1. IntroductionThe annual productio

1. Introduction
The annual production of cassava (Manihot esculenta and Manihot utilissima) roots in Ghana is about 3.6 million tonnes (FAO, 1992). Cassava peels, the main by-product from the processing of cassava roots for human consumption constitute approximately 11% of the dry weight of the root. Therefore, if all the peels were collected, about 400000 tonnes (dry matter basis) would be available, annually, for livestock feeding.Apart from its use as livestock feed, the peels have no economic value in Ghana. One of the major benefits from using the peels as feed in Ghana is their availability throughout the year. This is due to the fact that cassava is produced throughout the year, and
consumed daily in almost every household. The peels,which result from the daily household food prepara-tion, are therefore available to livestock all year round.In addition, large quantities of peels are produced daily through the activities of 'gari' (a fermented cassava product) processing factories and local restaurants.Cassava peels have been evaluated as a feedstuff for sheep (Adegbola & Asaolu, 1986; Adegbola et al.,1989), goats (Ifut, 1989; Adeloye et al., 1993), poultry (Osei et al., 1990) and pigs (Obioha & Anikwe, 1982).A review of the results of the analyses of the chemical composition of cassava peels reported by these researchers indicates the following chemical composition:
dry matter, 86.5-94.5%; organic matter,81.9-93.9%; crude protein, 4.1-6.5%; neutral detergent fibre, 34.3% and lignin, 8.4%. The protein and mineral contents of the peels are inadequate to support optimum rumen function and productivity in ruminants raised solely on this feedstuff (Ifut, 1980; Adegbola etal., 1989). Therefore, efficient utilisation of this abundant resource by ruminants in Ghana would require that the animals be provided with an appropriate supplement that would supply the deficient nutrients.Economic realities in Ghana indicate that requirements for essential nutrients for ruminants can be met through the strategic use of fodder trees and shrubs.
One such shrub, which has traditionally been fed to ruminants, is the Ficus plant (Ficus exasperata).Preliminary investigations conducted at The University of Science and Technology, Kumasi, Ghana, indicated that the leaves of this perennial shrub contained appreciable amounts of nitrogen and that it could be used as a supplement in cassava peel-based diets for sheep (A. K. Tuah, unpublished).Therefore, the objectives of this study were to evaluate the effect of E exasperata leaves on voluntary feed intake, nutrient digestibility and live-weight of sheep given ad libitum access to cassava peels.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. บทนำการผลิตรายปีของรากมันสำปะหลัง (Manihot esculenta และ Manihot utilissima) ในประเทศกานาจะประมาณ 3.6 ล้านตัน (FAO, 1992) มันสำปะหลัง peels ผลพลอยได้หลักจากการประมวลผลของรากมันสำปะหลังสำหรับมนุษย์บริโภคเป็นประมาณ 11% ของน้ำหนักแห้งของราก ดังนั้น ถ้า peels ทั้งหมดถูกเก็บรวบรวม ประมาณ 400000 ตัน (พื้นฐานเรื่องแห้ง) จะได้ ปี สำหรับปศุสัตว์นอกเหนือจากใช้เป็นอาหารปศุสัตว์ peels มีค่าทางเศรษฐกิจในประเทศกานา หนึ่งของหลักการผลประโยชน์จากการใช้ peels เป็นตัวดึงข้อมูลในกานา ความตลอดทั้งปี นี่คือเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ามีผลิตมันสำปะหลังตลอดทั้งปี และใช้ทุกวันในเกือบทุกครัวเรือน Peels ซึ่งเป็นผลมาจาก prepara อาหารในครัวเรือนทุกวันนี้สเตรชัน ดังมีปศุสัตว์ตลอดทั้งปีนอกจากนี้ peels จำนวนมากผลิตทุกวันผ่านกิจกรรมของ 'gari' (ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหมัก) แปรรูปโรงงานและร้านอาหารท้องถิ่นมันสำปะหลัง peels มีการประเมินว่าเราสำหรับแกะ (Adegbola & Asaolu, 1986 Adegbola et al., 1989), แพะ (Ifut, 1989 Adeloye et al., 1993), (เอ็มซีและ al., 1990) สัตว์ปีกและสุกร (Obioha และ Anikwe, 1982)ตรวจสอบผลลัพธ์ของการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของมันสำปะหลัง peels รายงาน โดยนักวิจัยเหล่านี้บ่งชี้ว่า องค์ประกอบทางเคมีต่อไปนี้:เรื่องแห้ง 86.5 94.5% matter,81.9-93.9% อินทรีย์ โปรตีนหยาบ 4.1-6.5% กลางผงซักฟอกเส้นใย 34.3% และ lignin, 8.4% เนื้อหาโปรตีนและเกลือแร่ของ peels มีไม่เพียงพอเพื่อสนับสนุนฟังก์ชันต่อที่เหมาะสมและประสิทธิภาพใน ruminants ยกแยกจากเรานี้ (Ifut, 1980 Adegbola etal., 1989) ดังนั้น การจัดสรรทรัพยากรนี้ชุกชุมโดย ruminants ในกานามีประสิทธิภาพจะต้องมีที่สัตว์จะมีการเสริมที่เหมาะสมที่จะจัดหาสารอาหารขาดสารความเป็นจริงทางเศรษฐกิจในประเทศกานาบ่งชี้ว่า สามารถตอบสนองความต้องการสารอาหารที่จำเป็นสำหรับ ruminants ผ่านการใช้กลยุทธ์อาหารต้นไม้และพุ่มหนึ่งเช่นพุ่มไม้ ซึ่งมีประเพณีการติดตาม ruminants มีโรงงานฟิคัส (exasperata ฟิคัส)ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Kumasi กานา ระบุว่า ใบไม้นี้พุ่มไม้ยืนต้นประกอบด้วยจำนวนไนโตรเจนเห็น และว่า มันอาจจะใช้เป็นอาหารเสริมในอาหารใช้เปลือกมันสำปะหลังสำหรับแกะ (A. คุณ Tuah ยกเลิกประกาศ)ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้มีการ ประเมินผลของ E exasperata ใบสมัครใจ digestibility ธาตุอาหาร และอาศัยน้ำหนักของแกะที่ให้การเข้าถึง ad libitum peels มันสำปะหลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. บทนำ
การผลิตประจำปีของมันสำปะหลัง (Manihot esculenta และ Manihot utilissima) รากในประเทศกานาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 3,600,000 ตัน (FAO, 1992) เปลือกมันสำปะหลังหลักผลพลอยได้จากการประมวลผลของหัวมันสำปะหลังเพื่อการบริโภคของมนุษย์เป็นประมาณ 11% ของน้ำหนักแห้งของราก ดังนั้นถ้าเปลือกทั้งหมดถูกเก็บประมาณ 400,000 ตัน (พื้นฐานแห้ง) จะสามารถใช้ได้เป็นประจำทุกปีสำหรับ feeding.Apart ปศุสัตว์จากการใช้เป็นอาหารสัตว์เปลือกไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศกานา หนึ่งในผลประโยชน์ที่สำคัญจากการใช้เปลือกเป็นอาหารในประเทศกานาเป็นความพร้อมของพวกเขาตลอดทั้งปี เพราะนี่คือความจริงที่ว่ามันสำปะหลังที่ผลิตตลอดทั้งปีและ
การบริโภคในชีวิตประจำวันในเกือบทุกครัวเรือน เปลือกซึ่งเป็นผลมาจากอาหารในชีวิตประจำวันในครัวเรือน prepara-การจึงไม่เป็นที่มีให้กับปศุสัตว์ตลอดทั้งปีนอกจากนี้ round.In ปริมาณขนาดใหญ่ของเปลือกมีการผลิตทุกวันผ่านกิจกรรมของ 'ไดรฟ์' (ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหมัก) โรงงานแปรรูปและระดับท้องถิ่น เปลือก restaurants.Cassava ได้รับการประเมินเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์สำหรับแกะ (Adegbola & Asaolu 1986; Adegbola et al, 1989.) แพะ (Ifut 1989;. Adeloye, et al, 1993), สัตว์ปีก (. Osei และคณะ, 1990) และหมู (Obioha & Anikwe, 1982) การตรวจสอบในขณะนี้ A ของผลของการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของเปลือกมันสำปะหลังรายงานโดยนักวิจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบทางเคมีต่อไปนี้:
แห้ง 86.5-94.5%; อินทรียวัตถุ 81.9-93.9%; โปรตีน 4.1-6.5%; เส้นใยผงซักฟอกที่เป็นกลาง, 34.3% และลิกนิน 8.4% โปรตีนและแร่ธาตุของเปลือกมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการทำงานของกระเพาะที่เหมาะสมและผลผลิตในสัตว์เคี้ยวเอื้องยก แต่เพียงผู้เดียวในวัตถุดิบอาหารสัตว์นี้ (Ifut,. 1980; Adegbola etal, 1989) ดังนั้นการใช้ที่มีประสิทธิภาพของทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์นี้โดยสัตว์เคี้ยวเอื้องในประเทศกานาจะต้องว่าสัตว์ได้รับอาหารเสริมที่เหมาะสมที่จะจัดหาความเป็นจริง nutrients.Economic ขาดในประเทศกานาระบุว่าความต้องการสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องสามารถพบได้ผ่านการใช้งานเชิงกลยุทธ์ของ อาหารสัตว์ต้นไม้และพุ่มไม้.
หนึ่งพุ่มไม้ดังกล่าวซึ่งมีประเพณีการเลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้องเป็นโรงงานไทร (Ficus exasperata) สืบสวน .Preliminary ดำเนินการที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, Kumasi, กานา, ชี้ให้เห็นว่าใบของไม้พุ่มยืนต้นนี้ที่มีอยู่ ปริมาณรู้สึกของไนโตรเจนและว่ามันสามารถนำมาใช้เป็นอาหารเสริมในมันสำปะหลังอาหารเปลือกที่ใช้สำหรับการแกะ (AK Tuah, ไม่ถูกเผยแพร่) ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของการ exasperata E ใบในปริมาณอาหารที่กินความสมัครใจของสารอาหาร การย่อยและน้ำหนักสดของแกะที่ได้รับการเข้าถึงโฆษณาไม่จำเป็นที่จะเปลือกมันสำปะหลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . บทนำ
ปีการผลิตมันสำปะหลัง ( มันสำปะหลัง และน้ำ utilissima ) รากในกานาประมาณ 3.6 ล้านตัน ( FAO , 1992 ) เปลือกมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์หลักจากการแปรรูปมันสำปะหลังรากสำหรับการบริโภคของมนุษย์เป็นประมาณ 11 % ของน้ำหนักแห้งของราก ดังนั้น ถ้าเปลือกทั้งหมดถูกรวบรวมเกี่ยวกับ 400000 ตัน ( พื้นฐานวัตถุแห้ง ) จะสามารถใช้ได้ทุกปี ในการเลี้ยงปศุสัตว์ นอกจากใช้เป็นอาหารปศุสัตว์ , เปลือกไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในกานา หนึ่งในประโยชน์หลักจากการใช้เปลือกเป็นอาหารในกานา คือความพร้อมของพวกเขาตลอดทั้งปี เนื่องจากมันสำปะหลังผลิตตลอดทั้งปีและ
ใช้ไปทุกวันในเกือบทุกครัวเรือนเปลือก ซึ่งเป็นผลจากทุกวัน อาหารในครัวเรือน prepara tion จึงใช้ได้กับปศุสัตว์ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ปริมาณขนาดใหญ่ของเปลือกผลิตทุกวัน ผ่านกิจกรรมของ ' ใจ ' ( โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหมัก ) และร้านอาหารท้องถิ่น . เปลือกมันสำปะหลังได้ถูกประเมินเป็นอาหารสัตว์สำหรับแกะ ( adegbola & asaolu , 1986 ; adegbola et al . , 1989 )แพะ ( ifut , 1989 ; adeloye et al . , 1993 ) , ไก่ ( osei et al . , 1990 ) และหมู ( obioha & anikwe , 1982 ) . ความคิดเห็นของผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของเปลือกมันสำปะหลังที่รายงานโดยนักวิจัยเหล่านี้บ่งชี้ว่าองค์ประกอบทางเคมีต่อไปนี้ :
% 86.5-94.5 แห้ง ; สารอินทรีย์ 81.9-93.9 เปอร์เซ็นต์โปรตีนหยาบ 4.1-6.5 % ; neutral detergent ไฟเบอร์ , 34.3 เปอร์เซ็นต์และลิกนิน 8.4 %โปรตีนและเนื้อหาแร่ของเปลือกที่มีไม่เพียงพอที่จะรองรับกระบวนการที่เหมาะสมและประสิทธิภาพในสัตว์เคี้ยวเอื้องเลี้ยงแต่เพียงผู้เดียวในอาหารสัตว์ ( ifut , 1980 ; adegbola คณะ . , 1989 ) จึงมีประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ โดยแสดงอาการในกานาต้องว่าสัตว์ได้รับอาหารเสริมที่เหมาะสมจะจัดหาสารอาหารที่ขาดความเป็นจริงทางเศรษฐกิจในกานา บ่งชี้ว่า ความต้องการสารอาหารที่จําเป็นสําหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องสามารถพบได้ผ่านการใช้กลยุทธ์ของต้นไม้และพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง อาหารสัตว์ .
เช่น ซึ่งแต่เดิมถูกเลี้ยงปศุสัตว์ คือ ไทร ( Ficus ต้นไม้ exasperata ) การตรวจสอบเบื้องต้นที่ใช้ในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัย , Kumasi , กานา ,พบว่าใบของไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น มีปริมาณไนโตรเจน ชดช้อย และมันอาจจะใช้เป็นอาหารเสริมในเปลือกมันสำปะหลัง ตามอาหารแกะ ( A . K . ทัวร์ประกาศ , ) ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของวิตามินอีต่อปริมาณการกินได้ exasperata ใบสมัครการย่อยได้และน้ำหนักสดของแกะที่ได้รับอย่างเต็มที่ การเข้าถึงเปลือกมันสำปะหลัง