If the quality of the education pro

If the quality of the education provided to students is to be maintained or improved in the face of the increasing pressures and demands from a variety of stakeholders, teachers must be assisted in sustaining their enthusiasm for, and identification with their work which demands considerable investment of their cognitive and emotional selves (Friedson (2000a) and Day (2000b); Louis, 1998). Teacher commitment has been found to be a critical predictor of teachers’ work performance, absenteeism, retention, burnout and turnover, as well as having an important influence on students’ motivation, achievement, attitudes towards learning and being at school (Firestone, 1996; Graham, 1996; Louis, 1998; Tsui & Cheng, 1999). As a consequence of the new monitoring, inspection and public accountability systems, in addition to the increased intensification of work through added bureaucratic tasks directly associated with the performativity agenda, reforms have promoted high degrees of uncertainty, instability and vulnerability for teachers (Ball, 2001, p. 7). Kelchtermans (1996) study of the career stories of ten experienced primary school teachers revealed two recurring themes: stability in the job: a need to maintain the status quo, having achieved ambition, led to satisfaction; and vulnerability to the judgements of colleagues, the headteacher and those outside the school gates, e.g. parents, inspectors, media reports which might be based exclusively on measurable student achievements. As vulnerability increased, so they tended towards passivity and conservatism in teaching. Surprisingly, however, the relationship between external reform, teachers’ commitment, identity, the environments in which they work and the quality and effectiveness of their work is absent from the policies of those who believe that it is possible to steer the daily activities in the classroom from the centre. Nor has it been the subject of extensive research.

The implications for those wishing to change how teachers construe, construct and conduct their work are clear. Individuals’ commitment to such change is essential. Changing operational definitions of professionalism require working closely with teachers and their individual emotional and intellectual identities because unless these are addressed reform is unlikely to succeed in the longer term. This suggests rebuilding professionalism through sustained, critical dialogue, mutual trust and respect. In a multidisciplinary review of the theoretical and empirical literature on trust spanning four decades, Tschannen-Moran and Hoy (2000) highlight the need to pay attention to trust, particularly in terms of change. They found that trust is:

•
a means of reducing uncertainty in situations of independence;
•
necessary for effective cooperation and communication;
•
the foundation for cohesive and productive relationships;
•
a ‘lubricant’ greasing the way for efficient operations when people have confidence in other people's work and deeds (p. 549);
•
a means of reducing the complexities of transactions and exchanges more quickly and economically than other means of managing organisational life.
Conversely, distrust, ‘provokes feelings of anxiety and insecurity…self-protection … minimising (of) vulnerability … withholding information and…pretence or even deception to protect their interests’ (Tschannen-Moran & Hoy, 2000, p. 550).

Identity, so important in the lives of teachers, is not, then, something which is fixed or static. It is an amalgam of personal biography, culture, social influence and institutional values which may change according to role and circumstance. It is often, ‘less stable, less convergent and less coherent than is often implied in the research literature’ (MacLure, 1993, p. 320). Yet sustaining a positive sense of identity to subject, relationships and roles is important to maintaining motivation, self-esteem or self efficacy, job satisfaction, and commitment to teaching; and although research shows consistently that identity is affected, positively and negatively, by classroom experiences, organisational culture and situation specific events which may threaten existing norms and practices (Nias, 1989; Kelchtermans, 1993; Flores, 2002), successive reform implementation strategies have failed to address its key role in effective teaching. Reform which addresses key issues of professional identity, commitment and change is more likely to meet the standards raising recruitment and retention agendas more efficiently and more effectively than current efforts which, though well intentioned, appear from empirical data to be failing to connect with the long term learning and achievement needs of teachers and students.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถ้าต้องการจะรักษา หรือปรับปรุงในการเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นและความต้องการหลากหลายเสียคุณภาพการศึกษาให้แก่นักเรียน ครูต้องช่วยกระตือรือร้นของพวกเขา และรหัสกับการทำงานซึ่งต้องลงทุนมากในตัวขององค์ความรู้ และอารมณ์ (Friedson (2000a) และวัน (2000b); Louis, 1998) ความมุ่งมั่นของครูพบเป็น predictor สำคัญของครูทำงาน ขาด เก็บข้อมูล เบ้า และหมุนเวียน รวมทั้งมีอิทธิพลสำคัญกับแรงจูงใจของนักเรียน ความสำเร็จ ทัศนคติต่อการเรียนรู้ และการที่โรงเรียน (ไฟร์ส 1996 เกรแฮม 1996 Louis, 1998 จุ่ยและเฉิง 1999) ผลการตรวจสอบใหม่ ตรวจสอบ และความรับผิดชอบสาธารณะ ระบบ นอกเหนือจากแรงเพิ่มงานเพิ่มงานราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวาระการประชุม performativity ปฏิรูปมีเลื่อนของความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอน และช่องโหว่สำหรับครู (ลูก 2001, p. 7) Kelchtermans (1996) ศึกษาเรื่องราวในอาชีพของครูประถมประสบการณ์สิบเปิดเผยรูปแบบการเกิดซ้ำสอง: ความมั่นคงในงาน: ต้องการที่จะรักษาสถานะเดิม มีความทะเยอทะยาน นำไปสู่ความพึงพอใจ และช่องโหว่การวิจารณญาณของเพื่อนร่วมงาน ครูใหญ่ และนอกประตูโรงเรียน เช่นผู้ปกครอง ผู้ตรวจสอบ รายงานสื่อที่อาจอยู่บนความสำเร็จนักเรียนสามารถวัด เป็นช่องโหว่เพิ่มขึ้น เพื่อให้พวกเขาแนวโน้มดุษณีและอนุรักษนิยมในการสอน น่าแปลกใจ อย่างไรก็ ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิรูปภายนอก ความมุ่งมั่นของครู รหัสประจำตัว สภาพแวดล้อมในการทำงาน และคุณภาพและประสิทธิภาพของงานจะขาดจากนโยบายของผู้ที่เชื่อว่า เป็นไปได้ที่จะคัดท้ายกิจกรรมประจำวันในห้องเรียนที่ศูนย์ ไม่มีการวิจัยเรื่องผลกระทบสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนวิธีครูตี สร้าง และดำเนินงานชัดเจน ความมุ่งมั่นของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น ข้อกำหนดในการดำเนินงานเปลี่ยนอาชีพต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับครูและข้อมูลเฉพาะของแต่ละอารมณ์ และปัญญาเนื่องจากยกเว้นเหล่านี้ระบุ ปฏิรูปไม่น่าจะประสบความสำเร็จในระยะยาว นี้แนะนำให้สร้างความเป็นมืออาชีพผ่านบทสนทนาอย่างยั่งยืน สำคัญ ซึ่งกันและกัน และความเชื่อถือ ในทบทวนวรรณกรรมเชิงทฤษฎี และเชิงประจักษ์ไว้ด้วยสี่ทศวรรษสหสาขาวิชาชีพ Tschannen ตี้โมแรนและหอย (2000) เน้นความต้องการความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาพบว่าความน่าเชื่อถือ:•วิธีการลดความไม่แน่นอนในสถานการณ์เอกราช•จำเป็นสำหรับความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและการสื่อสาร•รากฐานของความสัมพันธ์ที่เหนียว และมีประสิทธิภาพ•'น้ำมัน' ที่ใส่จารบีทางสำหรับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเมื่อคนมีความมั่นใจในการทำงานของผู้อื่นและกระทำ (p. 549);•วิธีการลดความซับซ้อนของธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และประหยัดกว่าวิธีอื่นการจัดการองค์กรชีวิตในทางกลับกัน ความหวาดระแวง, ' กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลและความไม่มั่นคง...ตนเองป้องกัน...ลด(ช่องโหว่...ของ) หักณที่จ่าย and...pretence ข้อมูลหรือแม้แต่การหลอกลวงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน (Tschannen-ตี้โมแรนและหอย 2000, p. 550)ตัวตน สิ่งสำคัญในชีวิตของครู ไม่ได้ แล้ว สิ่งที่จะคงที่ หรือคง อมัลกัมของประวัติส่วนตัว วัฒนธรรม อิทธิพลทางสังคม และค่านิยมสถาบันซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงตามบทบาทและสถานการณ์ได้ ก็มักจะ 'มีเสถียรภาพน้อย น้อยในองค์กร และสอดคล้องน้อยกว่ามักจะเป็นนัยในวรรณกรรมวิจัย' (MacLure, 1993, p. 320) ยัง สนับสนุนความรู้สึกบวกของข้อมูลเฉพาะเรื่อง ความสัมพันธ์ และบทบาทสำคัญในการรักษาแรงจูงใจ ความนับถือตนเอง หรือตนเองประสิทธิภาพ ความพึงพอใจในงาน และการสอน และแม้ ว่างานวิจัยอย่างต่อเนื่องว่า ตนได้รับผลกระทบ บวก และ ลบ ประสบการณ์ห้องเรียน วัฒนธรรมองค์กร และสถานการณ์เฉพาะเหตุการณ์ซึ่งอาจคุกคามอยู่บรรทัดฐานและแนวทางปฏิบัติ (Nias, 1989 Kelchtermans, 1993 ฟลอเรส 2002) กลยุทธ์การดำเนินการปฏิรูปต่อเนื่องไม่สามารถบทบาทสำคัญในการสอนมีประสิทธิภาพ ปฏิรูปที่เน้นปัญหาที่สำคัญของตนมืออาชีพ ความมุ่งมั่น และเปลี่ยนแปลง มักขึ้นตามมาตรฐานการเพิ่มวาระการประชุมสรรหาและเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าความพยายามในปัจจุบันซึ่ง ว่าเจตนาดี ปรากฏจากข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อจะล้มเหลวในการเชื่อมต่อกับระยะยาวการเรียนรู้และบรรลุความต้องการของครูและนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หากคุณภาพของการศึกษาให้กับนักเรียนที่จะได้รับการรักษาหรือปรับปรุงในการเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นและความต้องการจากความหลากหลายของผู้มีส่วนได้เสียครูจะต้องได้รับความช่วยเหลือในการสนับสนุนความกระตือรือร้นของพวกเขาสำหรับและบัตรประจำตัวกับการทำงานของพวกเขาซึ่งความต้องการลงทุนมาก ตัวการคิดและอารมณ์ของพวกเขา (Friedson (2000A) และวัน (2000b); หลุยส์, 1998) ความมุ่งมั่นของครูที่ได้รับพบว่าเป็นปัจจัยบ่งชี้ที่สำคัญของครูการปฏิบัติงานขาดการเก็บรักษาความเหนื่อยหน่ายและผลประกอบการเช่นเดียวกับที่มีอิทธิพลสำคัญในนักเรียนแรงจูงใจความสำเร็จทัศนคติต่อการเรียนรู้และเป็นที่โรงเรียน (ไฟร์สโตน 1996; เกรแฮม 1996 หลุยส์ 1998; & Tsui Cheng, 1999) เป็นผลมาจากการตรวจสอบการตรวจสอบและความรับผิดชอบของประชาชนระบบใหม่ที่นอกเหนือไปจากแรงที่เพิ่มขึ้นของการทำงานที่ผ่านเพิ่มงานราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวาระการประชุม Performativity ปฏิรูปมีการส่งเสริมองศาสูงของความไม่แน่นอน, ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงสำหรับครูผู้สอน (Ball 2001 พี. 7) Kelchtermans (1996) การศึกษาในเรื่องอาชีพที่มีประสบการณ์ในสิบของครูโรงเรียนประถมศึกษาเผยให้เห็นสองรูปแบบที่เกิดขึ้น: ความมั่นคงในการทำงาน: ความต้องการที่จะรักษาสถานะเดิมที่มีความใฝ่ฝันที่ประสบความสำเร็จจะนำไปสู่ความพึงพอใจ; และเสี่ยงต่อการตัดสินของเพื่อนร่วมงาน, ครูใหญ่และผู้ที่อยู่นอกประตูโรงเรียนพ่อแม่เช่นผู้ตรวจรายงานของสื่อที่อาจจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของนักเรียนที่วัด ในฐานะที่เป็นช่องโหว่ที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้พวกเขามีแนวโน้มที่มีต่อการอนุรักษ์และดิ้นรนในการเรียนการสอน ที่น่าแปลกใจ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิรูปภายนอกความมุ่งมั่นของครูตัวตนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาทำงานและคุณภาพและประสิทธิภาพของการทำงานของพวกเขาจะหายไปจากนโยบายของผู้ที่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ที่จะคัดท้ายกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ในชั้นเรียนจากศูนย์ ไม่ได้มันเป็นเรื่องของการวิจัยอย่างกว้างขวาง. ความหมายสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนวิธีการตีความครูผู้สร้างและดำเนินการงานของพวกเขามีความชัดเจน ความมุ่งมั่นของประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น การเปลี่ยนคำจำกัดความของการดำเนินงานของมืออาชีพต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับครูและตัวตนอารมณ์และทางปัญญาของแต่ละคนเพราะถ้าเหล่านี้มีการระบุการปฏิรูปไม่น่าจะประสบความสำเร็จในระยะยาว นี้แสดงให้เห็นการสร้างความเป็นมืออาชีพอย่างยั่งยืนผ่านบทสนทนาที่สำคัญความไว้วางใจและเคารพซึ่งกันและกัน ในการทบทวนสหสาขาวิชาชีพของวรรณกรรมเชิงทฤษฎีและเชิงประจักษ์กับความไว้วางใจที่ทอดสี่ทศวรรษที่ผ่าน Tschannen-และโมแรนเฮ้ย (2000) เน้นถึงความจำเป็นที่จะให้ความสนใจที่จะไว้วางใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาพบว่าความไว้วางใจที่เป็น: • วิธีการลดความไม่แน่นอนในสถานการณ์ของความเป็นอิสระ; • สิ่งที่จำเป็นสำหรับความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและการสื่อสาร• รากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่เหนียวและมีประสิทธิผล; • น้ำมันหล่อลื่น 'อัดจาระบีทางสำหรับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเมื่อคนมีความเชื่อมั่นใน การทำงานของคนอื่น ๆ และการกระทำ (P 549.); • วิธีการลดความซับซ้อนของการทำธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนมากขึ้นอย่างรวดเร็วและประหยัดกว่าวิธีการอื่น ๆ ในการจัดการชีวิตขององค์กร. ตรงกันข้ามไม่ไว้วางใจ 'กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของความวิตกกังวลและความไม่มั่นคง ... ป้องกันตัวเอง ... การลด (จาก) ช่องโหว่ ... หัก ณ ที่จ่ายข้อมูลและ ... ข้ออ้างหรือแม้กระทั่งการหลอกลวงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา (Tschannen-โมแรน & เฮ้ย, 2000, น. 550). เอกลักษณ์ให้ความสำคัญในชีวิตของครูไม่ได้แล้วอะไรบางอย่างที่ ได้รับการแก้ไขหรือคง มันเป็นมัลกัมของประวัติส่วนบุคคล, วัฒนธรรม, มีอิทธิพลต่อสังคมและค่านิยมสถาบันซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามบทบาทและสภาพแวดล้อม มันมักจะเป็น "มีเสถียรภาพน้อยบรรจบกันน้อยลงและเชื่อมโยงกันน้อยกว่ามักจะบอกเป็นนัย ๆ ในวรรณคดีวิจัย (Maclure 1993, น. 320) แต่ความรู้สึกที่ยั่งยืนในเชิงบวกของตัวตนกับเรื่องความสัมพันธ์และบทบาทเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษาแรงจูงใจภาคภูมิใจในตนเองหรือรับรู้ความสามารถของตนเองพึงพอใจในงานและความมุ่งมั่นในการเรียนการสอน และถึงแม้ว่าการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องเป็นตัวตนที่ได้รับผลกระทบในเชิงบวกและเชิงลบจากประสบการณ์ในห้องเรียนวัฒนธรรมองค์กรและสถานการณ์เหตุการณ์เฉพาะซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อบรรทัดฐานที่มีอยู่และการปฏิบัติ (Nias 1989; Kelchtermans 1993; ฟลอเรส, 2002) การปฏิรูปต่อเนื่องกลยุทธ์การดำเนินงานมี ล้มเหลวที่จะอยู่บทบาทสำคัญในการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ การปฏิรูปที่อยู่ที่ประเด็นสำคัญของตัวตนของมืออาชีพ, ความมุ่งมั่นและการเปลี่ยนแปลงมีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามมาตรฐานการเพิ่มการรับสมัครและการเก็บรักษาวาระการประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าความพยายามในปัจจุบันที่แม้เจตนาดีปรากฏจากข้อมูลเชิงประจักษ์ที่จะล้มเหลวในการเชื่อมต่อกับยาว การเรียนรู้และความสำเร็จในระยะความต้องการของครูและนักเรียน