he festival's origins are somewhat

he festival's origins are somewhat unclear. A popular account has it that it commemorates the city's defiance against the city's tyrant, who is either a member of the Ranieri family[2] or a conflation of the 12th-century Ranieri di Biandrate and the 13th-century Marquis William VII of Montferrat.[3] This tyrant attempted to rape a young commoner (often specified as a miller's daughter[4]) on the eve of her wedding, supposedly exercising the droit du seigneur. The tyrant's plan backfired when the young woman instead decapitated him, after which the populace stormed and burned the palace.[5] Each year, a young girl is chosen to play the part of Violetta, the defiant young woman.[1][6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ต้นกำเนิดเทศกาลเขาจะค่อนข้างชัดเจน บัญชีผู้ใช้ที่นิยมมีมันว่า มันพลีชีพทั่วเมืองกับเมืองทรราช ที่เป็นสมาชิกของวง [2] หรือผสมผสานกันระหว่างศตวรรษที่ 12 วง di Biandrate และ VII วิลเลียมรนด์ดยุคศตวรรษที่ 13 ของมอนเฟอร์รัต [3 พยายามข่มขืนกระทำชำเรา (มักระบุเป็น daughter[4]) ของมิลเลอร์ในวันแต่งงานของเธอ ออกกำลังกาย seigneur du droit คาดคะเนองค์หนุ่มทรราช] แผนเผด็จการ backfired เมื่อหญิงสาวแทน decapitated เขา หลังจากที่ประชาชนบุก และเผาพระราชวัง [5] แต่ละปี ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กสาวคือเลือกที่จะเล่นส่วนของ Violetta สาวท้าทาย [1] [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขาต้นกำเนิดของเทศกาลที่ค่อนข้างชัดเจน บัญชีที่นิยมมีว่าที่มันเอกราชท้าทายของเมืองต่อต้านเผด็จการของเมืองที่เป็นทั้งสมาชิกของครอบครัว Ranieri [2] หรือ conflation ที่ 12 ศตวรรษ Ranieri di Biandrate และศตวรรษที่ 13 ที่มาร์กีส์วิลเลียมปกเกล้าเจ้าอยู่หัวของเฟอรัต [3] ทรราชนี้พยายามที่จะข่มขืนสาวสามัญชน (มักจะระบุว่าเป็นลูกสาวของมิลเลอร์ [4]) ในวันแต่งงานของเธอที่คาดคะเนการออกกำลังกาย Droit ดู่นายท่าน แผนทรราชเมื่อย้อนหญิงสาวแทนหัวเขาหลังจากที่ประชาชนบุกและเผาพระราชวัง. [5] ในแต่ละปีเด็กสาวที่ไ​​ด้รับเลือกให้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของไวโอเล็ตหญิงสาวที่ท้าทายได้. [1] [6 ]