The results showed that all theblen

The results showed that all the
blends were in agreement with the maximum Codex standard
peroxide value (10 meq O2/kg) for vegetable oil deterioration. The
nutritional contribution of the three minor components of tocopherol,
tocotrienols and c-oryzanol in RBO blends may have conferred
this greater oxidative stability (Gulla & Waghray, 2011).
The lowest and the highest PV of RBO + OO and RBO + MO could
be due to the predominance of MUFA (oleic acid) and PUFA in these
blends respectively (Table 2).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลพบว่าทั้งหมดผสมได้ยังคงมาตรฐานสูงสุดตซูบิชิเพอร์ออกไซด์ค่า (10 meq O2/kg) การเสื่อมสภาพของน้ำมันพืช ที่ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของส่วนประกอบย่อยสามของ tocopheroltocotrienols และ c-oryzanol ใน RBO ผสมอาจได้รางวัลนี้มากกว่า oxidative เสถียรภาพ (Gulla & Waghray, 2011)ต่ำสุด และจะสูงสุด PV RBO ดา และ RBO + MO สามารถเป็น เพราะเด่น (oleic กรด) MUFA และ PUFA ในเหล่านี้ผสมตามลำดับ (ตารางที่ 2)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลการศึกษาพบว่าทุกคนที่ผสมอยู่ในข้อตกลงกับมาตรฐาน Codex สูงสุดค่าเปอร์ออกไซด์(10 mEq O2 / kg) สำหรับการเสื่อมสภาพของน้ำมันพืช ผลงานทางโภชนาการของทั้งสามองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ของโทโคฟีรอtocotrienols และคโอรีในการผสม RBO อาจจะมีการหารือนี้เสถียรภาพออกซิเดชันมากขึ้น(Gulla และ Waghray 2011). ต่ำสุดและ PV สูงสุดของ RBO + OO และ RBO + MO อาจจะอันเนื่องมาจากความเด่นของ MUFA นี้ (กรดโอเลอิก) และ PUFA เหล่านี้ผสมตามลำดับ(ตารางที่ 2)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการศึกษาพบว่า พอลิเมอร์ผสมทั้งหมด
สอดคล้องกับมาตรฐานสูงสุด Codex
ค่าเปอร์ออกไซด์ ( 10 meq / kg O2 ) การเสื่อมสภาพของน้ำมันพืช
งานโภชนาการของทั้งสามองค์ประกอบย่อยของโทโคเฟอรอล และโทโคไทรอีน
, c-oryzanol ใน rbo ผสมอาจมีการแต่งตั้งนี้ oxidative เสถียรภาพ ( gulla มากขึ้น

& waghray , 2011 )ต่ำสุดและสูงสุดของ rbo OO rbo PV และโมได้
เป็นเพราะความเด่นของ MUFA ( กรดโอเลอิก ) และ PUFA ใน
ผสมตามลำดับ ( ตารางที่ 2 )