This study shows the majority of Fa

This study shows the majority of Facebook users have not read the privacy policy,
which is consistent with previous studies (Govani and Pashley, 2005; Jones and Soltren,
2005). Facebook users who have not read the privacy policy believe it is too long and uninteresting.
Bilton (2010) recognises the length of the privacy policy as a major barrier for
Facebook users understanding Facebook’s position on privacy. If Facebook creates a more
concise and straightforward privacy policy Facebook users might be more willing to read
the policy. However, Facebook users may simply have no interest in reading the privacy
policy and their attitudes to privacy may not be strong enough to warrant action. Despite
a high number of Facebook users voicing concerns and taking action to protect themselves
by adjusting their privacy settings, the vast majority of respondents still have not read the
policy. Unsurprisingly, Facebook users who have read the privacy policy are more aware
of activities relating to privacy than those users who have not read the policy. However, a
high proportion of those users who have not read the policy also demonstrate high levels
of privacy awareness. This finding suggests Facebook users who have not read the policy
are being informed about privacy activities on Facebook from other sources, which may
include other Facebook users, the media or privacy advocacy groups, and may imply the
controversy surrounding Facebook is being discussed and noticed by users. Overall, the
study shows Facebook users perceive it is more important to change privacy settings than
to read the privacy policy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษานี้แสดงส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวซึ่งจะสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้า (Govani และ Pashley, 2005 โจนส์และ Soltren2005) ผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเชื่อว่า มันจะยาวเกินไป และไม่น่าทึ่งบิลตัน (2010) ตระหนักว่าความยาวของนโยบายที่เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ใช้ Facebook ที่เข้าใจตำแหน่งของ Facebook เป็นส่วน Facebook จะมากขึ้นผู้ใช้ Facebook ของนโยบายความเป็นส่วนตัวที่กระชับ และตรงไปตรงมาอาจเต็มใจที่จะอ่านนโยบาย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ Facebook ก็อาจไม่สนใจในการอ่านส่วนตัวนโยบายและทัศนคติของความเป็นส่วนตัวไม่ได้แข็งแรงพอที่จะรับประกันการดำเนินการ แม้มีจำนวนผู้ใช้ Facebook เสียงกังวล และกระทำเพื่อป้องกันตัวเองสูงโดยการปรับค่าความเป็นส่วนตัว ผู้ตอบส่วนใหญ่ยังคงมีไม่อ่านนโยบายการ ประกอบ ผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวมีความตระหนักมากขึ้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวมากกว่าผู้ที่ได้อ่านนโยบาย อย่างไรก็ตาม การสัดส่วนผู้ใช้ที่ไม่ได้อ่านนโยบายนี้ยังแสดงให้เห็นถึงระดับสูงของการรับรู้ความเป็นส่วนตัว ค้นหานี้แนะนำผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายเป็นที่ทราบเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวกิจกรรมบน Facebook จากแหล่งอื่น ซึ่งอาจผู้ใช้ Facebook อื่น ๆ สื่อหรือส่วนกลุ่มหลุย และพฤษภาคมเป็นสิทธิ์แบบนี้ถกเถียงรอบ Facebook มีการกล่าวถึง และสังเกตเห็น โดยผู้ใช้ โดยรวม การศึกษาแสดงผู้ใช้ Facebook สังเกตเป็นสำคัญเพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวกว่าอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook
ที่ยังไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้า(Govani และ Pashley 2005; โจนส์และ Soltren,
2005) ผู้ใช้ Facebook ที่ยังไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเชื่อว่ามันยาวเกินไปและไม่น่าทึ่ง.
Bilton (2010)
ตระหนักถึงความยาวของนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับผู้ใช้Facebook ในการทำความเข้าใจตำแหน่งของ Facebook เป็นส่วนตัว ถ้า Facebook
สร้างขึ้นนโยบายความเป็นส่วนตัวกระชับและตรงไปตรงมาผู้ใช้Facebook
อาจจะมีความเต็มใจที่จะอ่านนโยบาย อย่างไรก็ตามผู้ใช้ Facebook
ก็อาจมีความสนใจในการอ่านความเป็นส่วนตัวนโยบายและทัศนคติของพวกเขาเพื่อความเป็นส่วนตัวอาจจะไม่แข็งแรงพอที่จะรับประกันการกระทำ แม้จะมีจำนวนมากของผู้ใช้ Facebook กังวลและการดำเนินการเพื่อป้องกันตัวเองโดยการปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามยังไม่ได้อ่านนโยบาย แปลกใจผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวมีความตระหนักมากขึ้นของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวกว่าผู้ใช้ที่ยังไม่ได้อ่านนโยบาย อย่างไรก็ตามสัดส่วนที่สูงของผู้ใช้ที่ยังไม่ได้อ่านนโยบายนี้ยังแสดงให้เห็นถึงระดับของการรับรู้ความเป็นส่วนตัว การค้นพบนี้แสดงให้เห็นผู้ใช้ Facebook ที่ยังไม่ได้อ่านนโยบายจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับกิจกรรมความเป็นส่วนตัวบนFacebook จากแหล่งอื่น ๆ ซึ่งอาจรวมถึงผู้ใช้Facebook อื่น ๆ สื่อหรือกลุ่มผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวและอาจบ่งบอกถึงขัดแย้งรอบFacebook จะถูกกล่าวถึงและสังเกตเห็นโดย ผู้ใช้ โดยรวมแล้วการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ Facebook รับรู้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่จะอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว
ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้ ( govani และ pashley , 2005 ; โจนส์ และ soltren
, 2005 ) ผู้ใช้ Facebook ที่ไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเชื่อว่ามันจะยาวเกินไป และไม่น่าสนใจ
บิลตัน ( 2553 ) จำความยาวของนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นอุปสรรคสําคัญสําหรับ
ผู้ใช้ Facebook ความเข้าใจ Facebook ของตำแหน่งในความเป็นส่วนตัว ถ้า Facebook สร้างเพิ่มเติม
กระชับและตรงไปตรงมานโยบายความเป็นส่วนตัวผู้ใช้ Facebook อาจจะมากกว่ายินดีที่จะอ่าน
นโยบาย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ Facebook อาจเพียงแค่มีความสนใจในการอ่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัวและทัศนคติของพวกเขาเพื่อความเป็นส่วนตัวอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับประกันการกระทำ แม้
ตัวเลขสูงของผู้ใช้ Facebook voicing ความกังวลและการกระทำเพื่อปกป้องตัวเอง
โดยปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขา ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามยังไม่ได้อ่าน
นโยบาย แปลกใจ , ผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวมีมากขึ้นตระหนักถึง
ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวมากกว่าผู้ใช้ที่ยังไม่ได้อ่าน นโยบาย อย่างไรก็ตาม
สัดส่วนของผู้ใช้ที่ไม่ได้อ่านนโยบาย ยังแสดงให้เห็นถึงระดับ
ความตระหนัก ความเป็นส่วนตัวสูง การค้นพบนี้บ่งบอกผู้ใช้ Facebook ที่ไม่ได้อ่านนโยบาย
ถูกแจ้งเกี่ยวกับกิจกรรมความเป็นส่วนตัวบน Facebook จากแหล่งอื่น ๆซึ่งอาจ
รวมถึงผู้ใช้ Facebook อื่น ๆสื่อ หรือกลุ่มผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว และอาจบ่งบอกถึง
ความขัดแย้งรอบ Facebook ถูกกล่าวถึงและสังเกตเห็นโดยผู้ใช้ โดย
การศึกษาพบผู้ใช้ Facebook รับรู้มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวมากกว่า
อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว