“แกงขี้เหล็กหมูย่าง” เป็นแกงกะทิยอดนิยมใน ครัวไทยสมัยก่อน ตามภูมิปัญญา การแปล - “แกงขี้เหล็กหมูย่าง” เป็นแกงกะทิยอดนิยมใน ครัวไทยสมัยก่อน ตามภูมิปัญญา ไทย วิธีการพูด

“แกงขี้เหล็กหมูย่าง” เป็นแกงกะทิยอด



“แกงขี้เหล็กหมูย่าง” เป็นแกงกะทิยอดนิยมใน ครัวไทยสมัยก่อน ตามภูมิปัญญาไทยทราบว่า ขี้เหล็กมีสรรพคุณทางยามากมาย ทั้งเป็นยาระบายอ่อนๆ มีสารช่วยผ่อนคลายช่วยคลายความเครียด ทำให้หลับสบายส่วนของดอกขี้เหล็กแก้หืด รักษารังแค นอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารเบต้าแคโรทีน และมีวิตามินซีสูงอีกด้วย ขี้เหล็กมีรสขม แต่รสขมของขี้เหล็กก็เป็นเสน่ห์หรือเอกลักลักษณ์ แล้วยังมีสรรรพคุณต่างๆ ต่อสุขภาพ

คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
แกงขี้เหล็กเป็นแกงที่มีลักษณะเฉพาะตัวก็คือ เราสามารถนำใบขี้เหล็ก ยอด รวมถึงดอกมาทำอาหาร ขี้เหล็กจะมีรสขม เพราะฉะนั้นเวลาจะนำมาทำอาหารเราจึงต้องเอาไปต้มน้ำทิ้งหลายๆ รอบ อีกประการหนึ่งคือแกงนี้มีการใช้กะทิเพราะกะทิที่ใส่เข้าไปจะช่วยตัดรสขม
ประโยชน์ของขี้เหล็ก ขี้เหล็กเป็นพืชพักสมุนไพรที่มีสารบางอย่างที่ช่วยในเรื่องช่วยทำให้เรานอน หลับสบาย เป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะฉะนั้นนอกจากหลับสบาย แล้วก็ขับถ่ายปกติ ทำให้สุขภาพดี แกงขี้เหล็กหมูย่างจึงเป็นอาหารเมนูหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ค่อนข้าง สมบูรณ์แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่ควรจะนำมาบริโภคให้สม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณของเราให้คงอยู่


ส่วนผสม:เครื่องน้ำพริก วิธีทำ
- พริกแห้ง (แช่น้ำให้นิ่ม) 25 กรัม
- หัวหอม 25 กรัม
- กระเทียม 25 กรัม
- ข่า 1 ช้อนชา
- ตะไคร้ 15 กรัม
- กระชาย 125 กรัม
- พริกไทย 10 เม็ด
- รากผักชี ½ ช้อนโต๊ะ
- เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
- กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุง
- เนื้อหมูสะโพก ½ กิโลกรัม
- ใบและดอกขี้เหล็ก 3 ถ้วยตวง
- ปลาอินทรีย์เค็มย่าง 40 กรัม
- หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
- หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
- น้ำปลา ¼ ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

1. โขลกพริกไทย รากผักชี ข่า ตะไคร้ ให้ละเอียด ใส่พริกแห้ง เกลือ กระเทียมหัวหอม กะปิโขลกจนละเอียดพักไว้
2. ต้มปลาอินทรีย์เค็มที่ย่างแล้ว ใส่น้ำ 3/4 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
3. ต้มใบและดอกขี้เหล็กให้สุก เทน้ำทิ้งแล้วต้มใหม่อีกครั้ง ต้มให้นิ่ม บีบน้ำออกให้หมด หั่นพอ หยาบ ๆ พักไว้
4. หั่นเนื้อหมู ชิ้นโตๆ 3 - 4 ชิ้น ย่างให้สุก นำมาหั่นชิ้นบางๆ ตามขวาง
5. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน นำน้ำพริกลงผัดให้หอมและแตกมัน ใส่หมูย่างลงผัดให้เข้ากัน ตักใส่หม้อ
6. เติมหางกะทิตั้งไฟให้เดือด ใส่ขี้เหล็ก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล พอเดือดชิมรส สุกยกลง




0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
"แกงขี้เหล็กหมูย่าง" เป็นแกงกะทิยอดนิยมในครัวไทยสมัยก่อนตามภูมิปัญญาไทยทราบว่าขี้เหล็กมีสรรพคุณทางยามากมายทั้งเป็นยาระบายอ่อน ๆ มีสารช่วยผ่อนคลายช่วยคลายความเครียดทำให้หลับสบายส่วนของดอกขี้เหล็กแก้หืดรักษารังแคนอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารเบต้าแคโรทีนและมีวิตามินซีสูงอีกด้วยขี้เหล็กมีรสขมแต่รสขมของขี้เหล็กก็เป็นเสน่ห์หรือเอกลักลักษณ์แล้วยังมีสรรรพคุณต่าง ๆ ต่อสุขภาพ คุณค่าอาหารทางโภชนาการ แกงขี้เหล็กเป็นแกงที่มีลักษณะเฉพาะตัวก็คือเราสามารถนำใบขี้เหล็กยอดรวมถึงดอกมาทำอาหารขี้เหล็กจะมีรสขมเพราะฉะนั้นเวลาจะนำมาทำอาหารเราจึงต้องเอาไปต้มน้ำทิ้งหลาย ๆ รอบอีกประการหนึ่งคือแกงนี้มีการใช้กะทิเพราะกะทิที่ใส่เข้าไปจะช่วยตัดรสขม ประโยชน์ของขี้เหล็กขี้เหล็กเป็นพืชพักสมุนไพรที่มีสารบางอย่างที่ช่วยในเรื่องช่วยทำให้เรานอนหลับสบายเป็นยาระบายอ่อน ๆ เพราะฉะนั้นนอกจากหลับสบายแล้วก็ขับถ่ายปกติทำให้สุขภาพดีแกงขี้เหล็กหมูย่างจึงเป็นอาหารเมนูหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่ควรจะนำมาบริโภคให้สม่ำเสมอเพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้วยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณของเราให้คงอยู่ ส่วนผสม:เครื่องน้ำพริกวิธีทำ-พริกแห้ง (แช่น้ำให้นิ่ม) 25 กรัม-หัวหอม 25 กรัม -กระเทียม 25 กรัม- ข่า 1 ช้อนชา- ตะไคร้ 15 กรัม- กระชาย 125 กรัม - พริกไทย 10 เม็ด- รากผักชี ½ ช้อนโต๊ะ- เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ- กะปิ ½ ช้อนโต๊ะเครื่องปรุง - เนื้อหมูสะโพก ½ กิโลกรัม- ใบและดอกขี้เหล็ก 3 ถ้วยตวง- ปลาอินทรีย์เค็มย่าง 40 กรัม - หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง- หางกะทิ 3 ถ้วยตวง- น้ำปลา ¼ ถ้วยตวง- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ 1. โขลกพริกไทย รากผักชี ข่า ตะไคร้ ให้ละเอียด ใส่พริกแห้ง เกลือ กระเทียมหัวหอม กะปิโขลกจนละเอียดพักไว้2. ต้มปลาอินทรีย์เค็มที่ย่างแล้ว ใส่น้ำ 3/4 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ3. ต้มใบและดอกขี้เหล็กให้สุก เทน้ำทิ้งแล้วต้มใหม่อีกครั้ง ต้มให้นิ่ม บีบน้ำออกให้หมด หั่นพอ หยาบ ๆ พักไว้ 4. หั่นเนื้อหมูชิ้นโต ๆ 3-4 ชิ้นย่างให้สุกนำมาหั่นชิ้นบาง ๆ ตามขวาง5. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมันนำน้ำพริกลงผัดให้หอมและแตกมันใส่หมูย่างลงผัดให้เข้ากันตักใส่หม้อ 6. เติมหางกะทิตั้งไฟให้เดือดใส่ขี้เหล็กปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำตาลพอเดือดชิมรสสุกยกลง
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!


“แกงขี้เหล็กหมูย่าง” เป็นแกงกะทิยอดนิยมใน ครัวไทยสมัยก่อน ตามภูมิปัญญาไทยทราบว่า ขี้เหล็กมีสรรพคุณทางยามากมาย ทั้งเป็นยาระบายอ่อนๆ มีสารช่วยผ่อนคลายช่วยคลายความเครียด ทำให้หลับสบายส่วนของดอกขี้เหล็กแก้หืด รักษารังแค นอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารเบต้าแคโรทีน และมีวิตามินซีสูงอีกด้วย ขี้เหล็กมีรสขม แต่รสขมของขี้เหล็กก็เป็นเสน่ห์หรือเอกลักลักษณ์ แล้วยังมีสรรรพคุณต่างๆ ต่อสุขภาพ

คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
แกงขี้เหล็กเป็นแกงที่มีลักษณะเฉพาะตัวก็คือ เราสามารถนำใบขี้เหล็ก ยอด รวมถึงดอกมาทำอาหาร ขี้เหล็กจะมีรสขม เพราะฉะนั้นเวลาจะนำมาทำอาหารเราจึงต้องเอาไปต้มน้ำทิ้งหลายๆ รอบ อีกประการหนึ่งคือแกงนี้มีการใช้กะทิเพราะกะทิที่ใส่เข้าไปจะช่วยตัดรสขม
ประโยชน์ของขี้เหล็ก ขี้เหล็กเป็นพืชพักสมุนไพรที่มีสารบางอย่างที่ช่วยในเรื่องช่วยทำให้เรานอน หลับสบาย เป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะฉะนั้นนอกจากหลับสบาย แล้วก็ขับถ่ายปกติ ทำให้สุขภาพดี แกงขี้เหล็กหมูย่างจึงเป็นอาหารเมนูหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ค่อนข้าง สมบูรณ์แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่ควรจะนำมาบริโภคให้สม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณของเราให้คงอยู่


ส่วนผสม:เครื่องน้ำพริก วิธีทำ
- พริกแห้ง (แช่น้ำให้นิ่ม) 25 กรัม
- หัวหอม 25 กรัม
- กระเทียม 25 กรัม
- ข่า 1 ช้อนชา
- ตะไคร้ 15 กรัม
- กระชาย 125 กรัม
- พริกไทย 10 เม็ด
- รากผักชี ½ ช้อนโต๊ะ
- เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
- กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุง
- เนื้อหมูสะโพก ½ กิโลกรัม
- ใบและดอกขี้เหล็ก 3 ถ้วยตวง
- ปลาอินทรีย์เค็มย่าง 40 กรัม
- หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
- หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
- น้ำปลา ¼ ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

1. โขลกพริกไทย รากผักชี ข่า ตะไคร้ ให้ละเอียด ใส่พริกแห้ง เกลือ กระเทียมหัวหอม กะปิโขลกจนละเอียดพักไว้
2. ต้มปลาอินทรีย์เค็มที่ย่างแล้ว ใส่น้ำ 3/4 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
3. ต้มใบและดอกขี้เหล็กให้สุก เทน้ำทิ้งแล้วต้มใหม่อีกครั้ง ต้มให้นิ่ม บีบน้ำออกให้หมด หั่นพอ หยาบ ๆ พักไว้
4. หั่นเนื้อหมู ชิ้นโตๆ 3 - 4 ชิ้น ย่างให้สุก นำมาหั่นชิ้นบางๆ ตามขวาง
5. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน นำน้ำพริกลงผัดให้หอมและแตกมัน ใส่หมูย่างลงผัดให้เข้ากัน ตักใส่หม้อ
6. เติมหางกะทิตั้งไฟให้เดือด ใส่ขี้เหล็ก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล พอเดือดชิมรส สุกยกลง




การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!


" แกงขี้เหล็กหมูย่าง " เป็นแกงกะทิยอดนิยมในครัวไทยสมัยก่อนตามภูมิปัญญาไทยทราบว่าขี้เหล็กมีสรรพคุณทางยามากมายทั้งเป็นยาระบายอ่อนๆมีสารช่วยผ่อนคลายช่วยคลายความเครียดรักษารังแคนอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารเบต้าแคโรทีนและมีวิตามินซีสูงอีกด้วยขี้เหล็กมีรสขมแต่รสขมของขี้เหล็กก็เป็นเสน่ห์หรือเอกลักลักษณ์แล้วยังมีสรรรพคุณต่างๆต่อสุขภาพ


คุณค่าอาหารทางโภชนาการแกงขี้เหล็กเป็นแกงที่มีลักษณะเฉพาะตัวก็คือเราสามารถนำใบขี้เหล็กยอดรวมถึงดอกมาทำอาหารขี้เหล็กจะมีรสขมเพราะฉะนั้นเวลาจะนำมาทำอาหารเราจึงต้องเอาไปต้มน้ำทิ้งหลายๆ a research note
ประโยชน์ของขี้เหล็กขี้เหล็กเป็นพืชพักสมุนไพรที่มีสารบางอย่างที่ช่วยในเรื่องช่วยทำให้เรานอนหลับสบายเป็นยาระบายอ่อนๆเพราะฉะนั้นนอกจากหลับสบายแล้วก็ขับถ่ายปกติทำให้สุขภาพดีสมบูรณ์แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่ควรจะนำมาบริโภคให้สม่ำเสมอเพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้วยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณของเราให้คงอยู่


ส่วนผสม : เครื่องน้ำพริกวิธีทำ
- พริกแห้ง ( แช่น้ำให้นิ่ม ) 25 กรัม
-
- หัวหอม 25 กรัม eggplant 25 กรัม
- ข่า 1 ช้อนชา
- ตะไคร้ 15 กรัม
- กระชาย 125 กรัม
- พริกไทย 10 เม็ด
- รากผักชี½ - ½ช้อนโต๊ะเกลือช้อนโต๊ะ

-
ช้อนโต๊ะกะปิ½เครื่องปรุง
- เนื้อหมูสะโพก½กิโลกรัม
- ใบและดอกขี้เหล็ก 3 ถ้วยตวง
- ปลาอินทรีย์เค็มย่าง 40 กรัม
- หัวกะทิ 1 ½ถ้วยตวง
- หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
- น้ำปลา¼ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

1โขลกพริกไทยรากผักชีข่าตะไคร้ให้ละเอียดใส่พริกแห้งเกลือกระเทียมหัวหอมกะปิโขลกจนละเอียดพักไว้
2 ต้มปลาอินทรีย์เค็มที่ย่างแล้วใส่น้ำ 3 / 4 ถ้วยตั้งไฟให้เดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ
3ต้มใบและดอกขี้เหล็กให้สุกเทน้ำทิ้งแล้วต้มใหม่อีกครั้งต้มให้นิ่มบีบน้ำออกให้หมดหั่นพอหยาบจะพักไว้
4 หั่นเนื้อหมูชิ้นโตๆ 3 - 4 ชิ้นย่างให้สุกนำมาหั่นชิ้นบางๆตามขวาง
5เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมันนำน้ำพริกลงผัดให้หอมและแตกมันใส่หมูย่างลงผัดให้เข้ากันตักใส่หม้อ
6 เติมหางกะทิตั้งไฟให้เดือดใส่ขี้เหล็กปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำตาลพอเดือดชิมรสสุกยกลง




การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: