จากในปี 1985 จึงมีการรื้อฟื้นการจัดเทศกาลน้ำแข็งในเมืองฮาร์บินเดิมไม่ได้เป็นการจัดงานแกะสลักน้ำแข็งนานาชาติ แต่เริ่มต้นมาจากการจัดแสดงน้ำแข็งแกะสลักขนาดเล็ก ซึ่งต้องยกเลิกเมื่อปี 1963 เพราะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง
การจัดงานดังกล่าวอีกครั้ง และพัฒนาเป็นงานแกะสลักน้ำแข็งนานาชาติ โดยเชิญนักแกะสลักจากทั่วโลกมาสร้างประติมากรรมขนาดใหญ่ที่ทำจากน้ำแข็งทั้งหมด ส่วนใหญ่นักแกะสลักแต่ละชาติจะแกะสลักสถานที่สำคัญ หรือสะท้อนประเพณีของแต่ละประเทศออกมา
งานเทศกาลน้ำแข็งเมืองฮาร์บินได้รับการยกย่องว่าน่าเที่ยวติดอันดับ 1-35 ของจีน แต่สำหรับต่างประเทศแล้วเทศกาลน้ำแข็งเมืองฮาร์บินถือเป็นงานใหญ่อันดับ 4 เทียบกับเทศกาลน้ำแข็งที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น เทศกาลคาร์นิวาล ฤดูหนาว ที่ควิเบค ประเทศแคนาดา และเทศกาลสกีที่ประเทศนอร์เวย์
ในปี 2007 มีการจัดงานเทศกาลน้ำแข็งอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นที่ระลึกให้กับนายแพทย์ Norman Bethune ชาวแคนาดา ที่มีบทบาทกับสังคมชาวจีนในสมัยก่อน โดยในปีดังกล่าวมีการแกะสลักน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการบันทึกลงในกินเนสบุ๊ค
น้ำแข็งที่แกะสลักแบ่งออกเป็น 2 ส่วนๆ ส่วนแรกแกะสลักเป็นน้ำตกไนแองการาของแคนาดา และช่องแคบแบริ่ง ซึ่งเป็นทะเลที่คั่นระหว่างรัสเซียและรัฐอแลสกาของสหรัฐอเมริกา การแกะสลักน้ำแข็งดังกล่าวมีความยาวรวม 250 เมตร สูง 28 ฟุต ใช้หิมะอัดเป็นก้อนน้ำแข็งมากถึง 13,000 ลูกบาศก์เมตร
ในเมืองฮาร์บินยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การเดินดูความงดงามของสถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่าของฮาร์บินที่ติดกับแม่น้ำซงหัว สถาปัตยกรรมแถบนี้ได้รับอิทธิพลมาจากรัสเซีย เพราะรัสเซียเคยเข้ามายึดเมืองฮาร์บินและเมืองต่างๆของมลฑลเฮย์หลงเจียง สิ่งก่อสร้างที่ยังหลงเหลือคือ โบสถ์เซนต์ โซเฟีย และอาคารพาณิชย์ในเขตเมืองเก่ายังหลงเหลือศิลปะแบบรัสเซียให้นักท่องเที่ยวได้ชม