ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ก่อ การแปล - ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ก่อ ไทย วิธีการพูด

ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ความเป็นมาทาง

ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา

ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ
ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฎหลักฐานแน่นอน มีการจด
บันทึกไว้พอสังเขป ส่วนมากได้จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุ
เล่าต่อๆ กันมา เอาความแน่นอนไม่ได้นัก นักประวัติศาสตร์
และนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า พื้นที่ภาคอีสานในปัจจุบันเคย
เป็นที่อยู่ของพวกละว้าและลาว มีแว่นแคว้นอาณาเขตปกครอง
เรียกว่า "อาณาจักรฟูนัน"
ประมาณปี พ.ศ.1100 พวกละว้าที่เคยมีอำนาจปกครอง
อาณาจักรฟูนันเสื่อมอำนาจลง ขอมเข้ามามีอำนาจแทนและตั้ง
อาณาจักรเจนละหรืออิศานปุระขึ้น พวกละว้าถอยร่นไปทาง
เหนือ ปล่อยให้พื้นที่ภาคอีสานรกร้างว่างเปล่าเป็นจำนวนมาก
เขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงจึงถูกทิ้งให้เป็น
ที่รกร้างและเป็นป่าดง ขอมได้แบ่งการปกครองเป็น 3 ภาค
โดยมีศูนย์การปกครองอยู่ที่ละโว้(ลพบุรี) พิมาย(นครราชสีมา)
และสกลนคร มีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นตรงต่อศูนย์
กลางการปกครองใหญ่ที่นครวัด
ในยุคที่ขอมเรืองอำนาจ ศรีสะเกษน่าจะเป็นดินแดนแห่ง
หนึ่งที่ขอมใช้เป็นเส้นทางไปมาระหว่างเมืองประเทศราชดัง
กล่าวแล้ว เพราะปรากฎโบราณสถานโบราณวัตถุของขอมซึ่งกรม
ศิลปากรสำรวจในจังหวัดศรีสะเกษเมื่อ พ.ศ.2512 จำนวน
15 แห่ง ไม่รวมเขาพระวิหารซึ่งเป็นเทวะสถานของขอมที่ยิ่ง
ใหญ่แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีปราสาทหินสระกำแพงใหญ่
สระกำแพงน้อย ปราสาทลุมพุก ปราสาทบ้านทามจาน(บ้านสมอ)
ปราสาทเยอ ปราสาทโดนต็วล (ช่องตาเฒ่า อ.กันทรลักษ์)
สันนิษฐานว่าโบราณสถานเหล่านี้มีอายุประมาณ 1,000 ปีเศษ
มีอยู่ตามท้องที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ขอมคงสร้างขึ้น
เพื่อเป็นที่พักและประกอบพิธีทางศาสนาระหว่างเดินทางจาก
นครวัด นครธมข้ามเทือกเขาพนมดงรักษ์มาสู่ศูนย์กลางการ
ปกครองภาคอีสานทั้ง 3 เมืองดังกล่าวแล้ว
เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง ไทยเริ่มมีอำนาจครอบครองดินแดน
เหล่านี้ ขณะเดียวกันจังหวัดศรีสะเกษมีสภาพเป็นป่าดงอยู่นาน
เพราะแม้แต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางก็มิได้บันทึกกล่าวถึง
จังหวัดศรีสะเกษในเอกสารใด เพิ่งจะได้มีการบันทึกหลัก
ฐานในพงศาวดารกล่าวถึงเมืองสุรินทร์ด้วย

สมัยกรุงศรีอยุธยา
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาอาณาจักรไทยกว้างขวางมาก มีชาว
บ้านป่าซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ( MINORITY TRIBE )อาศัยอยู่แถบ
เมืองอัตปือแสนแป แคว้นจำปาสักฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ประเทศ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวปัจจุบัน ชนพวกนี้เรียก
ตัวเองว่า "ข่า" ส่วย" "กวย" หรือ "กุย" อยู่ในดินแดนของราช
อาณาจักรไทย โดยสมบูรณ์ (เพิ่งเสียให้ฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ.2436
หรือ ร.ศ.112) พากนี้มีความรู้ความสามารถในการจับช้างป่ามา
เลี้ยงไว้ใช้งาน ชาวส่วยหรือชาวกวยได้อพยพย้ายที่ทำมาหากิน
ข้ามมาฝั่งขวาแม่น้ำโขง เนื่องจากชาวเมืองศรีสัตนาคนหุต
(เวียงจันทน์) ได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานแย่งที่ทำมาหากิน
ในปี พ.ศ.2260 ชาวส่วยได้อพยพแยกออกเป็นหลายพวก
ด้วยกัน แต่ละพวกมีหัวหน้าควบคุมมา เช่น เซียงปุม เซียงสี
เซียงสง ตากะจะและเซียงขัน เซียงฆะ เซียงไชย หัวหน้าแต่
ละคนก็ได้หาสมัครพรรคพวกไปตั้งรกรากในที่ต่าง ๆ กัน
เวียงปุม อยู่ที่บ้านที เซียงสีหรือตะกะอาม อยู่ที่รัตนบุรี เซียงสง
อยู่บ้านเมือลีง (อำเภอจอมพระ) เซียงฆะ อยู่ที่สังขะ เวียงไชย
อยู่บ้านจารพัด (อำเภอศรีขรภูมิ) ส่วนตากะจะและเซียงขัน อยู่
ที่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน(บ้านดวนใหญ่ปัจจุบัน)
พวกส่วยเหล่านี้อยู่รวมกันเป็นชุมชนใหญ่ หาเลี้ยงชีพด้วย
การเกษตรและหาของป่ามาบริโภคใช้สอย มีการไปมาหาสู่ติด
ต่อกันระหว่างพวกส่วยอยู่เสมอ มีสภาพภูมิประเทสติดต่อเขต
กัมพูชา และมีเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นกันเขตแดน ป่าดง
เขตนี้มีฝูงสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ โขลงช้างพัง ชางพลาย ฝูงเก้ง
กวาง ละมั่งและโคแดงอยู่มากมายตามทุ่งหญ้าและราวป่า เหมาะ
กับการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาวส่วยอย่างยิ่ง
ลุ พ.ศ.2302 ปีเถาะ จุลศักราช 1181 ตรงกับสมัยแผ่นดิน
พระบรมราชาที่ 3 หรือพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์
(พระเจ้าเอกทัศน์) กษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุง
ศรีอยุธยา พระยาช้างเผือกของพระองค์ได้แตกออกจากโรงช้าง
ต้นในกรุงศรีอยุธยา เดินทางมาทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โปรด
ให้ทหารเอกคู่พระทัยสองพี่น้อง (เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าพระยามหา
กษัตริย์ศึก พระนามเดิมทองด้วง และกรมพระราชวังบวรมหา
สุรสิงหนาท พระนามเดิมบุญมา) คุมไพร่พล 30 นาย ออกติด
ตามผ่านมาแขวงพิมาย ทราบจากเจ้าเมืองพิมายว่า ในดงริมเขา
พนมดงรักมีพวกส่วยชำนาญใชการจับช้าง เลี้ยงช้าง สองพี่น้อง
กับไพร่พล จึงได้ติดตามสองพี่น้องไปเซียงสีไปที่บ้านกุดหวาย
(อำเภอรัตนบุรี) เซียงสีจึงได้พาสองพี่น้องและไพร่พลไปตามหา
เซียงสง ที่บ้านเมืองลีง เซียงปุ่มที่บ้านเมืองที เซียงไชยที่บ้าน
กุดปะไท ตากะจะและเซียงขัน ที่บ้านโคกลำดวน เซียฆะที่บ้าน
อัจจะปะนึง (เขตอำเภอสังขะ) ทุกคนร่วมเดินทางติดตาม
พระยาช้างเผือก สองพี่น้องและหัวหน้าป่าดงทั้งหมด ได้ติดตาม
ล้อมจับพระยาช้างเผือกได้ที่บ้านหนองโชก ได้คืนมาและนำส่ง
ถึงกรุงศรีอยุธยา ด้วยความดีความชอบในครั้งนี้สมเด็จพระเจ้า
อยู่หัวสริยามรินทร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้หัวหน้า
บ้านป่าดงมีบรรดาศักด์ทั้งหมด ตากะจะหัวหน้าหมู่บ้านโคกลำ-
ดวน ได้เป็นหลวงแก้วสุวรรณเซียงขันได้เป็นหลวงปราบอยู่กับ
ตากะจะ
ต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านป่าดงทั้ง 5 ได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ณ กรุงศรีอยุธยา โดยนำสิ่งของไปทูลเกล้าฯ ถวาย คือ
ช้าง ม้า แก่นสน ยางสน ปีกนก นกระมาด (นอแรด) งาช้าง ขี้ผึ้ง
น้ำผึ้ง เป็นการส่งส่วยตามพระราชประเพณี สมเด็จพระเจ้าอยู่
หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ทรงพิจารณาเห็นความดีความชอบ
เมื่อครั้งได้ช่วยเหลือจับพระยาช้างเผือก และเมื่อหัวหน้า
หมู่บ้านได้นำสิ่งของไปทูลเกล้าฯ ถวาย จึงทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯ แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้หัวหน้าหมู่บ้านสูงขึ้นทุกคน
ในปี พ.ศ.2302 นี้เอง หลวงแก้วสุวรรณ(ตากะจะ) บ้านโคก
ลำดวนได้บรรดาศักดิ์เป็นเป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน
มีพระบรมราชโองการยกบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ซึ่งเดิม
เรียกว่า "เมืองศรีนครลำดวน" ขึ้นเป็นเมืองขุขันธ์แปลว่า
"เมืองป่าดง" ให้พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนเป็นเจ้าเมืองปกครอง

สมัยกรุงธนบุรี
เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี พ.ศ.2310 แล้ว สมเด็จ
พระเจ้ากรุ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฎหลักฐานแน่นอนมีการจด บันทึกไว้พอสังเขปส่วนมากได้จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุ เล่าต่อ ๆ กันมาเอาความแน่นอนไม่ได้นักนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าพื้นที่ภาคอีสานในปัจจุบันเคย เป็นที่อยู่ของพวกละว้าและลาวมีแว่นแคว้นอาณาเขตปกครอง เรียกว่า "อาณาจักรฟูนัน" ประมาณปี พ.ศ.1100 พวกละว้าที่เคยมีอำนาจปกครอง อาณาจักรฟูนันเสื่อมอำนาจลงขอมเข้ามามีอำนาจแทนและตั้ง อาณาจักรเจนละหรืออิศานปุระขึ้นพวกละว้าถอยร่นไปทาง เหนือ ปล่อยให้พื้นที่ภาคอีสานรกร้างว่างเปล่าเป็นจำนวนมาก เขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงจึงถูกทิ้งให้เป็น ที่รกร้างและเป็นป่าดง ขอมได้แบ่งการปกครองเป็น 3 ภาค โดยมีศูนย์การปกครองอยู่ที่ละโว้(ลพบุรี) พิมาย(นครราชสีมา)และสกลนคร มีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นตรงต่อศูนย์ กลางการปกครองใหญ่ที่นครวัด ในยุคที่ขอมเรืองอำนาจ ศรีสะเกษน่าจะเป็นดินแดนแห่ง หนึ่งที่ขอมใช้เป็นเส้นทางไปมาระหว่างเมืองประเทศราชดัง กล่าวแล้ว เพราะปรากฎโบราณสถานโบราณวัตถุของขอมซึ่งกรม ศิลปากรสำรวจในจังหวัดศรีสะเกษเมื่อ พ.ศ.2512 จำนวน15 แห่ง ไม่รวมเขาพระวิหารซึ่งเป็นเทวะสถานของขอมที่ยิ่ง ใหญ่แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีปราสาทหินสระกำแพงใหญ่ สระกำแพงน้อย ปราสาทลุมพุก ปราสาทบ้านทามจาน(บ้านสมอ)ปราสาทเยอ ปราสาทโดนต็วล (ช่องตาเฒ่า อ.กันทรลักษ์)สันนิษฐานว่าโบราณสถานเหล่านี้มีอายุประมาณ 1,000 ปีเศษ มีอยู่ตามท้องที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ขอมคงสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่พักและประกอบพิธีทางศาสนาระหว่างเดินทางจาก นครวัด นครธมข้ามเทือกเขาพนมดงรักษ์มาสู่ศูนย์กลางการ ปกครองภาคอีสานทั้ง 3 เมืองดังกล่าวแล้ว เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง ไทยเริ่มมีอำนาจครอบครองดินแดน เหล่านี้ ขณะเดียวกันจังหวัดศรีสะเกษมีสภาพเป็นป่าดงอยู่นาน เพราะแม้แต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางก็มิได้บันทึกกล่าวถึง จังหวัดศรีสะเกษในเอกสารใด เพิ่งจะได้มีการบันทึกหลัก ฐานในพงศาวดารกล่าวถึงเมืองสุรินทร์ด้วยสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยกรุงศรีอยุธยาอาณาจักรไทยกว้างขวางมาก มีชาว บ้านป่าซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ( MINORITY TRIBE )อาศัยอยู่แถบ เมืองอัตปือแสนแป แคว้นจำปาสักฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวปัจจุบัน ชนพวกนี้เรียก ตัวเองว่า "ข่า" ส่วย" "กวย" หรือ "กุย" อยู่ในดินแดนของราช อาณาจักรไทย โดยสมบูรณ์ (เพิ่งเสียให้ฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ.2436พากนี้มีความรู้ความสามารถในการจับช้างป่ามาหรือ ร.ศ.112) เลี้ยงไว้ใช้งานชาวส่วยหรือชาวกวยได้อพยพย้ายที่ทำมาหากิน ข้ามมาฝั่งขวาแม่น้ำโขงเนื่องจากชาวเมืองศรีสัตนาคนหุตได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานแย่งที่ทำมาหากิน (เวียงจันทน์) ในปี พ.ศ.2260 ชาวส่วยได้อพยพแยกออกเป็นหลายพวก ด้วยกันแต่ละพวกมีหัวหน้าควบคุมมาเช่นเซียงปุมเซียงสี เซียงสงตากะจะและเซียงขันเซียงฆะเซียงไชยหัวหน้าแต่ ละคนก็ได้หาสมัครพรรคพวกไปตั้งรกรากในที่ต่างๆ กัน เวียงปุมอยู่ที่บ้านทีเซียงสีหรือตะกะอามอยู่ที่รัตนบุรีเซียงสง อยู่บ้านเมือลีง (อำเภอจอมพระ) เซียงฆะอยู่ที่สังขะเวียงไชย อยู่บ้านจารพัด (อำเภอศรีขรภูมิ) ส่วนตากะจะและเซียงขัน อยู่ ที่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน(บ้านดวนใหญ่ปัจจุบัน) พวกส่วยเหล่านี้อยู่รวมกันเป็นชุมชนใหญ่ หาเลี้ยงชีพด้วย การเกษตรและหาของป่ามาบริโภคใช้สอย มีการไปมาหาสู่ติด ต่อกันระหว่างพวกส่วยอยู่เสมอ มีสภาพภูมิประเทสติดต่อเขต กัมพูชา และมีเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นกันเขตแดน ป่าดง เขตนี้มีฝูงสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ โขลงช้างพัง ชางพลาย ฝูงเก้ง กวาง ละมั่งและโคแดงอยู่มากมายตามทุ่งหญ้าและราวป่า เหมาะ กับการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาวส่วยอย่างยิ่ง ลุ พ.ศ.2302 ปีเถาะ จุลศักราช 1181 ตรงกับสมัยแผ่นดิน พระบรมราชาที่ 3 หรือพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) กษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุง ศรีอยุธยา พระยาช้างเผือกของพระองค์ได้แตกออกจากโรงช้าง ต้นในกรุงศรีอยุธยา เดินทางมาทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โปรด ให้ทหารเอกคู่พระทัยสองพี่น้อง (เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึก พระนามเดิมทองด้วง และกรมพระราชวังบวรมหา สุรสิงหนาท พระนามเดิมบุญมา) คุมไพร่พล 30 นาย ออกติด ตามผ่านมาแขวงพิมาย ทราบจากเจ้าเมืองพิมายว่า ในดงริมเขา พนมดงรักมีพวกส่วยชำนาญใชการจับช้าง เลี้ยงช้าง สองพี่น้อง กับไพร่พล จึงได้ติดตามสองพี่น้องไปเซียงสีไปที่บ้านกุดหวายเซียงสีจึงได้พาสองพี่น้องและไพร่พลไปตามหา (อำเภอรัตนบุรี) เซียงสงที่บ้านเมืองลีงเซียงปุ่มที่บ้านเมืองทีเซียงไชยที่บ้าน กุดปะไทตากะจะและเซียงขันที่บ้านโคกลำดวนเซียฆะที่บ้าน ทุกคนร่วมเดินทางติดตามอัจจะปะนึง (เขตอำเภอสังขะ) พระยาช้างเผือกสองพี่น้องและหัวหน้าป่าดงทั้งหมดได้ติดตาม ล้อมจับพระยาช้างเผือกได้ที่บ้านหนองโชกได้คืนมาและนำส่ง ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยความดีความชอบในครั้งนี้สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวสริยามรินทร์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้หัวหน้า บ้านป่าดงมีบรรดาศักด์ทั้งหมดตากะจะหัวหน้าหมู่บ้านโคกลำ-ดวน ได้เป็นหลวงแก้วสุวรรณเซียงขันได้เป็นหลวงปราบอยู่กับ ตากะจะ ต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านป่าดงทั้ง 5 ได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ณ กรุงศรีอยุธยา โดยนำสิ่งของไปทูลเกล้าฯ ถวาย คือ ช้าง ม้า แก่นสน ยางสน ปีกนก นกระมาด (นอแรด) งาช้าง ขี้ผึ้ง น้ำผึ้ง เป็นการส่งส่วยตามพระราชประเพณี สมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ทรงพิจารณาเห็นความดีความชอบ เมื่อครั้งได้ช่วยเหลือจับพระยาช้างเผือก และเมื่อหัวหน้า หมู่บ้านได้นำสิ่งของไปทูลเกล้าฯ ถวาย จึงทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้หัวหน้าหมู่บ้านสูงขึ้นทุกคน ในปี พ.ศ.2302 นี้เองหลวงแก้วสุวรรณ(ตากะจะ)บ้านโคก ลำดวนได้บรรดาศักดิ์เป็นเป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน มีพระบรมราชโองการยกบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวนซึ่งเดิม ขึ้นเป็นเมืองขุขันธ์แปลว่าเรียกว่า "เมืองศรีนครลำดวน" ให้พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนเป็นเจ้าเมืองปกครอง "เมืองป่าดง"สมัยกรุงธนบุรี เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี พ.ศ.2310 แล้วสมเด็จ พระเจ้ากรุ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ปรากฎไม่แน่นอนมีหลักฐานหัวเรื่อง: การจดบันทึกไว้พอสังเขป กันมาเอาความแน่นอนไม่ได้นัก แว่นแคว้นมีอาณาเขตปกครองเรียกว่าได้ "อาณาจักรฟูนัน" ประมาณปี พ.ศ. 1100 ละว้าถอยพวกร่นไปทางเหนือ ขอมได้แบ่งการปกครองเป็น 3 พิมาย (นครราชสีมา) และสกลนครมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช พ.ศ. 2512 จำนวน15 แห่ง ปราสาทลุมพุกปราสาทบ้านทามจาน (บ้านสมอ) ปราสาทเยอปราสาทโดนต็วล (ช่องตาเฒ่า 1,000 เศษปีมีขณะนี้ตามท้องที่อำเภอต่างๆของจังหวัดศรีสะเกษ 3 ชาวมีบ้านป่าซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยตั้งขึ้น (TRIBE ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) ขณะนี้แถบอาศัยเมืองอัตปือแสนแปแคว้นจำปาสักฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง พวกนี้ชนเรียกตัวเองว่าได้ "ข่า" ส่วย "" กวย "หรือ" กุย "ในดินขณะนี้แดนของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์(เพิ่งเสียให้ฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2436 หรือ ร.ศ. 112) พ.ศ. 2260 พวกมีแต่ละหัวหน้าควบคุมมาเช่นเซียงปุมเซียงสีเซียงสงตากะจะและเซียงเซียงขันฆะเซียงไชย ๆ กันเวียงปุมขณะนี้ที่บ้านทีเซียงสีหรือตะกะอามขณะนี้ที่รัตนบุรีเซียงสงขณะนี้บ้านเมือลีง(อำเภอจอมพระ) เซียงฆะขณะนี้ที่สังขะเวียงไชยขณะนี้บ้านจารพัด(อำเภอศรีขรภูมิ) ส่วน ตากะจะและเซียงขัน สภาพภูมิมีประเทสติดต่อเขตกัมพูชา ช้างพังชาโขลงงคุณพลายฝูงเก้งกวาง พ.ศ. 2302 ปีเถาะจุลศักราช 1181 กับสมัยตรงแผ่นดินพระบรมราชาที่3 มาทิศเดินทางตะวันออกเฉียงเหนือโปรดให้ทหารคุณเอกคู่พระทัยสองพี่น้อง เดิมทองพระนามด้วงและกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทพระนามเดิมบุญมา) คุมไพร่พล 30 ออกติดที่คุณนายตามผ่านมาแขวงพิมายทราบจากเนชั่เจ้าเมืองพิมายว่าได้ ช้างสองพี่น้องเลี้ยงกับไพร่พล บ้านเมืองลีที่เซียงงปุ่มที่บ้านเมืองทีเซียงไชยที่บ้านกุดปะไทตากะจะและเซียงขันที่บ้านโคกลำดวนเซียฆะที่บ้านอัจจะปะนึง(เขตอำเภอสังขะ) สองพี่น้องและหัวหน้าป่าดงทั้งหมด คืนมาได้และนำส่งถึงกรุงศรีอยุธยา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตากะจะหัวหน้าหมู่บ้านโคกลำ - ดวน 5 กรุงศรีอยุธยา ณ โดยนำสิ่งของไปทูลเกล้าฯถวายคือช้างม้าคุณแก่นสนยางสนปีกนกนกระมาด(นอแรด) ขี้ผึ้งงาช้างน้ำผึ้งเป็นการส่งส่วยตามพระราชประเพณี จึงทรงถวายพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พ.ศ. 2302 นี้เองหลวงแก้วสุวรรณ (ตากะจะ) เดิมซึ่งเรียกว่าได้ "เมืองศรีนครลำดวน" พ.ศ. 2310 สมเด็จแล้วพระเจ้ากรุ




































































































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา

ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ
ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฎหลักฐานแน่นอนมีการจดส่วนมากได้จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุ

บันทึกไว้พอสังเขปเล่าต่อๆกันมาเอาความแน่นอนไม่ได้นักนักประวัติศาสตร์
และนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าพื้นที่ภาคอีสานในปัจจุบันเคย

เป็นที่อยู่ของพวกละว้าและลาวมีแว่นแคว้นอาณาเขตปกครองเรียกว่า " อาณาจักรฟูนัน "
ประมาณปีพ . ศ .1100 พวกละว้าที่เคยมีอำนาจปกครอง

อาณาจักรฟูนันเสื่อมอำนาจลงขอมเข้ามามีอำนาจแทนและตั้งอาณาจักรเจนละหรืออิศานปุระขึ้นพวกละว้าถอยร่นไปทางปล่อยให้พื้นที่ภาคอีสานรกร้างว่างเปล่าเป็นจำนวนมาก

เหนือเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงจึงถูกทิ้งให้เป็น
ที่รกร้างและเป็นป่าดงขอมได้แบ่งการปกครองเป็น 3 ภาค
โดยมีศูนย์การปกครองอยู่ที่ละโว้ ( ลพบุรี ) พิมาย ( นครราชสีมา )
และสกลนครมีฐานะเป็นเมืองประเทศราชขึ้นตรงต่อศูนย์



กลางการปกครองใหญ่ที่นครวัดในยุคที่ขอมเรืองอำนาจศรีสะเกษน่าจะเป็นดินแดนแห่งหนึ่งที่ขอมใช้เป็นเส้นทางไปมาระหว่างเมืองประเทศราชดังกล่าวแล้วเพราะปรากฎโบราณสถานโบราณวัตถุของขอมซึ่งกรม
ศิลปากรสำรวจในจังหวัดศรีสะเกษเมื่อพ . ศ . 2512 จำนวนแห่งไม่รวมเขาพระวิหารซึ่งเป็นเทวะสถานของขอมที่ยิ่ง

15ใหญ่แห่งหนึ่งนอกจากนี้ยังมีปราสาทหินสระกำแพงใหญ่
สระกำแพงน้อยปราสาทลุมพุกปราสาทบ้านทามจาน ( บ้านสมอ )
ปราสาทเยอปราสาทโดนต็วล ( ช่องตาเฒ่า Admiral กันทรลักษ์ )

สันนิษฐานว่าโบราณสถานเหล่านี้มีอายุประมาณ 1000 ปีเศษมีอยู่ตามท้องที่อำเภอต่างๆของจังหวัดศรีสะเกษขอมคงสร้างขึ้น


เพื่อเป็นที่พักและประกอบพิธีทางศาสนาระหว่างเดินทางจากนครวัดนครธมข้ามเทือกเขาพนมดงรักษ์มาสู่ศูนย์กลางการปกครองภาคอีสานทั้ง 3 เมืองดังกล่าวแล้วไทยเริ่มมีอำนาจครอบครองดินแดนเหล่านี้ขณะเดียวกันจังหวัดศรีสะเกษมีสภาพเป็นป่าดงอยู่นาน


เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลงเพราะแม้แต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางก็มิได้บันทึกกล่าวถึงจังหวัดศรีสะเกษในเอกสารใดเพิ่งจะได้มีการบันทึกหลัก




ฐานในพงศาวดารกล่าวถึงเมืองสุรินทร์ด้วยสมัยกรุงศรีอยุธยาในสมัยกรุงศรีอยุธยาอาณาจักรไทยกว้างขวางมากมีชาว
บ้านป่าซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ( เผ่าชนกลุ่มน้อย ) อาศัยอยู่แถบแคว้นจำปาสักฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงประเทศ

เมืองอัตปือแสนแปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวปัจจุบันชนพวกนี้เรียก
ตัวเองว่า " ข่า " ส่วย " กวย " ค็อค " กุย " อยู่ในดินแดนของราช
อาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์ ( เพิ่งเสียให้ฝรั่งเศสเมื่อพ . ศ . 1819
ค็อค Flying ศ .112 ) พากนี้มีความรู้ความสามารถในการจับช้างป่ามา
เลี้ยงไว้ใช้งานชาวส่วยหรือชาวกวยได้อพยพย้ายที่ทำมาหากินเนื่องจากชาวเมืองศรีสัตนาคนหุต

ข้ามมาฝั่งขวาแม่น้ำโขง( เวียงจันทน์ ) ได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานแย่งที่ทำมาหากิน
สามารถพ . ศ . 2260 ชาวส่วยได้อพยพแยกออกเป็นหลายพวก
ด้วยกันแต่ละพวกมีหัวหน้าควบคุมมาเช่นเซียงปุมเซียงสีตากะจะและเซียงขันเซียงฆะเซียงไชยหัวหน้าแต่

เซียงสงไม่มีละคนก็ได้หาสมัครพรรคพวกไปตั้งรกรากในที่ต่าง '
เวียงปุมอยู่ที่บ้านทีเซียงสีหรือตะกะอามอยู่ที่รัตนบุรีเซียงสง
อยู่บ้านเมือลีง ( อำเภอจอมพระ ) เซียงฆะอยู่ที่สังขะเวียงไชย
อยู่บ้านจารพัด ( อำเภอศรีขรภูมิ ) ส่วนตากะจะและเซียงขันอยู่
ที่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ( บ้านดวนใหญ่ปัจจุบัน )

พวกส่วยเหล่านี้อยู่รวมกันเป็นชุมชนใหญ่หาเลี้ยงชีพด้วยการเกษตรและหาของป่ามาบริโภคใช้สอยมีการไปมาหาสู่ติด
ต่อกันระหว่างพวกส่วยอยู่เสมอมีสภาพภูมิประเทสติดต่อเขตและมีเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นกันเขตแดนป่าดง

กัมพูชาเขตนี้มีฝูงสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์โขลงช้างพังชางพลายฝูงเก้ง
กวางละมั่งและโคแดงอยู่มากมายตามทุ่งหญ้าและราวป่าเหมาะ

กับการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาวส่วยอย่างยิ่งลุพ . ศ 1566 ปีเถาะจุลศักราช 181 ตรงกับสมัยแผ่นดิน
.พระบรมราชาที่ 3 หรือพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์
( พระเจ้าเอกทัศน์ ) กษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงพระยาช้างเผือกของพระองค์ได้แตกออกจากโรงช้าง

ศรีอยุธยาต้นในกรุงศรีอยุธยาเดินทางมาทิศตะวันออกเฉียงเหนือโปรด
ให้ทหารเอกคู่พระทัยสองพี่น้อง ( เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าพระยามหาพระนามเดิมทองด้วงและกรมพระราชวังบวรมหา

กษัตริย์ศึกสุรสิงหนาทพระนามเดิมบุญมา ) คุมไพร่พล 30 นายออกติด
ตามผ่านมาแขวงพิมายทราบจากเจ้าเมืองพิมายว่าในดงริมเขาเลี้ยงช้างสองพี่น้อง

พนมดงรักมีพวกส่วยชำนาญใชการจับช้างกับไพร่พลจึงได้ติดตามสองพี่น้องไปเซียงสีไปที่บ้านกุดหวาย
( อำเภอรัตนบุรี ) เซียงสีจึงได้พาสองพี่น้องและไพร่พลไปตามหาที่บ้านเมืองลีงเซียงปุ่มที่บ้านเมืองทีเซียงไชยที่บ้าน

เซียงสงกุดปะไทตากะจะและเซียงขันที่บ้านโคกลำดวนเซียฆะที่บ้าน
อัจจะปะนึง ( เขตอำเภอสังขะ ) ทุกคนร่วมเดินทางติดตามสองพี่น้องและหัวหน้าป่าดงทั้งหมดได้ติดตาม

พระยาช้างเผือกล้อมจับพระยาช้างเผือกได้ที่บ้านหนองโชกได้คืนมาและนำส่ง
ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยความดีความชอบในครั้งนี้สมเด็จพระเจ้าจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งให้หัวหน้า

อยู่หัวสริยามรินทร์บ้านป่าดงมีบรรดาศักด์ทั้งหมดตากะจะหัวหน้าหมู่บ้านโคกลำได้เป็นหลวงแก้วสุวรรณเซียงขันได้เป็นหลวงปราบอยู่กับ

-
ดวนตากะจะต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านป่าดงทั้งได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระ
5เจ้าอยู่หัวณกรุงศรีอยุธยาโดยนำสิ่งของไปทูลเกล้าฯถวายความ
ช้างม้าแก่นสนยางสนปีกนกนกระมาด ( นอแรด ) งาช้างขี้ผึ้งเป็นการส่งส่วยตามพระราชประเพณีสมเด็จพระเจ้าอยู่

น้ำผึ้งหัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ทรงพิจารณาเห็นความดีความชอบ
เมื่อครั้งได้ช่วยเหลือจับพระยาช้างเผือกและเมื่อหัวหน้าถวายจึงทรงพระกรุณาโปรด

หมู่บ้านได้นำสิ่งของไปทูลเกล้าฯเกล้าฯแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้หัวหน้าหมู่บ้านสูงขึ้นทุกคน
สามารถพ . ศ . 1566 นี้เองหลวงแก้วสุวรรณ ( ตากะจะ ) บ้านโคก

ลำดวนได้บรรดาศักดิ์เป็นเป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนมีพระบรมราชโองการยกบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวนซึ่งเดิม
เรียกว่า " เมืองศรีนครลำดวน " ขึ้นเป็นเมืองขุขันธ์แปลว่า
" เมืองป่าดง " ให้พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนเป็นเจ้าเมืองปกครอง


สมัยกรุงธนบุรีเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปีพ . ศ 2310 แล้วสมเด็จ
พระเจ้ากรุ .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: