาย 12 โต๊ะสร้างในสมัยใดหลักกฎหมายว่าด้วยเรื่อง
เช่นทนายความ, อัยการที่ปรึกษาด้านกฎหมายนิติกรอาจารย์หรือผู้พิพากษา
สรุปเพียงว่าประวัติศาสตร์กฎหมายคือรากฐานของกฎหมายที่สำคัญหากปราศจากรากฐานของกฎหมายคงไม่มีกฎหมายหรืออาชีพนักกฎหมายในปัจจุบัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
" กฎหมาย " เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบและสงบสุขเมื่อมีสังคมย่อมมีกฎหมาย ( UBI societas มีนัย jus )จะอยู่ในรูปแบบที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันเช่นประเพณีขนบธรรมเนียมจารีตคำสั่งของผู้ปกครองที่ใช้ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของกลุ่มหรือเผ่าหรือประเทศของตนเองจากนั้นเวลาผ่านมาช่วงหนึ่งในจารีตกฎหมายประมวลกฎหมายฮัมมูราบีเช่น ,โต๊ะกฎหมาย 12 ,ประมวลกฎหมายพระเจ้าจัสติเนียนหรือกฎหมายอื่นๆอีกมากมายในประวัติศาสตร์ของโลกทั้งหมดล้วนแล้วมีรากฐานเดิมจากจารีตทั้งสิ้นแต่ยังคงใช้หลักกฎหมายทั่วไปที่นานาชาติต่างก็ยอมให้ให้ป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นธรรมไม่ว่าประวัติศาสตร์ของชาติใดต่างก็มีอิทธิพลส่งผลต่อการมีอยู่ของกฎหมายยุคปัจจุบันของประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ประวัติความเป็นมาของกฎหมายนั้นถึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการศึกษากฎหมายผู้ศึกษากฎหมายนั้นต้องเข้าใจถึงความเป็นมาประวัติศาสตร์บ่อเกิดของกฎหมายว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรทุกสถาบันทางด้านกฎหมายก็มีการสอนวิชาประวัติศสาตร์ของกฎหมายดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์กฎหมายนั้นมีความสำคัญและนักกฎหมายค็อคผู้ใฝ่รู้ควรศึกษาถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับการปูพื้นฐานของกฎหมายเราจะทราบถึงหลักกฎหมายที่ว่าด้วย " ตาต่อตาฟันต่อฟัน " ของกฎหมายฮัมมูราบีว่าที่มาเป็นอย่างไรค็อคกฎหมาย 12 โต๊ะสร้างในสมัยใดหลักกฎหมายว่าด้วยเรื่องเป็นพื้นฐานนำไปสู่ระบบกฎหมายใดในปัจจุบันเป็นต้น
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บ่งชี้ว่าประวัติศาสตร์กฎหมายมีความสำคัญมากและจำเป็นต่อการศึกษาความรู้ทางส่วนนี้จะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตอีกมากมายในเมื่อต้องการที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพด้านกฎหมายทนายความ ,อัยการที่ปรึกษาด้านกฎหมายนิติกรอาจารย์ค็อคผู้พิพากษาต่างก็ต้องมีพื้นฐานด้านกฎหมายเป็นที่ตั้งในการต่อยอดสู่ความสำเร็จด้านอาชีพแห่งความยุติธรรมดังนั้นสรุปเพียงว่าประวัติศาสตร์กฎหมายความรากฐานของกฎหมายที่สำคัญหากปราศจากรากฐานของกฎหมายคงไม่มีกฎหมายค็อคอาชีพนักกฎหมายในปัจจุบัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: