Apparently forgetting I was about t

Apparently forgetting I was about to leave on a three-week vacation, I recently bought a five-pound box of plums. Or maybe I thought my family and I could eat five pounds of plums in a week. Turns out that we cannot.

Needless to say, we were about to leave and I was left with about four pounds of uneaten plums. Always hating to waste food, I figured I had better do something with them. I thought drying the plums into prunes would be pretty easy… and I was right!

Step 1: Remove the Pits

I find prunes with pits to be indescribably annoying and inconvenient, so I decided to remove them. After a little trial and error, I found my method: I cut a slit lengthwise down the plum, being careful not to cut it totally in half; then I stuck my fingers in and pulled out the pit. It took about 15 minutes to get through four pounds. If you're drying other fruits, you might try preparing them in the following ways:

Plums: pits removed, whole
Cherries: pits removed, whole
Blueberries or cranberries: whole
Apples or pears: cores removed and cut in thin slices or rings
Bananas: thinly sliced
Strawberries: hulled and sliced or quartered
Mangos, papayas or pineapple: pits or cores removed and thinly sliced
Step 2: Into the Oven

I don't have a food dehydrator. Even though there are plenty of models for sale, I am not ready to make an investment in another kitchen appliance that takes up space. Instead, I used my oven for drying. This method takes a long time, which means your oven will be occupied for hours on end, so make sure you don't need to use it for anything else that day.



I dried the plums on a rack over a baking sheet to help air circulate and reduce the amount of juice that would burn. If you're drying smaller fruits, such as cherries or blueberries, a rack may not work since they will fall through. Instead, try lining a baking sheet with a silicone mat or parchment paper to prevent sticking.

Drying should be done at a low temperature — about 200°F. I used my oven's convection mode in hopes the job would be made faster (since I didn't try it on the regular baking mode, I'm not sure if it was faster or not).

Drying plums to the point of still being slightly soft and juicy took about eight hours. My guess is that smaller fruits, such as blueberries, and less watery fruits, such as apples, would be done slightly faster. 
Since all ovens are different, and the rate of drying depends on the size and juiciness of the fruit, as well as the humidity in the air, keep a close eye on your fruit. I checked mine every hour (see the progression in the photos). This means you need to be home and available the whole time. Remove the fruit when it is dried to your preference.

Step 3: Storing

After removing the dried fruit, let it cool and place in an airtight container. One thing to remember with homemade dried fruit is that it is preservative-free, which means it will not last as long as store-bought dried fruit. In fact, if you leave it at room temperature for extended periods of time, it likely will develop mold. If you know you won't eat the dried fruit within a week, store it in the freezer and thaw at room temperature when ready to eat.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เห็นได้ชัดว่าจะลืมจะถูกปล่อยในวันหยุดสามสัปดาห์ ฉันเพิ่งซื้อพลัมกล่องห้าปอนด์ หรือบางทีผมคิดว่า ครอบครัวของฉัน และฉันได้กินห้าปอนด์ของพลัมในสัปดาห์ ปรากฎว่าไม่จำเป็นต้องพูด เราได้ปล่อยให้ และฉันก็เหลือประมาณ 4 ปอนด์ ของพลัม uneaten ฉันคิดเสมอเกลียดเสียอาหาร ฉันได้ดีทำอะไรกับพวกเขา คิดว่า การอบแห้งพลัมเป็นพรุนจะสวยง่าย... และฉันถูกขั้นตอนที่ 1: เอาหลุมพรุน มีหลุมจะน่ารำคาญ และไม่ สะดวก บางส่วนดังนั้นจึงตัดสินใจเอาออกได้ หลังจากลองผิดลองเล็กน้อย พบวิธีของฉัน: ผมตัดเป็นร่องตามยาวลงพลัม ระวังไม่ให้ตัดทั้งหมดในครึ่ง แล้วผมติดอยู่ในมือของฉัน และดึงออกหลุม ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีผ่านสี่ปอนด์ ถ้าคุณกำลังการอบแห้งผลไม้อื่น ๆ คุณอาจลองเตรียมความพร้อมดังนี้:พลัม: หลุมเอา ทั้งหมดเชอร์รี่: หลุมเอา ทั้งหมดแครนเบอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่: ทั้งหมดลูกแพร์หรือแอปเปิ้ล: แกนออก และตัดบางชิ้นหรือวงแหวนกล้วย: หั่นบาง ๆสตรอเบอร์รี่: hulled และ เตรียมมะม่วง papayas หรือสับปะรด: หลุมหรือแกนออก และหั่นบาง ๆขั้นตอนที่ 2: ลงในเตาไม่มีการขจัดน้ำอาหาร แม้ว่าจะมีมากมายของรุ่นขาย ฉันไม่พร้อมลงทุนในอุปกรณ์ครัวอื่นที่ใช้พื้นที่ แทน ผมใช้เตาอบของฉันสำหรับการอบแห้ง ใช้วิธีนี้เวลานาน ซึ่งหมายความว่า เตาอบของคุณจะครอบครองชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้สำหรับอะไรวันนั้นผมแห้งพลัมบนตะแกรงเหนือแผ่นอบเพื่อช่วยให้อากาศไหลเวียน และลดปริมาณของน้ำที่จะเขียน ถ้าใช้ให้เล็กลง ผลไม้เช่นเชอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่ ชั้นอาจไม่ทำงานเนื่องจากพวกเขาจะตกผ่าน แทน ลองซับอบแผ่นซิลิโคนเสื่อหรือกระดาษกระดาษเพื่อป้องกันการติดควรทำการอบแห้งที่อุณหภูมิต่ำ — ประมาณ 200 องศาฟาเรนไฮต์ ผมใช้โหมดการพาความร้อนของเตาอบของฉันหวังที่จะทำงานได้เร็วขึ้น (เนื่องจากไม่ได้เป็นมันอบโหมดปกติ ไม่แน่ถ้ามันเร็วขึ้น หรือไม่)พลัมยังคง ความนุ่ม และฉ่ำเล็กน้อยไปทำให้แห้งใช้เวลาประมาณแปดชั่วโมง ฉันเดาได้ว่า จะทำเล็ก ผลไม้ เช่นบลูเบอร์รี่ และ ไม่แฉะ ผลไม้เช่นแอปเปิ้ล ได้เร็วขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเตาอบทั้งหมดแตกต่างกัน และอัตราการแห้งขึ้นกับขนาดและความชุ่มฉ่ำของผลไม้ เป็นความชื้นในอากาศ เก็บตาใกล้บนผลไม้ของคุณ ตรวจสอบเหมืองทุกชั่วโมง (ดูความก้าวหน้าในรูปภาพ) ซึ่งหมายความว่า คุณต้องเป็นบ้าน และพร้อมใช้งานตลอดเวลา เอาผลไม้เมื่อตากแห้งตามที่คุณขั้นตอนที่ 3: จัดเก็บหลังจากเอาผลไม้แห้ง ปล่อยให้มันเย็น และทำการเตรียม สิ่งหนึ่งจำพร้อมผลไม้แห้งโฮมเมดคือ ว่า ก็ปราศจากสารกันบูด ซึ่งหมายความว่า มันจะไม่นานอย่างเป็นผลไม้แห้ง store-bought ในความเป็นจริง ถ้าคุณทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องระยะเวลานานของเวลา มันมีแนวโน้มจะพัฒนาแม่พิมพ์ ถ้าคุณรู้ว่า คุณจะไม่กินผลไม้แห้งภายในหนึ่งสัปดาห์ เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง และละลายที่อุณหภูมิห้องเมื่อพร้อมรับประทาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เห็นได้ชัดว่าลืมฉันกำลังจะออกในวันหยุดสามสัปดาห์ผมเพิ่งซื้อกล่องห้าปอนด์ของพลัม หรือบางทีผมคิดว่าครอบครัวของฉันและฉันสามารถกินห้าปอนด์ของพลัมในหนึ่งสัปดาห์ ปรากฎว่าเราไม่สามารถ.

จำเป็นที่จะพูดได้ว่าเรากำลังจะออกไปและผมเหลือประมาณสี่ปอนด์ของพลัมกะหรี่ เสมอเกลียดเสียอาหารฉันคิดฉันได้ดีกว่าทำอะไรบางอย่างกับพวกเขา ฉันคิดว่าการอบแห้งพลัมลงในลูกพรุนจะง่ายสวย ... และฉันถูกขวา!

ขั้นตอนที่ 1: ถอดหลุม

ผมพบกับลูกพรุนหลุมจะเป็นที่น่ารำคาญอย่างคลุมเครือและไม่สะดวกดังนั้นฉันตัดสินใจที่จะลบออก หลังจากการพิจารณาคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ และข้อผิดพลาดที่ผมพบว่าวิธีการของฉัน: ผมตัดของช่องตามยาวลงพลัม, การระมัดระวังไม่ให้ตัดมันโดยสิ้นเชิงในช่วงครึ่งปี; แล้วผมติดอยู่ในมือของฉันและดึงออกมาจากหลุม มันต้องใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเพื่อให้ได้ผ่านสี่ปอนด์ หากคุณกำลังอบแห้งผลไม้อื่น ๆ ที่คุณอาจจะพยายามเตรียมพวกเขาในรูปแบบต่อไปนี้:

พลัม: หลุมลบออกทั้ง
เชอร์รี่: หลุมลบออกทั้ง
บลูเบอร์รี่หรือแครนเบอร์รี่: ทั้ง
แอปเปิ้ลหรือลูกแพร์: แกนถอดออกและตัดเป็นชิ้นบาง ๆ หรือแหวน
กล้วย: หั่นบาง ๆ
สตรอเบอร์รี่: hulled และหั่นบาง ๆ หรือ quartered
มะม่วงมะละกอหรือสับปะรด: หลุมหรือแกนถอดออกและหั่นบาง ๆ
ขั้นตอนที่ 2: เข้าเตาอบ

ที่ฉันไม่ได้มีการขจัดน้ำออกอาหาร ถึงแม้ว่าจะมีความอุดมสมบูรณ์ของรูปแบบการขายผมไม่พร้อมที่จะทำให้การลงทุนในเครื่องใช้ในครัวอื่นที่ใช้พื้นที่ แต่ผมใช้เตาอบของฉันสำหรับการอบแห้ง วิธีการนี้ใช้เวลานานซึ่งหมายความว่าเตาของคุณจะถูกครอบครองสำหรับชั่วโมงที่สิ้นสุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่จำเป็นที่จะใช้สำหรับสิ่งอื่นใดในวันนั้น.



ผมแห้งพลัมบนชั้นกว่าแผ่นอบเพื่อช่วยให้อากาศ ไหลเวียนและลดปริมาณของน้ำที่จะเผา หากคุณกำลังอบแห้งผลไม้ที่มีขนาดเล็กเช่นเชอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่, ชั้นอาจไม่ทำงานเนื่องจากพวกเขาจะตกผ่าน แต่พยายามซับแผ่นอบกับเสื่อซิลิโคนหรือกระดาษกระดาษเพื่อป้องกันไม่ให้ติด.

อบแห้งควรจะทำที่อุณหภูมิต่ำ - ประมาณ 200 ° F ผมใช้โหมดการพาความร้อนเตาอบของฉันด้วยความหวังว่างานจะทำให้เร็วขึ้น (เพราะผมไม่ได้ลองกับโหมดการอบปกติผมไม่แน่ใจว่าถ้ามันเป็นได้เร็วขึ้นหรือไม่).

พลัมอบแห้งไปยังจุดที่ยังคงความเล็กน้อย นุ่มและชุ่มฉ่ำเวลาประมาณแปดชั่วโมง ฉันเดาว่าผลไม้ที่มีขนาดเล็กเช่นบลูเบอร์รี่และผลไม้น้ำน้อยเช่นแอปเปิ้ลจะทำเร็วขึ้นเล็กน้อย. 
ตั้งแต่เตาอบทุกคนมีความแตกต่างกันและอัตราการอบแห้งขึ้นอยู่กับขนาดและความชุ่มฉ่ำของผลไม้เช่นเดียวกับ ความชื้นในอากาศที่เก็บตาใกล้บนผลไม้ของคุณ ฉันจะตรวจสอบเหมืองแร่ทุกชั่วโมง (ดูความคืบหน้าในภาพถ่าย) ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องมีการบ้านและสามารถใช้ได้ตลอดเวลา นำผลไม้เมื่อมันแห้งความต้องการของคุณ.

ขั้นตอนที่ 3: การจัดเก็บ

หลังจากลบผลไม้แห้งที่ทิ้งไว้ให้เย็นและสถานที่ในภาชนะ สิ่งหนึ่งที่จำด้วยผลไม้แห้งโฮมเมดคือว่ามันเป็นสารกันบูดฟรีซึ่งหมายความว่ามันจะไม่นานเท่าผลไม้แห้งเก็บซื้อ ในความเป็นจริงถ้าคุณปล่อยให้มันเป็นที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานานก็มีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาแม่พิมพ์ ถ้าคุณรู้ว่าคุณจะไม่กินผลไม้แห้งภายในสัปดาห์เก็บไว้ในช่องแช่แข็งและละลายที่อุณหภูมิห้องเมื่อพร้อมที่จะกิน