The malaria parasitesOur understand

The malaria parasites
Our understanding of the life cycle of the malaria parasites
did not proceed in the logical order just outlined
but more like a jigsaw in which the various pieces were
painstakingly put into place and, like a jigsaw, often
involved mistakes and false starts. The story begins with
the discovery of the stages in the blood. Many textbooks
merely state that ‘in 1880 Laveran discovered the
malaria parasite’ words that do not give this discovery
the credit it deserves. In order to understand the background
of this discovery it is necessary to go back to the
1870s. The discoveries of Pasteur and Koch had precipitated
a search for a bacterial cause for many diseases
including malaria. By 1879 the miasma theory was going
out of favour and the two theories vying for contention
were whether the microorganisms responsible were
transmitted (1) by air and inhalation or (2) by water and
ingestion. The leading theory was that proposed by the
Italian Corrado Tommasi-Crudeli and the German,
Theodor Albrecht Edwin Klebs, an eminent microbiologist
who had been the first person to see the bacteria
responsible for typhoid and diphtheria. Tommasi-Crudeli
and Klebs claimed that they had isolated from the
waters of the Pontine Marshes, where malaria was prevalent,
a bacterium, Bacillus malariae, which when isolated
in culture and injected into rabbits caused febrile
infections accompanied by enlarged spleens reminiscent
of malaria [14]. It was against this background that
Charles Louis Alphonse Laveran, an unknown French
army officer working in Algeria, challenged the perceived
wisdom and began in his own words ‘to follow
the pigment’. Beginning with the known fact that the
spleens of malaria patients contained pigment he began
to look for pigment in the fresh unstained blood of
patients and observed it first in leucocytes and then in
or on red blood cells. Looking more carefully, he
observed several different forms of erythrocytic organism
including crescents, spherical motionless bodies
with pigment, spherical moving bodies with pigment
and bodies that extruded flagella-like structures all of
which he thought were on the outside of the red cells.
These observations are particularly interesting because
Laveran not only used fresh blood but also a dry objective
with a maximum magnification of ×400 diameters.
He also suggested a course of events that began with
clear spots that grew, acquired pigment and filled the
corpuscle which then burst coinciding with the fevers
associated with malaria. Laveran meticulously examined
the blood of 200 patients and in 148 observed the crescentic
bodies in all cases of malaria but never in those
without malaria. He also noted that quinine removed
these stages from the blood. Laveran quickly realised
that he had found a parasitic protozoan which he called
Oscillaria malariae. He presented his findings to the
French Academy of Medical Sciences in December 1880
[15] but failed to persuade any of the eminent microbiologists,
zoologists or malariologists of the day that he
was seeing anything other than disintegrating red blood
cells. Nevertheless he persevered and by 1884 had convinced
the leading Italian malariologists including
Bignami, Golgi and Marchiafava that malaria was caused
by a protozoan and not a bacterium [16]. His biggest triumph
came in the same year when he also convinced

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปรสิตมาลาเรียเราเข้าใจวงจรชีวิตของปรสิตมาลาเรียไม่ได้ดำเนินตามลำดับตรรกะเพียงเค้าร่างแต่เพิ่มเติมจิ๊กซอว์ที่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้บรรจงใส่เข้าไป ในสถานที่ และ เช่นเป็น จิ๊กซอว์ มักจะข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องและเริ่มต้นเป็นเท็จ เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการค้นพบขั้นตอนในเลือด หลายตำราเพียงรัฐที่ ' ใน 1880 Laveran ค้นพบมาลาเรีย ' คำที่ให้ค้นหานี้เครดิตมันสมควร ความเข้าใจในพื้นหลังค้นพบนี้ จำเป็นต้องย้อนกลับไป1870s ค้นพบ.เมืองบันดุงและคอมีตะกอนการค้นหาสาเหตุโรคหลายเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งโรคมาลาเรีย โดย 1879 miasma ทฤษฎีกำลังโปรดปรานและทฤษฎีสอง vying สำหรับช่วงชิงงานบนได้ว่าจุลินทรีย์ที่รับผิดชอบได้ส่ง (1) โดยอากาศและดม หรือ (2) น้ำ และกิน ได้นำทฤษฎีที่เสนอโดยโคโรราโดอิตาลี Tommasi-Crudeli และเยอรมันTheodor ภาพ Edwin Klebs, microbiologist เป็นอีกที่ได้รับการดูแบคทีเรียรับผิดชอบสำหรับรากสาดและคอตีบ Tommasi Crudeliและ Klebs อ้างว่า พวกเขาได้แยกต่างหากจากการน้ำ Marshes Pontine ที่มาลาเรียมีแบคทีเรีย คัด malariae ซึ่งเมื่อแยกในวัฒนธรรม และฉีดเข้ากระต่ายเกิดไข้การติดเชื้อพร้อมกับขยาย spleens เตือนความทรงจำโรคมาลาเรีย [14] ก็ทำพื้นหลังที่ชาร์ลส์ Louis Alphonse Laveran ฝรั่งเศสยังไม่รู้จักนายทหารที่ทำงานในประเทศแอลจีเรีย ท้าทายการรับรู้ภูมิปัญญาและในคำพูดของเขาเอง ' ตามเม็ดสี ' เริ่มต้น ด้วยข้อเท็จจริงที่รู้จักที่จะspleens ของผู้ป่วยมาลาเรียประกอบด้วยรงควัตถุที่เขาหารงควัตถุในเลือด unstained สดของผู้ป่วย และพบมันครั้งแรก ในการศึกษาลักษณะชนิด และในหรือเซลล์เม็ดเลือดแดง มองมากอย่างระมัดระวัง เขาสังเกตรูปแบบแตกต่างกันหลายสิ่งมีชีวิต erythrocyticรวมทั้ง crescents ร่างกายนิ่งทรงกลมมีรงควัตถุ ร่างกายเคลื่อนไหวทรงกลม มีรงควัตถุและที่ extruded flagella เหมือนโครงสร้างทั้งหมดซึ่งเขาคิดถูกที่ด้านนอกของเซลล์สีแดงข้อสังเกตเหล่านี้เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งเนื่องจากLaveran ไม่ใช้เลือดสด แต่วัตถุประสงค์แห้งด้วยอัตราส่วนที่สูงสุดของสมมาตร× 400เขายังแนะนำหลักสูตรของเหตุการณ์ที่เริ่มต้นด้วยล้างจุดที่เติบโต ซื้อผง และกรอกข้อมูลcorpuscle ที่แล้ว ระเบิดเนื่อง feversเกี่ยวข้องกับโรคมาลาเรีย ตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน Laveranเลือด ของผู้ป่วย 200 และ 148 สังเกตที่ crescenticร่างกาย ในทุกกรณีของโรคมาลาเรีย แต่ ในผู้ที่ไม่เคยไม่ มีโรคมาลาเรีย เขายังสังเกตว่า quinine เอาขั้นตอนเหล่านี้จากเลือด Laveran เร็วเองก็ยังคิดเขาได้พบ protozoan เสียงฟู่เหมือนกาฝากที่เขาเรียกว่าOscillaria malariae นั้น เขานำเสนอผลการวิจัยของเขาเพื่อการวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ภาษาฝรั่งเศสในเดือน 1880 ธันวาคม[15] แต่ล้มเหลวในการชักชวนของ microbiologists อีกzoologists หรือ malariologists ของวันได้ไม่เห็นใช่ disintegrating เลือดแดงเซลล์ อย่างไรก็ตามเขา persevered และ โดย 1884 ได้มั่นใจmalariologists อิตาลีชั้นนำรวมทั้งBignami, Golgi และ Marchiafava ที่เกิดโรคมาลาเรียโดย protozoan มีและไม่มีแบคทีเรีย [16] ชัยชนะของเขาที่ใหญ่ที่สุดมาในปีเดียวกันเมื่อเขายังมั่นใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปรสิตมาลาเรียความเข้าใจของวงจรชีวิตของเราของปรสิตมาลาเรียไม่ได้ดำเนินการในลำดับตรรกะที่ระบุไว้เพียงแต่เหมือนจิ๊กซอว์ที่ในชิ้นส่วนต่างๆถูกใส่เข้าไปในสถานที่อย่างระมัดระวังและเหมือนจิ๊กซอว์มักจะผิดพลาดมีส่วนร่วมและลองผิดลองถูก เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการค้นพบของขั้นตอนในเลือด หลายตำราเพียงระบุว่าในปี 1880 เปค้นพบปรสิตมาลาเรีย'คำที่ไม่ให้การค้นพบนี้เครดิตมันสมควร เพื่อให้เข้าใจถึงพื้นหลังของการค้นพบนี้มีความจำเป็นต้องกลับไปที่1870 การค้นพบของปาสเตอร์และ Koch ได้ตกตะกอนการค้นหาสำหรับสาเหตุที่เชื้อแบคทีเรียโรคต่างๆรวมทั้งโรคมาลาเรีย โดย 1879 ทฤษฎีพิษที่เกิดจากความโปรดปรานและทั้งสองทฤษฎีvying สำหรับการต่อสู้ได้ไม่ว่าจะเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่รับผิดชอบถูกส่ง(1) โดยทางอากาศและการสูดดมหรือ (2) ด้วยน้ำและการบริโภค ทฤษฎีชั้นนำที่ได้รับการเสนอโดยอิตาลี Corrado Tommasi-Crudeli และเยอรมัน, เทโอดอร์อัลเบรทเอ็ดวิน Klebs นักจุลชีววิทยาที่มีชื่อเสียงที่ได้รับคนแรกที่จะเห็นเชื้อแบคทีเรียที่รับผิดชอบในการไทฟอยด์และโรคคอตีบ Tommasi-Crudeli และ Klebs อ้างว่าพวกเขาได้แยกออกจากน่านน้ำของPontine บึงที่มาลาเรียเป็นที่แพร่หลาย, แบคทีเรีย, Bacillus malariae ซึ่งเมื่อแยกในวัฒนธรรมและฉีดเข้าไปในกระต่ายที่เกิดจากไข้ติดเชื้อมาพร้อมกับม้ามโตเตือนความทรงจำของโรคมาลาเรีย[14 ] มันเป็นกับพื้นหลังที่ชาร์ลส์หลุยส์อัลฟองส์เปเป็นภาษาฝรั่งเศสที่ไม่รู้จักนายทหารที่ทำงานในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียท้าทายการรับรู้ภูมิปัญญาและเริ่มต้นขึ้นในคำพูดของเขาเองที่จะปฏิบัติตามเม็ดสี' เริ่มต้นด้วยความจริงรู้จักกันว่าม้ามของผู้ป่วยโรคมาลาเรียเม็ดสีที่มีอยู่เขาก็เริ่มที่จะมองหาสีในเลือดไม่มีรอยเปื้อนใหม่ของผู้ป่วยและสังเกตเห็นมันเป็นครั้งแรกในเม็ดเลือดขาวและจากนั้นในหรือบนเซลล์เม็ดเลือดแดง มองอย่างระมัดระวังมากขึ้นเขาสังเกตเห็นรูปแบบที่แตกต่างกันของสิ่งมีชีวิต erythrocytic รวมถึงเสี้ยวร่างกายนิ่งทรงกลมที่มีเม็ดสีที่ร่างกายเคลื่อนไหวทรงกลมสีและหน่วยงานที่อัดโครงสร้างflagella เหมือนทุกสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นที่ด้านนอกของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่. ข้อสังเกตเหล่านี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งเพราะเปไม่เพียงแต่ใช้เลือดสด แต่ยังมีวัตถุประสงค์แห้งที่มีการขยายสูงสุด× 400 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง. นอกจากนี้เขายังแนะนำหลักสูตรของเหตุการณ์ที่เริ่มต้นด้วยจุดที่ชัดเจนว่าขยายตัวของเม็ดสีที่ได้มาและเต็มไปด้วยเม็ดโลหิตซึ่งออกมาแล้วประจวบกับไข้ที่เกี่ยวข้องกับโรคมาลาเรีย เปพิถีพิถันตรวจสอบเลือดของผู้ป่วย 200 และ 148 สังเกต crescentic ร่างกายในทุกกรณีของโรคมาลาเรีย แต่ไม่เคยอยู่ในเหล่านั้นโดยไม่ต้องมาลาเรีย นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตว่าควินินลบออกขั้นตอนเหล่านี้ออกจากเลือด เปรู้อย่างรวดเร็วว่าเขาได้พบปรสิตโปรโตซัวซึ่งเขาเรียกว่าOscillaria malariae เขานำเสนอผลการวิจัยของเขาไปฝรั่งเศส Academy วิทยาศาสตร์การแพทย์ในธันวาคม 1880 [15] แต่ล้มเหลวที่จะชักชวนใด ๆ ของจุลชีววิทยาเด่นzoologists หรือ malariologists ของวันที่เขาได้เห็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พังเม็ดเลือดแดงเซลล์ แต่เขามีความพยายามและ 1884 ได้เชื่อชั้นนำของอิตาลีmalariologists รวมทั้งBignami, กอลไจ Marchiafava และมาลาเรียที่เกิดจากโปรโตซัวและแบคทีเรียไม่ได้[16] ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเดินเข้ามาในปีเดียวกันเมื่อเขายังเชื่อว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไข้มาลาเรียปรสิต
ความเข้าใจของเราของวงจรชีวิตของปรสิตมาลาเรีย
ไม่ได้ดำเนินการในลำดับตรรกะเพียงระบุ
แต่เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ชิ้นต่าง ๆใส่ลงไปในสถานที่
อย่างระมัดระวังและเหมือนจิ๊กซอว์ มักจะ
เกี่ยวข้องกับความผิดพลาด และเริ่มต้นเป็นเท็จ เริ่มต้นเรื่องราวด้วย
ค้นพบขั้นตอนในเลือด หลายตำรา
เพียงแต่ระบุว่า ' ในปี 1880 laveran ค้นพบ
ปรสิตมาลาเรีย ' คำที่ไม่ให้การค้นพบนี้
เครดิตมันสมควร . เพื่อให้เข้าใจความเป็นมา
ของค้นพบนี้จะต้องกลับไป
1850 . การค้นพบของปาสเตอร์ และ Koch ได้ตกตะกอน
ค้นหาสาเหตุของโรคต่างๆ รวมถึงโรคมาลาเรีย
. โดย 1879 ทฤษฎีสิ่งที่เป็นพิษกำลัง
ออกจากความโปรดปรานและสองทฤษฎีที่ vying สำหรับการต่อสู้

ว่าเป็นจุลินทรีย์ที่รับผิดชอบถูกส่ง ( 1 ) ทางอากาศและการสูดดม หรือ ( 2 ) ด้วยน้ำและ
การกลืนกิน ทฤษฎีชั้นนำที่เสนอโดย
คอร์ราโด ตอมมาซี่ crudeli อิตาลีและเยอรมัน ,
ธีโอดอร์ Albrecht เอ็ดวิน klebs , เด่นนักจุลชีววิทยา
ที่ได้รับคนแรกที่เห็นแบคทีเรีย
รับผิดชอบ ไทฟอยด์ และโรคคอตีบ ตอมมาซี่และ crudeli
klebs อ้างว่าพวกเขาได้แยกจาก
น้ำของ pontine บึงที่มาลาเรียระบาด
แบคทีเรีย Bacillus ไข้จับสั่น ซึ่งเมื่อแยก
ในวัฒนธรรม และฉีดเข้ากระต่ายที่เกิดจากเชื้อไข้
พร้อมด้วยขยายม้ามชวน
ไข้มาลาเรีย [ 14 ] มันเป็นกับพื้นหลังนี้
งานเขียนของแจ็ค ลอนดอน การไม่รู้จักฝรั่งเศส
ทหารทำงานในแอลจีเรีย , ท้าทายการรับรู้
ปัญญาและเริ่มในคำพูดของเขาเองที่จะปฏิบัติตาม
เม็ด ' เริ่มต้นด้วยข้อเท็จจริงทราบว่าม้ามของผู้ป่วยมาลาเรียที่มีสี

เขาเริ่มมองหารงควัตถุในเลือดไม่มีรอยเปื้อนสดของ
ผู้ป่วยและสังเกตมันครั้งแรกใน leucocytes แล้ว
หรือในเซลล์เม็ดเลือดแดงดูให้ดี เขาพบว่ารูปแบบที่แตกต่างกันหลาย

erythrocytic รวมทั้งสิ่งมีชีวิตลักษณะเป็นพระจันทร์ครึ่งซีก , ทรงกลม ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
กับสีทรงกลม , เคลื่อนย้ายศพกับศพ อัด แฟลกเจลลาและเม็ด

ชอบโครงสร้างทั้งหมดที่เขาคิดอยู่ภายนอกเซลล์สีแดง สังเกตเหล่านี้เป็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจาก

laveran ไม่เพียง แต่ใช้เลือดสดๆ แต่ยัง
วัตถุประสงค์บริการด้วยการขยายขนาดสูงสุดของ× 400 .
เขาก็แนะนำหลักสูตรของเหตุการณ์ที่เริ่มต้นด้วย
เคลียร์สปอตที่โตขึ้น ได้รับ เม็ดสีเต็ม
เม็ดโลหิตซึ่งระเบิด coinciding กับไข้
เกี่ยวข้องกับมาลาเรีย laveran meticulously ตรวจสอบ
เลือด 200 ผู้ป่วยและใน 148 สังเกต crescentic
ร่างกายในทุกกรณีของโรคมาลาเรีย แต่ไม่เคยใน
ไม่มีไข้มาลาเรีย นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตว่า ยาควินินลบออก
ขั้นตอนเหล่านี้จากเลือด laveran ได้อย่างรวดเร็วตระหนัก
ที่เขาพบปรสิตโปรโตซัวซึ่งเขาเรียก
oscillaria ไข้จับสั่น . เขาได้นำเสนอผลการวิจัยของเขาไปยัง
โรงเรียนภาษาฝรั่งเศส การแพทย์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1877
[ 15 ] แต่ล้มเหลวที่จะโน้มน้าวใด ๆของ microbiologists เด่น
นักสัตววิทยา หรือ malariologists ของวัน ที่เขาได้เห็นอะไรมากกว่า

จำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดง อย่างไรก็ตามเขา persevered และ 1884 มั่นใจ

bignami า malariologists รวมทั้งอิตาลี , และกอลจิ marchiafava ที่มาลาเรียมาจาก
โดยโปรโตซัวและแบคทีเรีย [ 16 ] ที่ใหญ่ที่สุดชัยชนะ
มา ในปีเดียวกัน เมื่อเขายังเชื่อว่า