Baht volatility has gained pace sin

Baht volatility has gained pace since the beginning of this year, in line with regional currencies, a central banker said on Monday. The volatility of the baht was 4.38% from 3.2% while those of the Malaysian ringgit accelerated to 13% from 9% and the Singapore dollar to 8.7% from 5.1% - all on the upward has gained a little more than 1% since the beginning of the year, on par with the Indonesian rupiah and the Singapore dollar, while the Malaysian ringgit was 3% stronger, said Mrs Chantavan. "The baht movement has been in line with regional currencies so Thailand is not at a disadvantage to its neighbours in terms of foreign exchange rates. "The central bank has no plans to ease outflow rules to curb the stronger baht. The relaxation increases financial efficiency by allowing companies and people to buy foreign currencies or invest more flexibly," she said. Charl Kengchon, president of Kasikornbank Research Center, said the chance was low that the central bank would resort to monetary policy or cutting policy interest rate to rein in the strong baht. "The central bank will have to take into consideration many factors such as exports, growth, public investment, etc. If government spending meets the target, the central bank will be less pressured to resort to monetary policy. However, it will take a while to analyse all data. "Importantly, we need to monitor the Federal Reserve's interest rate trend or whether it can raise the rate 3-4 times this year as anticipated," he said. If the Fed increases its key interest rate, it's highly unlikely the Bank of Thailand will cut its policy rate or ease outflows to stabilise the baht or to stimulate the economy, he added. Money traders at Kasikornbank forecast the baht will move in a range between 35.35 and 35.65 to the dollar. The factors to watch are how money markets react to soon-to-be-announced key US economic data. However, few changes may be seen as Chinese markets are closed all week for the Lunar New Year holidays.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บาท ผันผวนได้รับทันตั้งแต่ต้นปีนี้ สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค นายกลางกล่าวว่า ในวันจันทร์ 4.38% จาก 3.2% ขณะที่ริงกิตมาเลเซียที่เร่งให้ 13% จาก 9% เป็นความผันผวนของเงินบาท และดอลลาร์สิงคโปร์ถึง 8.7% จาก 5.1% - ทั้งหมดบนการขึ้นได้รับน้อยกว่า 1% ตั้งแต่ต้นปี เทียบเท่ารูเปียห์อินโดนีเซียและดอลลาร์สิงคโปร์ ในขณะที่ริงกิตมาเลเซีย แรงกว่า 3% นาง Chantavan กล่าวว่า "การเคลื่อนไหวของบาทได้สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคประเทศไทยไม่เป็นที่เสียเปรียบกับของเพื่อนบ้านในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ" ธนาคารกลางมีแผนการให้กฎกระแสเพื่อเหนี่ยวรั้งบาทแข็ง การพักผ่อนที่เพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน โดยการอนุญาตให้บริษัทและคนที่ซื้อสกุลเงินต่างประเทศ หรือลงทุนมากขึ้นความยืดหยุ่น เธอกล่าว Charl Kengchon ประธาน ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยกล่าวว่า โอกาสได้ต่ำว่า จะรีสอร์ทธนาคารกลางนโยบายการเงินหรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายตัดการบังเหียนในบาทแข็งแกร่ง "ธนาคารกลางจะต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเช่นการลงทุนสาธารณะ ส่งออก เติบโต เป็นต้น ถ้าใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นไปตามเป้าหมาย ธนาคารกลางจะกดดันน้อยใช้นโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม มันจะใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด "ที่สำคัญ เราต้องการตรวจสอบแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหรือว่ามันสามารถเพิ่มอัตรา 3 - 4 ครั้งในปีนี้คาดไว้ เขากล่าวว่า ถ้าเฟดเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสำคัญ ไม่น่าสูงธนาคารแห่งประเทศไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือบรรเทากระแส เพื่อเสถียรภาพเงินบาท หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ เขาเพิ่ม ผู้ค้าเงินที่ธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์บาทจะย้ายในช่วงระหว่าง 35.35 และ 35.65 ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องดูมีวิธีเงินตลาดตอบสนองต่อคีย์เร็วเพื่อ--ประกาศเราข้อมูลทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะเห็นได้ ตามตลาดจีนจะปิดทุกสัปดาห์สำหรับวันหยุดปีใหม่ทางจันทรคติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บาทผันผวนได้รับการก้าวตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปีนี้ในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาคเป็นนายธนาคารกลางกล่าวว่าในวันจันทร์ ความผันผวนของเงินบาทเป็น 4.38% จาก 3.2% ในขณะที่ของริงกิตมาเลเซียเร่งให้ 13% จาก 9% และเงินดอลลาร์สิงคโปร์ 8.7% จาก 5.1% - ทั้งหมดบนขึ้นไปได้รับน้อยกว่า 1% ตั้งแต่เริ่มต้น ของปีที่ตราไว้กับเงินรูเปียห์อินโดนีเซียและดอลลาร์สิงคโปร์ในขณะที่ริงกิตมาเลเซียเป็น 3% แข็งแกร่งนาง Chantavan กล่าวว่า "การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทได้รับในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาคเพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ที่เสียเปรียบเพื่อนบ้านในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ." ธนาคารกลางมีแผนการที่จะบรรเทากฎการไหลออกเพื่อลดค่าเงินบาทที่แข็งแกร่ง การพักผ่อนที่เพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินโดยการอนุญาตให้ บริษัท และผู้คนที่จะซื้อเงินตราต่างประเทศหรือลงทุนความยืดหยุ่นมากขึ้น "เธอกล่าว. Charl Kengchon ประธานของธนาคารกสิกรไทยศูนย์วิจัยกล่าวว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยว่าธนาคารกลางจะหันไปใช้นโยบายการเงินหรือการตัดดอกเบี้ยนโยบาย อัตราที่จะบังเหียนในเงินบาทที่แข็ง. "ธนาคารกลางจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาหลายปัจจัยเช่นการส่งออก, การเจริญเติบโตของการลงทุนภาครัฐ ฯลฯ หากใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารกลางจะได้รับแรงกดดันน้อยกว่าที่จะหันไปใช้นโยบายการเงิน . แต่จะใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด "ที่สำคัญเราต้องตรวจสอบแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือไม่ว่าจะสามารถเพิ่มอัตรา 3-4 ครั้งในปีนี้คาดว่าจะเป็น" เขากล่าว หากเฟดเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญของมันก็สูงไม่น่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือความสะดวกในการไหลออกของเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทหรือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเขาเพิ่ม ผู้ค้ารายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ค่าเงินบาทจะย้ายไปอยู่ในช่วงระหว่าง 35.35 และ 35.65 ดอลลาร์ ปัจจัยที่จะดูเป็นวิธีการที่ตลาดเงินตอบสนองต่อเร็ว ๆ นี้เพื่อจะประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงไม่กี่อาจจะเห็นเป็นตลาดจีนจะปิดตลอดทั้งสัปดาห์สำหรับวันหยุดปีใหม่ทางจันทรคติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บาทผันผวนได้รับทันตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปีนี้ สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค เป็นนายธนาคารกลางกล่าวว่าในวันจันทร์ ความผันผวนของเงินบาทคือ 4.38% จาก 3.2% ส่วนริงกิตมาเลเซียเร่งไป 13 % จาก 9 % และสิงคโปร์ดอลลาร์ถึง 8.7% จาก 5.1% - ทั้งหมดบนขึ้นไปได้รับ น้อย กว่า 1% ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปี เมื่อเทียบกับเงินรูเปียอินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ดอลลาร์ ในขณะที่ริงกิตมาเลเซีย 3 % แข็งแกร่ง กล่าวว่า นาง chantavan ” ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาคได้ ดังนั้น ไทยจะไม่เสียเปรียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ในแง่ของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ " . ธนาคารกลางยังไม่มีแผนที่จะผ่อนคลายกฎการไหลออกเพื่อลดแรงบาท ผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มประสิทธิภาพโดยการอนุญาตให้ บริษัท และผู้คนที่จะซื้อเงินตราต่างประเทศ หรือการลงทุนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น " เธอกล่าว ชาร์ล kengchon , ประธานของศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า มีโอกาสน้อยที่ธนาคารกลางจะใช้นโยบายการเงินหรือการตัดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะทำให้บาทแข็ง” ธนาคารกลางจะต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น การส่งออก การลงทุนภาครัฐ ฯลฯ หากการใช้จ่ายของรัฐบาล ตามเป้าหมายที่ธนาคารกลางจะไม่กดดันให้ใช้นโยบายการเงิน แต่มันจะใช้เวลาสักครู่เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด . ที่สำคัญ เราต้องตรวจสอบแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย Federal Reserve หรือ ว่ามันสามารถเพิ่มอัตรา 3-4 ครั้ง ปีนี้ตามที่คาดการณ์ไว้ " เขากล่าว ถ้าปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสำคัญ มีโอกาส ธนาคารแห่งประเทศไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือบรรเทาภาวะของยุโรป , หรือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ , เขาเพิ่ม . ผู้ค้าเงินที่ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์เงินบาทจะเคลื่อนไหวในช่วงระหว่างและการ 35.35 35.65 ดอลลาร์ ปัจจัยที่จะดูว่าตลาดเงินตอบสนองในเร็วๆนี้จะประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ . อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะเห็นได้ว่าตลาดจีนจะปิดทุกสัปดาห์ในช่วงวันตรุษจีน