Finally, in the organizational lear

Finally, in the organizational learning mode, the members
carry out the learning processes of discovery, invention,
production, and generalization. Organizational
learning members within the enriched circle of learning
are to use the principles of cognitive and experiential
learning in an effort to broaden the horizon of learning,
aiming at greater efficiency and effectiveness. Organi-
78
Figure1: Nature of Knowledge Creation Process
Dormant to Active
Active
from
Dormant
zational learning can thus have the positive mode of facilitating
the organizational learning of members or it
can have the negative mode of inhibiting the learning of
its members. It may thus be contended that organizations
with different types of knowledge can be placed
either at positive or negative modes. And diverse organizational
processes can positively and negatively
influence knowledge creation (Chatenieu, Verstegen,
Biemans, Mulder & Omta, 2009).
From the above analysis, it can be inferred that knowledge
creation is an interactive outcome of organizational
processes and managerial cognitions and that knowledge
grows out of an interaction between interpersonal
relationships and everyday sense-making activities
(Richter, 1998). In a significant study, Neto & Choo (2010)
have identified four groups of “enabling conditions” of
knowledge creation and these are social/behaviour, cognitive/epistemic,
informational, and business/managerial
which function singly or in combination at the levels
of individual, group, organizational, and inter-organizational.
Moreover, Linderman, Schroeder & Sanders
(2010) have brought out the role of supportive infrastructure
like leadership in the effectiveness of process-improvement
techniques in the creation of knowledge. In
other words, non-structural and formal mechanisms of
coordination pave the way for knowledge creation
(Luzon & Lloria, 2008). Thus, complex social and cognitive
activities form the foundation of knowledge creation
in organizations. And this leads to the adoption of
a social-cognitive view of knowledge creation. Social
cognitive view as espoused by Bandura (1989) involves
the consideration of three inter-related and interactive
variables of cognition, behaviour, and situation. However,
the mechanics of social-cognition suggested here
differ from the mechanics of Bandura.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สุดท้าย ในหน่วยงานเรียนรู้โหมด สมาชิกดำเนินการกระบวนการเรียนรู้ค้นพบ สิ่งประดิษฐ์ผลิต และ generalization องค์กรเรียนสมาชิกภายในวงเรียนรู้อุดมจะใช้หลักการรับรู้ และผ่านในความพยายามที่จะขยายขอบเขตการเรียนรู้ การเรียนรู้มุ่งที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น Organi-78Figure1: ธรรมชาติของกระบวนการสร้างความรู้ระงับการใช้งานใช้งานอยู่จากเฉย ๆเรียนรู้ zational จึงได้บวกวิธีการอำนวยความสะดวกการเรียนรู้องค์กรของสมาชิกได้ลบโหมด inhibiting การเรียนรู้ของสมาชิก มันอาจดังจะ contended ที่องค์กรมีความรู้ชนิดต่าง ๆ สามารถวางทั้งที่วิธีการบวก หรือลบ และมีความหลากหลายขององค์กรกระบวนสามารถบวก และลบมีอิทธิพลต่อการสร้างความรู้ (Chatenieu, VerstegenBiemans, Mulder & Omta, 2009)จากการวิเคราะห์ข้างต้น สามารถสรุปความรู้ที่สร้างเป็นผลแบบโต้ตอบขององค์กรกระบวนการ และ cognitions บริหารจัดการ และความรู้ที่การโต้ตอบระหว่างมนุษยสัมพันธ์เกิดขึ้นความสัมพันธ์และกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ ทำให้รู้สึก(ถือ 1998) ในการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ Neto และชู้ (2010)ระบุกลุ่มสี่ "เงื่อนไขการเปิดใช้งาน" ของสร้างความรู้และสังคม/พฤติกรรม รับ รู้/epistemic อยู่ให้ข้อมูล และการบริหารจัดการ/ธุรกิจที่ทำงานเดี่ยว หรือใช้ร่วมในระดับแต่ละ กลุ่ม องค์กร และ inter-organizationalนอกจากนี้ Linderman, Schroeder และแซนเดอร์ส์(2010) ได้นำออกบทบาทของโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนเช่นความเป็นผู้นำในประสิทธิภาพของกระบวนการปรับปรุงเทคนิคในการสร้างความรู้ ในคำอื่น ๆ ไม่มีโครงสร้าง และทางกลไกของประสานงานถางทางสำหรับการสร้างความรู้(Luzon และ Lloria, 2008) ดังนั้น เชิงสังคม และรับรู้กิจกรรมรูปแบบพื้นฐานของการสร้างความรู้ในองค์กร และนี้นำไปสู่การยอมรับของสังคมรับรู้มุมมองของการสร้างความรู้ สังคมมุมมองการรับรู้เป็น espoused โดย Bandura (1989) เกี่ยวข้องกับการพิจารณาสามเชื่อมโยงกัน และโต้ตอบตัวแปรของประชาน พฤติกรรม และสถานการณ์ อย่างไรก็ตามกลไกของสังคมประชานแนะนำที่นี่แตกต่างจากกลศาสตร์ของ Bandura

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สุดท้ายในโหมดการเรียนรู้ขององค์กรสมาชิกดำเนินการกระบวนการเรียนรู้ของการค้นพบสิ่งประดิษฐ์, การผลิตและการทั่วไป องค์กรสมาชิกเรียนรู้ภายในวงกลมอุดมของการเรียนรู้ที่จะใช้หลักการของการคิดและจากประสบการณ์การเรียนรู้ในความพยายามที่จะขยายขอบฟ้าของการเรียนรู้ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล Organi-78 รูปที่ 1: ธรรมชาติของความรู้การสร้างกระบวนการหยุดดำเนินกิจการในการใช้งานที่ใช้งานจากการหยุดดำเนินกิจการการเรียนรู้zational จึงสามารถมีโหมดบวกของการอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของสมาชิกในองค์กรหรือสามารถมีโหมดเชิงลบของการยับยั้งการเรียนรู้ของสมาชิก มันจึงอาจจะเกี่ยงว่าองค์กรที่มีชนิดที่แตกต่างกันของความรู้ที่สามารถวางได้ทั้งในโหมดบวกหรือลบ และองค์กรที่มีความหลากหลายกระบวนการบวกและลบสามารถมีอิทธิพลต่อการสร้างความรู้(Chatenieu, Verstegen, Biemans, Mulder และ Omta 2009). จากการวิเคราะห์ข้างต้นก็สามารถสรุปความรู้การสร้างเป็นผลการโต้ตอบขององค์กรกระบวนการและcognitions การบริหารจัดการและความรู้ที่เติบโตจากการทำงานร่วมกันระหว่างระหว่างบุคคลความสัมพันธ์และกิจกรรมที่ทำให้ความรู้สึกในชีวิตประจำวัน(ริกเตอร์ 1998) ในการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ Neto และชู (2010) ได้ระบุสี่กลุ่มของ "เงื่อนไขการเปิดใช้งาน" ของการสร้างความรู้และเหล่านี้คือสังคม/ พฤติกรรมทางปัญญา / epistemic, ข้อมูลและธุรกิจ / การบริหารจัดการซึ่งทำงานโดยลำพังหรือรวมกันที่ระดับของบุคคลกลุ่มองค์กรและระหว่างองค์กร. นอกจากนี้ Linderman ชโรเดอและแซนเดอ(2010) ได้นำบทบาทของโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนเช่นการเป็นผู้นำในประสิทธิภาพของกระบวนการปรับปรุงเทคนิคในการสร้างความรู้ ในคำอื่น ๆ กลไกที่ไม่ใช่โครงสร้างและอย่างเป็นทางการของการประสานงานปูทางสำหรับการสร้างความรู้(เกาะลูซอนและ Lloria 2008) ดังนั้นจึงมีความซับซ้อนทางสังคมและทางปัญญากิจกรรมเป็นรากฐานของการสร้างความรู้ในองค์กร และสิ่งนี้จะนำไปสู่การยอมรับของมุมมองทางสังคมทางความคิดของการสร้างความรู้ สังคมมุมมองทางความคิดเป็นดำเนินการโดย Bandura (1989) ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาของสามระหว่างที่เกี่ยวข้องและโต้ตอบตัวแปรของความรู้ความเข้าใจพฤติกรรมและสถานการณ์ แต่กลไกของความรู้ความเข้าใจสังคมที่แนะนำที่นี่แตกต่างจากกลไกของBandura

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สุดท้ายในโหมดการเรียนรู้ขององค์กร สมาชิก
ทำตามกระบวนการเรียนรู้ของการค้นพบ , การประดิษฐ์ ,
, การผลิตและการ . เรียนสมาชิกภายในองค์การ

เป็นวงกลมของการเรียนรู้ที่อุดมด้วยการใช้หลักการของการคิดและการเรียนรู้เชิงประสบการณ์
ในความพยายามที่จะขยายขอบฟ้าของการเรียนรู้
หมายใจที่เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล
-
78 หรือfigure1 : ธรรมชาติของกระบวนการสร้างความรู้เฉยๆ




zational ปราดเปรียว จากการเรียนรู้เฉยๆ
จึงมีโหมดบวก ส่งเสริมการเรียนรู้ของสมาชิก

หรือมันสามารถมีโหมดลบยับยั้งการเรียนรู้
สมาชิก . มันอาจเป็นการยืนยันว่า องค์กร
กับชนิดของความรู้ที่สามารถวาง
ทั้งในโหมดบวก หรือลบและกระบวนการขององค์กรที่หลากหลายสามารถบวกและลบ

อิทธิพลการสร้างความรู้ ( chatenieu verstegen
, , biemans Mulder & omta , 2009 ) .
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะสามารถบอกได้ว่า การสร้างความรู้
เป็นชนวนแบบโต้ตอบของกระบวนการองค์กรและการบริหารจัดการความรู้และความคิด

ที่เติบโตจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ความสัมพันธ์และความรู้สึกทุกวัน ทำกิจกรรม
( Richter , 1998 ) ในการศึกษาอย่าง เนโต้&ชู ( 2010 )
4 กลุ่ม " ให้มีการระบุเงื่อนไข "
สร้างความรู้และเหล่านี้เป็นพฤติกรรมทางสังคม / การรับรู้ / ความสัมพันธ์
, ข้อมูลและธุรกิจ / การจัดการ
ซึ่งฟังก์ชันเดียวหรือรวมกันในระดับ
ของบุคคล กลุ่ม องค์กร และระหว่างองค์กร .
นอกจากนี้ ลินเดอร์แมน ชโรเดอร์&แซนเดอร์
( 2010 ) ได้นำบทบาทของการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน
ชอบความเป็นผู้นำในประสิทธิผลของกระบวนการปรับปรุง
เทคนิคในการสร้างความรู้ ในคำอื่น ๆที่ไม่ใช่
, โครงสร้างและกลไกการประสานงานอย่างเป็นทางการ

ปูทางสำหรับการสร้างความรู้ ( Luzon & lloria , 2008 ) ดังนั้น
สังคม และสติปัญญาที่ซับซ้อนรูปกิจกรรมพื้นฐานของ
การสร้างความรู้ในองค์กร และนี้นำไปสู่การยอมรับ
มุมมองปัญญาทางสังคมของการสร้างความรู้ มุมมองทางสังคมเชิงพุทธิปัญญา
เป็น espoused โดย Bandura ( 1989 ) เกี่ยวข้องกับการพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับสามอินเตอร์

แบบโต้ตอบ และตัวแปรของการรับรู้พฤติกรรมและสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม กลไกของปัญญาทางสังคม

แนะนำที่นี่แตกต่างจากกลศาสตร์ของ Bandura .