According to the percentages of str

According to the percentages of strategy use, it is observed that all the male and female teacher candidates use
making a drawing and using known information strategy. While 40 % of the male teacher candidates use
guessing and testing strategy while solving geometry problems, 30 % of the female teacher candidates use this
strategy. While 60 % of the male teacher candidates use brainstorming, 20 % of the female teacher candidates
benefit from this strategy. It is determined that male teacher candidates use guessing and testing strategy and
brainstorming strategy more than female teacher candidates. Besides, while 70 % of the female teacher
candidates use simplifying the problem strategy while solving geometry problems, 60 % of the male teacher
candidates use this strategy. It is determined that female teacher candidates use simplifying the problem
strategy more than male teacher candidates.
CONCLUSIONS, DISCUSSION AND SUGGESTIONS
According to the findings of the study, it is determined that all the elementary mathematics teacher candidates
participated in the research use making a drawing and using known information strategies and 65 % of them
use simplifying the problem strategy while solving geometry problems. It is observed that while 20 % of the
female teacher candidates participated in the research benefit from brainstorming strategy while solving
geometry problem, 60 % of the male teacher candidates benefit from this strategy. It is seen that 40 % of
teacher candidates use brainstorming strategy overall. It is also determined that 35 % of the elementary
mathematics teacher candidates participated in the study use guessing and testing strategy while solving
geometry problems. In accordance with the results obtained in this study, recommendations below are
presented.
• Different studies may also be conducted in order to determine the different strategies (Solving a Simpler
Analogous Problem, Cognitive Research, etc..) used by elementary mathematics teacher candidates in
geometry problems.
• Considering the importance of problem solving, it will be useful to give training to teacher candidates
because problem solving is an integral part of the mathematics learning process and it is necessary to
mention in related classes that problem solving should integrate with the overall mathematics learning
process (Kayan & Çakıroğlu, 2008).
• Teachers should be a model to students by using different problem solving strategies in geometry classes
and they should encourage students to use different strategies, so it is thought to be useful to give training
to teachers and teacher candidates on teaching problem solving strategies.
• Research of secondary school students’ geometry problem solving strategies can also be suggested.
• The relation between problem solving strategies used by the teacher candidates and students’ problem
solving strategies can be studied.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามเปอร์เซ็นต์ของการใช้กลยุทธ์ มันเป็นที่สังเกตว่า ผู้สมัครสอบครูชาย และหญิงที่ใช้การวาด และการใช้ข้อมูลที่ทราบกลยุทธ์ ในขณะที่ 40% ของการใช้ผู้สมัครครูชายคาดเดา และการทดสอบกลยุทธ์ในขณะแก้ปัญหาเรขาคณิต 30% ของผู้สมัครครูใช้กลยุทธ์ ขณะที่ 60% ของผู้สมัครชายครูใช้ระดมสมอง 20% ของผู้สมัครครูหญิงประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ กำหนดให้ผู้สมัครชายครูใช้ทดสอบกลยุทธ์ และการคาดเดา และระดมผู้สมัครครูกลยุทธ์มากกว่าเพศหญิง นอกจากนี้ ในขณะที่ 70% ของครูหญิงผู้สมัครใช้กลยุทธ์ปัญหาการลดความซับซ้อนในขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต 60% ของครูชายผู้สมัครที่ใช้กลยุทธ์นี้ กำหนดให้ครูผู้ใช้ลดความซับซ้อนของปัญหากลยุทธ์มากกว่าครูชายผู้สมัครสรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะตามผลการวิจัยของการศึกษา กำหนดที่สมัครครูคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาเข้าร่วมในการวิจัยใช้การวาด และการใช้ข้อมูลที่ทราบกลยุทธ์และ 65% ของพวกเขาใช้กลยุทธ์ปัญหาการลดความซับซ้อนในขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต มันเป็นข้อสังเกตที่ในขณะที่ 20% ของการครูผู้สมัครเข้าร่วมการวิจัยประโยชน์จากกลยุทธ์การระดมความคิดในขณะที่แก้ปัญหาเรขาคณิต 60% ของผู้สมัครชายครูได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ จะเห็นว่า 40% ของผู้สมัครที่ครูใช้กลยุทธ์ระดมความคิดโดยรวม นอกจากนี้ยังกำหนดว่า 35% ของประถมคณิตศาสตร์ครูผู้สมัครเข้าร่วมศึกษาการใช้การคาดเดา และการทดสอบกลยุทธ์ในขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต ตามผลได้รับในการศึกษานี้ มีคำแนะนำด้านล่างนำเสนอ•ศึกษาอาจจะดำเนินการเพื่อกำหนดกลยุทธ์แตกต่างกัน (แก้เป็น Simplerปัญหาคล้าย วิจัยองค์ความรู้ ฯลฯ . .) ใช้ โดยผู้สมัครครูคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาในปัญหาเรขาคณิต•พิจารณาถึงความสำคัญของการแก้ปัญหา มันจะเป็นประโยชน์กับการฝึกอบรมให้ครูผู้สมัครเพราะการแก้ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และจำเป็นต้องพูดถึงในชั้นเรียนที่เกี่ยวข้องว่า การแก้ปัญหาควรรวมเข้ากับการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยรวมกระบวนการ (Kayan & Çakıroğlu, 2008)•ครูควรเป็นแบบนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์การแก้ปัญหาในชั้นเรียนเรขาคณิตพวกเขาส่งเสริมให้นักเรียนใช้กลยุทธ์แตกต่างกัน ดังนั้นมันเป็นความคิดที่เป็นประโยชน์ในการให้การฝึกอบรมครูและครูผู้สมัครสอนปัญหาแก้กลยุทธ์•การวิจัยยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาเรขาคณิตของนักเรียนมัธยมยังสามารถแนะนำ•ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครครูใช้ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาและปัญหาของนักเรียนสามารถศึกษายุทธศาสตร์การแก้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่อัตราร้อยละของการใช้กลยุทธ์ที่มันเป็นที่สังเกตว่าทุกคนที่เป็นเพศชายและเพศหญิงผู้สมัครครูใช้
ทำให้การวาดภาพและการใช้กลยุทธ์ข้อมูลที่รู้จักกัน ในขณะที่ 40% ของผู้สมัครชายครูใช้
การคาดเดาและการทดสอบกลยุทธ์ขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต 30% ของผู้สมัครครูเพศหญิงใช้นี้
กลยุทธ์ ในขณะที่ 60% ของผู้สมัครชายครูใช้การระดมความคิด 20% ของผู้สมัครครูเพศหญิง
ได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ มันจะถูกกำหนดว่าผู้สมัครชายครูใช้การคาดเดาและการทดสอบกลยุทธ์และการ
ระดมความคิดกลยุทธ์มากกว่าผู้สมัครครูหญิง นอกจากนี้ในขณะที่ 70% ของครูหญิง
ผู้สมัครใช้ง่ายกลยุทธ์ของปัญหาที่เกิดขึ้นขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต 60% ของครูชาย
ผู้สมัครที่ใช้กลยุทธ์นี้ มันจะถูกกำหนดว่าผู้สมัครครูเพศหญิงใช้ลดความซับซ้อนของปัญหา
กลยุทธ์มากกว่าผู้สมัครครูชาย.
สรุปคำอธิบายและคำแนะนำ
ตามผลของการศึกษาก็จะถูกกำหนดว่าทุกคณิตศาสตร์ประถมผู้สมัครครู
มีส่วนร่วมในการใช้งานวิจัยทำให้การวาดภาพและ ข้อมูลการใช้กลยุทธ์ที่รู้จักและ 65% ของพวกเขา
ใช้กลยุทธ์ลดความซับซ้อนของปัญหาที่เกิดขึ้นขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต มันเป็นที่สังเกตว่าในขณะที่ 20% ของ
ผู้สมัครเพศหญิงครูมีส่วนร่วมในการวิจัยได้รับประโยชน์จากการระดมความคิดกลยุทธ์ขณะที่การแก้
ปัญหาเรขาคณิต 60% ของผู้สมัครชายครูได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ จะเห็นว่า 40% ของ
ผู้สมัครที่ครูใช้กลยุทธ์การระดมความคิดโดยรวม นอกจากนี้ยังระบุว่า 35% ของระดับประถมศึกษา
คณิตศาสตร์ผู้สมัครครูมีส่วนร่วมในการใช้การศึกษาคาดเดาและการทดสอบกลยุทธ์ขณะที่การแก้
ปัญหาเรขาคณิต สอดคล้องกับผลที่ได้รับในการศึกษาครั้งนี้คำแนะนำด้านล่างจะ
นำเสนอ.
•การศึกษาที่แตกต่างกันนอกจากนี้ยังอาจจะต้องดำเนินการเพื่อที่จะกำหนดกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน (แก้ง่าย
คล้ายปัญหาความรู้ความเข้าใจงานวิจัย ฯลฯ .. ) ใช้โดยผู้สมัครประถมครูคณิตศาสตร์ใน
ปัญหาเรขาคณิต.
•พิจารณาความสำคัญของการแก้ปัญหาก็จะเป็นประโยชน์ที่จะให้การฝึกอบรมให้กับผู้สมัครครู
เพราะการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้คณิตศาสตร์และมันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะ
พูดถึงในชั้นเรียนที่เกี่ยวข้องที่การแก้ปัญหาควรบูรณาการกับภาพรวม การเรียนรู้คณิตศาสตร์
กระบวนการ (Kayan & Çakıroğlu 2008).
•ครูควรเป็นรูปแบบให้กับนักเรียนโดยใช้ปัญหาที่แตกต่างกันกลยุทธ์ในการแก้เรียนเรขาคณิต
และพวกเขาควรส่งเสริมให้นักเรียนใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันดังนั้นจึงเป็นความคิดที่เป็นประโยชน์ในการให้การฝึกอบรม
ให้กับครู ครูและผู้สมัครในการแก้ปัญหาการเรียนการสอนการแก้กลยุทธ์.
•งานวิจัยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา 'กลยุทธ์การแก้ปัญหาเรขาคณิตนอกจากนี้ยังสามารถแนะนำ.
•ความสัมพันธ์ระหว่างการแก้ปัญหากลยุทธ์ที่ใช้โดยผู้สมัครที่ครูและนักเรียน' ปัญหา
การแก้กลยุทธ์สามารถศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามเปอร์เซ็นต์ของการใช้กลยุทธ์ พบว่าทั้งชายและหญิงผู้ที่ครูใช้การวาดภาพและการใช้รู้จักกลยุทธ์ข้อมูล ในขณะที่ร้อยละ 40 ของผู้สมัครครูผู้ชายใช้การคาดเดาและทดสอบกลยุทธ์ในขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต , 30% ของผู้สมัครครูผู้หญิงใช้กลยุทธ์ ในขณะที่ 60% ของผู้สมัครครูชายใช้การระดมสมอง , 20% ของผู้สมัครครูหญิงได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ จะพิจารณาว่าผู้สมัครครูชายใช้การคาดเดาและทดสอบกลยุทธ์และระดมสมองกลยุทธ์มากกว่าผู้สมัครครูหญิง นอกจากนี้ ในขณะที่ 70% ของครูหญิงผู้สมัครใช้ระบบกลยุทธ์ปัญหาในขณะที่การแก้ปัญหาเรขาคณิต , 60% ของครูชายผู้สมัครที่ใช้กลยุทธ์นี้ จะพิจารณาว่าผู้สมัครครูหญิงใช้ง่าย ปัญหากลยุทธ์มากกว่าผู้สมัครครูชายสรุปการอภิปรายและข้อเสนอแนะตามผลของการศึกษาจะพิจารณาว่าผู้สมัครทั้งหมด ครูคณิตศาสตร์มีส่วนร่วมในการวิจัยการใช้การวาดรูปและใช้เรียกข้อมูลกลยุทธ์และ 65% ของพวกเขาใช้ง่ายกลยุทธ์ปัญหาในขณะที่การแก้ปัญหาทางเรขาคณิต มันเป็นที่สังเกตว่าในขณะที่ 20 % ของผู้สมัครครูหญิงมีส่วนร่วมในผลประโยชน์งานวิจัยจากการระดมสมองยุทธศาสตร์ในขณะที่การแก้ปัญหาปัญหาเรขาคณิต , 60% ของชายผู้สมัครครูได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ จะเห็นได้ว่า 40% ของผู้สมัครครูใช้การระดมสมองกลยุทธ์โดยรวม ยังพิจารณาที่ 35% จากระดับประถมศึกษาผู้สมัครครูคณิตศาสตร์เข้าร่วม ในการศึกษาใช้การคาดเดาและทดสอบกลยุทธ์ในขณะที่การแก้ปัญหาปัญหาเรขาคณิต สอดคล้องกับผลที่ได้ในการศึกษานี้ มีข้อเสนอแนะด้านล่างนำเสนอ- การศึกษาที่แตกต่างกันอาจจะดำเนินการเพื่อกำหนดกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ( แก้ง่ายกว่าปัญหาที่คล้ายกัน cognitive , วิจัย , ฯลฯ . ) ที่ใช้โดยคณิตศาสตร์ครูผู้สมัครในปัญหาเรขาคณิต- พิจารณาความสำคัญของการแก้ปัญหา จะเป็นประโยชน์ในการฝึก เพื่อให้ผู้สมัครครูเพราะการแก้ปัญหาคือส่วนหนึ่งของการเรียนคณิตศาสตร์ กระบวนการ และมันเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่กล่าวถึงในชั้นเรียนว่า การแก้ปัญหาควรจะบูรณาการกับสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยรวมกระบวนการ ( กสิณ & Ç AK ıโรğ Lu , 2008 )ครูควรให้นักเรียนแต่ละแบบโดยการใช้กลยุทธ์ในการเรียนเรขาคณิตแก้ไขปัญหาต่าง ๆและพวกเขาควรสนับสนุนให้นักเรียนใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่เป็นประโยชน์เพื่อให้การฝึกอบรมครูและอาจารย์ผู้สอนการแก้ ปัญหา กลยุทธ์- งานวิจัยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาเรขาคณิตการแก้ปัญหากลยุทธ์ยังสามารถแนะนำ- ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้กลยุทธ์การแก้ปัญหาโดยครูและนักเรียนเป็นปัญหาของผู้สมัครแก้กลยุทธ์ สามารถศึกษา