When the original IBM PC was launch

When the original IBM PC was launched in 1981, it came equipped with a 16-bit real-mode, single-user, command-line oriented operating system called MS-DOS 1.0. This operating system consisted of 8 KB of memory resident code. Two years later, a much more powerful 24-KB system, MS-DOS 2.0, appeared. It contained a command line processor (shell), with a number of features borrowed from UNIX. When IBM released the 286-based PC/AT in 1984, it came equipped with MS-DOS 3.0, by now 36 KB. Over the years, MS-DOS continued to acquire new features, but it was still a command-line oriented system.
Inspired by the success of the Apple Macintosh, Microsoft decided to give MS-DOS a graphical user interface that it called Windows. The first three versions of Windows, culminating in Windows 3.x, were not true operating systems, but graphical user interfaces on top of MS-DOS, which was still in control of the machine. All programs ran in the same address space and a bug in anyone of them could bring the whole system to a grinding halt.
The release of Windows 95 in 1995 still did not eliminate MS-DOS, although it introduced a new version, 7.0. Together, Windows 95 and MS-DOS 7.0 contained most of the features of a full-blown operating system, including virtual memory, process management, and multiprogramming. However, Windows 95 was not a full 32-bit program. It contained large chunks of old 16-bit code (as well as some 32-bit code) and still used the MS-DOS file system, with nearly all its limitations. The only major change to the file system was the addition of long file names in place of the 8 + 3 character file names allowed in MS-DOS.
Even with the release of Windows 98 in 1998, MS-DOS was still there (now called version 7.1) and running 16-bit code. Although a bit more functionality migrated from the MS-DOS part to the Windows part, and a disk layout suitable for larger disks was now standard, under the hood, Windows 98 was not very different from Windows 95. The main difference was the user interface, which integrated the desktop, the Internet, and television more closely. It was precisely this integration that attracted the attention of the U.S. Dept. of Justice, which then sued Microsoft claiming that it was an illegal monopoly.
While all these developments were going on, Microsoft was also busy with a completely new 32-bit operating system being written from the ground up. This new system was called Windows New Technology, or Windows NT. It was initially hyped as the replacement for all other operating systems for Intel-based PCs, but it was somewhat slow to catch on and was later redirected to the upper end of the market, where it found a niche. It is gradually becoming more popular at the low end as well.
NT is sold in two versions: server and workstation. These two versions are nearly identical and are generated from the same source code. The server version is intended for machines that run as LAN-based file and print servers and has more elaborate management features than the workstation version, which is intended for desktop computing for a single user. The server version has a variant (enterprise) intended for large sites. The various versions are tuned differently, each one optimized for its expected environment. Other than these minor differences, all the versions are essentially the same. In fact, nearly all the executable files are identical for all versions. NT itself discovers which version it is by looking at a variable in an internal data structure (the registry). Users are forbidden by the license from changing this variable and thus converting the (inexpensive) workstation version into the (much more expensive) server or enterprise versions. We will not make any further distinction between these versions.
MS-DOS and all previous versions of Windows were single-user systems. NT, however, supports multiprogramming, so several users can work on the same machine at the same time. For example, a network server may have multiple users logged in simultaneously over a network, each accessing its own files in a protected way.
NT is a true 32-bit multiprogramming operating system. It supports multiple user processes, each of which has a full 32-bit demand-paged virtual address space. In addition, the system itself is written as 32-bit code everywhere.
One of NT's original improvements over Windows 95 was its modular structure. It consisted of a moderately small kernel that ran in kernel mode, plus a number of server processes that ran in user mode. User processes interacted with the server processes using the client-server model: a client sent a request message to a server, and the server did the work and returned the result to the client via a second message. This modular structure made it easier to port it to several computers besides the Intel line, including the DEC Alpha, IBM PowerPC, and SGI MIPS. However, for performance reasons, starting with NT 4.0, pretty much all of the system was put back into the kernel.
One could go on for a long time both about how NT is structured internally and what its system call interface is like. Since our primary interest here is the virtual machine presented by various operating systems (i.e., the system calls), we will give a brief summary of the system structure and then move on to the system call interface.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อพีซี IBM เดิมถูกเปิดตัวในปี 1981 มาพร้อม ด้วย 16 บิต โหมดจริง ผู้ใช้ บรรทัดคำสั่งแนวปฏิบัติระบบเรียกว่า MS-DOS 1.0 ระบบปฏิบัติการนี้ประกอบด้วยรหัสประจำหน่วยความจำ 8 KB สองปีต่อมา ระบบ 24 KB มีประสิทธิภาพมากขึ้น MS-DOS 2.0 ปรากฏ มันอยู่ที่บรรทัดคำสั่งประมวลผล (เปลือก), มีจำนวนของคุณสมบัติที่ยืมมาจาก UNIX เมื่อ IBM ออก PC ใช้ 286 / ที่ใน 1984 มาพร้อมกับ MS-DOS 3.0 โดยขณะนี้ 36 KB ปี MS-DOS ยังคงได้รับคุณลักษณะใหม่ แต่ก็ยังคงมุ่งเน้นระบบบรรทัดคำสั่ง แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Apple Macintosh, Microsoft ตัดสินใจที่จะให้อินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิกแบบว่า มันเรียกว่าหน้าต่าง MS-DOS รุ่นแรกสามของ Windows จบใน Windows 3.x ไม่ได้ระบบปฏิบัติการแท้จริง แต่อินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิกบน MS-DOS ซึ่งยังอยู่ในควบคุมของเครื่องจักร โปรแกรมทั้งหมดที่วิ่งในพื้นที่ที่อยู่เดียวกัน และมีจุดบกพร่องในคนเหล่านั้นสามารถให้ทั้งระบบหยุดบด รุ่นของ Windows 95 ในปี 1995 ได้ไม่รวด MS-DOS แม้ว่าจะนำรุ่นใหม่ 7.0 กัน MS-DOS 7.0 และ Windows 95 ประกอบด้วยทั้งลักษณะการทำงานของระบบปฏิบัติ full-blown หน่วยความจำเสมือน การจัดการ และ multiprogramming อย่างไรก็ตาม Windows 95 ไม่ใช่โปรแกรมแบบ 32 บิต มันประกอบด้วยก้อนขนาดใหญ่รหัส 16 บิตเก่า (รวมทั้งบางรหัส 32 บิต) และยังคง ใช้ระบบไฟล์แบบ MS-DOS มีข้อจำกัดของเกือบทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงหลักการระบบแฟ้มถูกเพิ่มชื่อแฟ้มแบบยาวแทน 8 + 3 อักขระชื่อแฟ้มใน MS-DOS แม้จะ มีรุ่นของ Windows 98 ในปี 1998, MS-DOS ถูกยังมี (ตอนนี้เรียกว่ารุ่น 7.1) และการทำงานแบบ 16-บิตรหัส แม้ว่าฟังก์ชันการทำงานเล็กน้อยที่อพยพมาจาก MS-DOS ส่วนส่วน Windows และตอนนี้มีเค้าโครงดิสก์สำหรับดิสก์ขนาดใหญ่มาตรฐาน ภายใต้กระโปรงหน้ารถ Windows 98 ไม่มากแตกต่างจาก Windows 95 ความแตกต่างหลักมีส่วนติดต่อผู้ใช้ ซึ่งรวมเดสก์ท็อป เน็ต และโทรทัศน์มากขึ้น แม่นยำรวมนี้ที่ดึงดูดความสนใจของสหรัฐฯ ฝ่ายยุติธรรม ที่แล้ว sued Microsoft อ้างว่า เป็นการผูกขาดที่ไม่ถูกต้อง ได้ ในขณะที่กำลังพัฒนาเหล่านี้บน Microsoft ได้ยังยุ่งอยู่กับใหม่ทั้งหมด 32 บิตระบบปฏิบัติการเขียนขึ้นจากพื้นดินขึ้น ระบบใหม่นี้ถูกเรียกว่าเทคโนโลยีใหม่ของ Windows, Windows NT เริ่มถูก hyped แทนระบบปฏิบัติการอื่น ๆ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Intel แต่ถูกจับบนค่อนข้างช้า และถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังท้ายตลาด ที่จะพบโพรงบนในภายหลัง ค่อย ๆ กลายเป็นนิยมมากขึ้นที่ต่ำสุดเช่นกัน ขาย NT รุ่นสอง: เซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน รุ่นสองเกือบเหมือน และถูกสร้างขึ้นจากรหัสแหล่งที่มาเดียวกัน รุ่นของเซิร์ฟเวอร์เหมาะสำหรับเครื่องที่รันเป็นเซิร์ฟเวอร์ของเครื่องพิมพ์และแฟ้มบน LAN และมีคุณลักษณะการจัดการอย่างประณีตมากขึ้นกว่ารุ่นเวิร์กสเตชัน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ รุ่นของเซิร์ฟเวอร์มีตัวแปร (องค์กร) เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ ปรับรุ่นต่าง ๆ แตกต่าง แต่ละคนเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่คาดการณ์ นอกจากความแตกต่างเหล่านี้รอง รุ่นทั้งหมดเป็นเหมือนกัน ในความเป็นจริง แฟ้มปฏิบัติการได้ทั้งหมดเกือบจะเหมือนกันสำหรับทุกรุ่น NT เองพบรุ่นโดยตัวแปรในโครงสร้างข้อมูลภายใน (รีจิสทรี) ผู้ใช้จะห้าม โดยลิขสิทธิ์ จากการเปลี่ยนแปลงตัวแปรนี้จึง แปลงรุ่นเวิร์กสเตชัน (ไม่แพง) เป็นรุ่นเซิร์ฟเวอร์หรือองค์กร (แพงมาก) เราจะไม่ทำให้ความแตกต่างใด ๆ เพิ่มเติมระหว่างรุ่นเหล่านี้ MS-DOS และ Windows ทุกรุ่นมีระบบผู้ใช้ NT สนับสนุน multiprogramming อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้หลายคนสามารถทำงานบนเครื่องเดียวกัน ตัวอย่าง เซิร์ฟเวอร์เครือข่ายอาจมีผู้ใช้หลายคนเข้าสู่ระบบพร้อมเครือข่าย แต่ละแฟ้มของตนเองเข้าถึงวิธีการป้องกัน NT เป็นจริง 32 บิต multiprogramming ระบบปฏิบัติการ สนับสนุนผู้ใช้กระบวนการหลายอย่าง ซึ่งมีช่องว่างที่อยู่เสมือนลหน่วยความเต็ม 32-บิต นอกจากนี้ ระบบตัวเองเขียนเป็นรหัส 32 บิตทุก หนึ่งของ NT เดิมปรับปรุงผ่าน Windows 95 ถูกโครงสร้างโมดูลาร์ ประกอบด้วยเมล็ดค่อนข้างเล็กที่รันในโหมดเคอร์เนล บวกเลขของกระบวนการของเซิร์ฟเวอร์ที่รันในโหมดผู้ใช้ กระบวนการผู้ใช้อาจ มีกระบวนการเซิร์ฟเวอร์ใช้แบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์: ไคลเอนต์ส่งข้อความร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์ไม่ทำงาน และส่งคืนผลลัพธ์ไปยังไคลเอนต์ผ่านข้อความสอง โครงสร้างโมดุลนี้ทำการพอร์ตคอมพิวเตอร์หลายนอกจากบรรทัด Intel, DEC Alpha เพาเวอร์พี ซี IBM และ SGI MIPS อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุผลด้านประสิทธิภาพ NT 4.0 เริ่มสวยมากทุกระบบถูกกลับเป็นเคอร์เนล หนึ่งอาจไปในนานทั้ง เกี่ยวกับวิธี NT จัดโครงสร้างภายในและอินเทอร์เฟซการเรียกของระบบที่เป็นเหมือน สนใจหลักของเราที่นี่เป็น เสมือนเครื่องแสดง โดยระบบปฏิบัติการต่าง ๆ (เช่น การเรียกระบบ), เราจะให้สรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับโครงสร้างระบบ และจากนั้น ย้ายไปยังอินเทอร์เฟซการเรียกระบบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อเดิมพีซี IBM เปิดตัวในปี 1981 มันมาพร้อมกับ 16 บิตโหมดจริงที่ใช้งานเดียวระบบปฏิบัติการที่มุ่งเน้นบรรทัดคำสั่งที่เรียกว่า MS-DOS 1.0 ระบบปฏิบัติการนี้ประกอบด้วย 8 กิโลไบต์หน่วยความจำรหัสถิ่นที่อยู่ สองปีต่อมามีประสิทธิภาพมากขึ้นระบบ 24 KB, MS-DOS 2.0 ปรากฏ มันมีหน่วยประมวลผลบรรทัดคำสั่ง (เปลือก) มีจำนวนของคุณสมบัติที่ยืมมาจากระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ เมื่อไอบีเอ็มเปิดตัวพีซี 286-based / AT ในปี 1984 มันมาพร้อมกับ MS-DOS 3.0 โดยขณะนี้ 36 KB กว่าปีที่ MS-DOS อย่างต่อเนื่องที่จะได้รับคุณสมบัติใหม่ แต่มันก็ยังคงเป็นระบบที่มุ่งเน้นบรรทัดคำสั่ง.
แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของแอปเปิ้ลแมคอินทอชไมโครซอฟท์ตัดสินใจที่จะให้ MS-DOS อินเตอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิกที่จะเรียกว่า Windows ครั้งแรกที่สามรุ่นของ Windows สูงสุดใน Windows 3.x, ไม่ได้ระบบปฏิบัติการจริง แต่อินเตอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิกที่ด้านบนของ MS-DOS ซึ่งยังคงอยู่ในการควบคุมของเครื่อง โปรแกรมทั้งหมดวิ่งเข้าไปในพื้นที่ที่อยู่เดียวกันและข้อผิดพลาดในคนของพวกเขาสามารถนำทั้งระบบที่จะหยุดบด.
การเปิดตัวของ Windows 95 ในปี 1995 ยังคงไม่ได้กำจัด MS-DOS แม้ว่ามันจะแนะนำรุ่นใหม่ 7.0 ร่วมกัน Windows 95 และ MS-DOS 7.0 ที่มีอยู่มากที่สุดของคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการเต็มเป่ารวมถึงหน่วยความจำเสมือนการจัดการกระบวนการและ multiprogramming อย่างไรก็ตาม Windows 95 ไม่ได้เป็นโปรแกรม 32 บิตเต็มรูปแบบ มันมีชิ้นใหญ่ของรหัส 16 บิตเก่า (เช่นเดียวกับบางรหัส 32 บิต) และยังคงใช้ระบบไฟล์ MS-DOS ที่มีเกือบทุกข้อ จำกัด ของมัน การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเฉพาะกับระบบไฟล์เป็นการเพิ่มขึ้นของชื่อแฟ้มยาวในสถานที่ของ 8 + 3 ตัวละครที่ชื่อไฟล์ที่ได้รับอนุญาตใน MS-DOS.
ถึงแม้จะมีการเปิดตัวของ Windows 98 ในปี 1998, MS-DOS ก็ยังมี (ปัจจุบันเรียกว่า รุ่น 7.1) และใช้รหัส 16 บิต แม้ว่าการทำงานน้อยมากอพยพมาจากส่วนหนึ่งของ MS-DOS เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ Windows และรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับดิสก์ดิสก์ขนาดใหญ่ตอนนี้มาตรฐานภายใต้ประทุน, Windows 98 ก็ไม่ได้แตกต่างจาก Windows 95 แตกต่างที่สำคัญคือส่วนติดต่อผู้ใช้ ซึ่งบูรณาการสก์ท็อป, อินเทอร์เน็ตและโทรทัศน์อย่างใกล้ชิด มันเป็นบูรณาการได้อย่างแม่นยำที่ดึงดูดความสนใจของฝ่ายยุติธรรมสหรัฐที่แล้วฟ้องไมโครซอฟท์อ้างว่ามันเป็นผูกขาดที่ผิดกฎหมาย.
ในขณะที่การพัฒนาทั้งหมดเหล่านี้ได้เกิดขึ้นไมโครซอฟท์ก็ยังยุ่งอยู่กับระบบปฏิบัติการที่สมบูรณ์แบบ 32 บิตใหม่ ถูกเขียนขึ้นจากพื้นดินขึ้น ระบบใหม่นี้ถูกเรียกว่า Windows เทคโนโลยีใหม่หรือ Windows NT มันเป็นครั้งแรก hyped แทนสำหรับทุกระบบปฏิบัติการอื่น ๆ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Intel แต่มันก็ค่อนข้างช้าที่จะจับและถูกเปลี่ยนเส้นทางต่อมาปลายบนของตลาดที่จะพบโพรง มันจะค่อยๆกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นที่ต่ำสุดเช่นกัน.
NT จะขายในสองรุ่น: เซิร์ฟเวอร์และเวิร์คสเตชั่ ทั้งสองรุ่นมีเกือบเหมือนกันและถูกสร้างขึ้นจากรหัสแหล่งเดียวกัน รุ่นของเซิร์ฟเวอร์ที่มีไว้สำหรับเครื่องที่ใช้เป็นไฟล์ระบบ LAN และเซิร์ฟเวอร์พิมพ์และมีการจัดการที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่ารุ่นคุณสมบัติเวิร์กสเตชันซึ่งมีไว้สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปสำหรับผู้ใช้คนเดียว รุ่นของเซิร์ฟเวอร์ที่มีความแตกต่าง (องค์กร) ไว้สำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ รุ่นต่างๆจะปรับแตกต่างกันแต่ละคนเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่คาดหวัง นอกเหนือจากความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ทุกรุ่นเป็นหลักเดียวกัน ในความเป็นจริงเกือบทั้งหมดแฟ้มที่ปฏิบัติการได้เหมือนกันสำหรับทุกรุ่น NT ตัวเองค้นพบรุ่นที่มันเป็นโดยดูที่ตัวแปรในโครงสร้างข้อมูลภายใน (รีจิสทรี) ผู้ใช้บริการจะต้องห้ามตามใบอนุญาตจากการเปลี่ยนแปลงตัวแปรนี้และทำให้การแปลง (ราคาไม่แพง) เวอร์ชั่นเวิร์กสเตชันเข้า (ราคาแพงมาก) เซิร์ฟเวอร์หรือรุ่นที่องค์กร เราจะไม่ทำให้ความแตกต่างใด ๆ ระหว่างรุ่นนี้.
MS-DOS และรุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมดของระบบปฏิบัติการวินโดวส์เป็นระบบเดียวที่ผู้ใช้ NT แต่สนับสนุน multiprogramming เพื่อให้ผู้ใช้หลายคนสามารถทำงานได้ในเครื่องเดียวกันในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์เครือข่ายอาจจะมีผู้ใช้หลายคนเข้าสู่ระบบพร้อมกันผ่านเครือข่ายแต่ละเข้าถึงไฟล์ของตัวเองในทางที่ได้รับการคุ้มครอง.
NT เป็นจริง 32 บิต multiprogramming ระบบปฏิบัติการ สนับสนุนกระบวนการผู้ใช้หลายแต่ละที่มีความต้องการเพจเต็มรูปแบบ 32 บิตพื้นที่ที่อยู่เสมือน นอกจากนี้ระบบที่ตัวเองเขียนเป็นรหัส 32 บิตทุกที่.
หนึ่งของการปรับปรุงเดิม NT กว่า Windows 95 เป็นโครงสร้างของโมดูลของ มันประกอบด้วยเมล็ดขนาดเล็กในระดับปานกลางที่วิ่งในโหมดเคอร์เนลบวกจำนวนของกระบวนการเซิร์ฟเวอร์ที่วิ่งในโหมดผู้ใช้ กระบวนการผู้ใช้มีความสัมพันธ์กับกระบวนการเซิร์ฟเวอร์โดยใช้รูปแบบของลูกค้าเซิร์ฟเวอร์: ลูกค้าส่งข้อความร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์และเซิร์ฟเวอร์ได้ทำงานและกลับผลไปยังลูกค้าผ่านทางข้อความที่สอง โครงสร้างแบบแยกส่วนทำให้ง่ายต่อการพอร์ตไปยังคอมพิวเตอร์หลายนอกเหนือจากสาย Intel รวมถึงธันวาคมอัลฟา IBM PowerPC และ SGI MIPS แต่สำหรับเหตุผลประสิทธิภาพเริ่มต้นด้วย NT 4.0 สวยมากทั้งหมดของระบบที่ถูกนำกลับมาใน kernel.
หนึ่งได้ต่อไปเป็นเวลานานเกี่ยวกับวิธีการทั้ง NT มีโครงสร้างภายในและสิ่งที่อินเตอร์เฟซที่เรียกระบบที่เป็นเหมือน ตั้งแต่ความสนใจหลักของเราที่นี่เป็นเสมือนเครื่องที่นำเสนอโดยระบบปฏิบัติการต่างๆ (เช่นระบบสาย) เราจะให้สรุปโดยย่อของระบบโครงสร้างและจากนั้นย้ายไปอินเตอร์เฟซระบบโทร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM เดิมถูกเปิดตัวในปี 1981 มันมาพร้อมกับโหมดจริง 16 บิตเดียวที่ผู้ใช้ ระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า MS-DOS 1.0 ที่มุ่งเน้นผ่านทางบรรทัดคำสั่ง ระบบปฏิบัติการนี้ ประกอบด้วย 8 กิโลไบต์ของรหัสที่อยู่หน่วยความจำ สองปีต่อมา ทรงพลังมาก 24-kb ระบบ MS-DOS 2.0 , ปรากฏ มันมีบรรทัดคำสั่งที่ประมวลผล ( เปลือก ) , ที่มีจำนวนของลักษณะที่ยืมมาจากยูนิกซ์เมื่อ IBM เปิดตัว 286 จาก PC / AT ใน 1984 , มันมาพร้อมกับ MS-DOS 3.0 ตอนนี้ 36 KB ปี ดอสอย่างต่อเนื่องที่จะได้รับคุณสมบัติใหม่ แต่มันก็ยังเป็นบรรทัดคำสั่งเชิงระบบ
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Apple Macintosh , Microsoft ตัดสินใจที่จะให้โปรแกรมมีส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิกที่เรียกว่า Windows สามรุ่นแรกของ Windows , culminating ใน Windows 3X ไม่ได้จริงระบบปฏิบัติการ แต่ส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิกบนดอส ซึ่งอยู่ในการควบคุมของเครื่อง โปรแกรมรันในที่อยู่เดียวกันกับพื้นที่และข้อผิดพลาดทุกคนของพวกเขาสามารถนำระบบทั้งหมดที่จะหยุดการบด .
รุ่นของ Windows 95 ใน 1995 ที่ยังไม่ได้ขจัด MS-DOS ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ 7.0 . ด้วยกัน Windows 95 และโปรแกรมที่ 70 ที่มีคุณสมบัติมากที่สุดของระบบปฏิบัติการที่เต็มเป่า ได้แก่ หน่วยความจำเสมือน การจัดการกระบวนการ และหลายโปรแกรม . แต่ Windows 95 ไม่เต็ม 32 บิตโปรแกรม มันมีก้อนเก่า 16 บิตรหัส ( รวมทั้ง 32 บิตรหัส ) และยังใช้ MS-DOS ระบบแฟ้มที่มีเกือบทั้งหมดของข้อจำกัดแต่ที่สำคัญการเปลี่ยนระบบแฟ้มที่ถูกเพิ่มชื่อไฟล์ยาวในสถานที่ของ 8 3 ตัวละครชื่อแฟ้มที่ได้รับอนุญาตในดอส
แม้แต่กับรุ่นของ Windows 98 ใน 1998 , ดอสก็มี ( ตอนนี้เรียกว่ารุ่น 7.1 ) และใช้รหัส 16 บิต แม้ว่าบิตเพิ่มเติมฟังก์ชันการทำงานที่อพยพจาก MS-DOS ส่วนต่างส่วนและดิสก์รูปแบบที่เหมาะสมของดิสก์ขนาดใหญ่มาเป็นมาตรฐาน ภายใต้ประทุน , Windows 98 ก็ไม่แตกต่างจาก Windows 95 ความแตกต่างหลักคือส่วนติดต่อผู้ใช้ซึ่งรวมเดสก์ทอปอินเทอร์เน็ตและโทรทัศน์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น มันแน่นอนนี้รวมที่ดึงดูดความสนใจของสหรัฐอเมริกากรมยุติธรรมที่ฟ้องไมโครซอฟท์อ้างว่ามันเป็นการผูกขาดผิดกฎหมาย
ในขณะที่การพัฒนาทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้น , Microsoft ยังยุ่งกับ 32 บิตระบบปฏิบัติการจะถูกเขียนใหม่อย่างสมบูรณ์จากพื้นดินขึ้น ระบบใหม่นี้ถูกเรียกว่าเทคโนโลยีใหม่ Windows หรือ Windows NT มันก็เริ่ม hyped เป็นแทนทุกระบบปฏิบัติการอื่น ๆสำหรับอินเทลพีซีแต่มันก็ค่อนข้างช้าที่จะจับบนและภายหลังถูกเปลี่ยนเส้นทางไปที่ปลายบนของตลาด ซึ่งจะพบโพรง มันค่อยๆกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในปลายต่ำเช่นกัน
NT ขายในสองรุ่น : เซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน ทั้งสองรุ่นจะเหมือนกันเกือบ และถูกสร้างขึ้นจากรหัสแหล่งที่มาเดียวกันรุ่นเซิร์ฟเวอร์ที่มีไว้สำหรับเครื่องที่ใช้เป็นระบบแฟ้มและพิมพ์เซิร์ฟเวอร์และมีการจัดการที่ซับซ้อนคุณสมบัติมากขึ้นกว่าเวิร์กสเตชันรุ่นพื้นฐาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้เดียว รุ่นเซิร์ฟเวอร์มีตัวแปร ( องค์กร ) ไว้สำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ รูปแบบสัญญาณแตกต่างกัน แต่ละตัวเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่คาดหวัง .นอกจากความแตกต่างเล็กน้อยเหล่านี้ รุ่น ทั้งหมดเป็นหลักเดียวกัน ในความเป็นจริงเกือบทุกไฟล์ปฏิบัติการจะเหมือนกันสำหรับทุกรุ่น สำหรับตัวเองค้นพบ ซึ่งรุ่นนั้นโดยดูที่ตัวแปรในข้อมูลโครงสร้างภายใน ( รีจิสทรี )ผู้ใช้จะถูกห้ามโดยใบอนุญาตจากการเปลี่ยนแปลงตัวแปรและการแปลง ( ราคาไม่แพง ) เวิร์กสเตชันรุ่นเข้าไป ( แพงมาก ) หรือองค์กรเซิร์ฟเวอร์รุ่น เราจะไม่ทำใด ๆเพิ่มเติม ความแตกต่างระหว่างรุ่นเหล่านี้
MS-DOS และรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดของหน้าต่างระบบผู้ใช้คนเดียว NT , อย่างไรก็ตาม , หลายโปรแกรมสนับสนุน ,เพื่อให้ผู้ใช้หลายคนสามารถทำงานในเครื่องเดียวกันในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เซิร์ฟเวอร์เครือข่ายอาจมีผู้ใช้หลายคนเข้าสู่ระบบพร้อมกันบนเครือข่ายในการเข้าถึงไฟล์ของตนเองในการป้องกันทาง
NT เป็นจริงหลายโปรแกรม 32 บิตระบบปฏิบัติการ สนับสนุนกระบวนการผู้ใช้หลาย , แต่ละที่มีเต็ม 32 บิตความต้องการเพจเสมือนที่อยู่พื้นที่ นอกจากนี้ระบบตัวเองเขียนได้เป็น 32 บิตรหัสทุก
ของต้นฉบับของ NT การปรับปรุงกว่า Windows 95 มีโมดูลโครงสร้าง มันมีขนาดเล็กปานกลาง เมล็ดที่วิ่งในโหมดเคอร์เนล , บวกจำนวนของเซิร์ฟเวอร์กระบวนการที่วิ่งในโหมดผู้ใช้ กระบวนการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์กระบวนการโดยใช้ไคลเอ็นต์เซิร์ฟเวอร์รุ่น : ไคลเอนต์ส่งการร้องขอข้อความไปยังเซิร์ฟเวอร์และเซิร์ฟเวอร์ทำงานและกลับมาผลให้กับลูกค้าผ่านทางข้อความที่สอง โครงสร้างของโมดูลนี้ทำให้มันง่ายพอร์ตไปยังคอมพิวเตอร์หลายนอกเหนือจากสาย Intel รวมถึงธ.ค. อัลฟา , IBM เพาเวอร์พีซีและ SGI Min . อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุผลประสิทธิภาพ เริ่มต้นกับ NT 4.0 สวยมากทั้งหมดของระบบจะถูกใส่กลับเข้าไปในเคอร์เนล
หนึ่งสามารถไปนานแล้ว ทั้งเรื่อง NT เป็นโครงสร้างภายในและสิ่งที่เรียกว่าระบบอินเตอร์เฟซเป็นเหมือน เนื่องจากดอกเบี้ยหลักของเราที่นี่เป็นเสมือนเครื่องที่นำเสนอโดยระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ( เช่น ระบบโทร ) เราจะให้สรุปโดยย่อของระบบโครงสร้างและจากนั้นย้ายไปยังอินเตอร์เฟซโทรระบบ