quo is maintained. That is, no clea

quo is maintained. That is, no clear nuclear dependency policy is in
place, and the tentative power use at the date of the survey (February
2013) is accepted.
Theoretically, in the forced choice scenario, the respondents must
choose one from conflictive alternatives, hence the preference should
change by resolution of cognitive dissonance. On the other hand, in
the non-forced choice scenario, the respondents can postpone decision-
making, hence the preference does not change by resolution of
cognitive dissonance. Therefore, the different preferences should be observed
in both scenarios (perhaps a more nuclear-oriented preference
in the forced-choice scenario).
Thus, the current study aims to demonstrate that the trade-off problem
in energy selection can be analyzed according to two different theoretical
traditions, namely, the theories of cognitive dissonance and
forced/non-forced choice. The former predicts that consumers suffer
from cognitive dissonance when they are forced to make a choice; the
latter predicts that the consumer surplus improves when they are
allowed not to make a choice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เดิมไว้ ที่ ไม่พึ่งพานิวเคลียร์ล้างนโยบายที่ในสถานที่ และการใช้พลังงานเบื้องต้น ณวันสำรวจ (กุมภาพันธ์2013) เป็นที่ยอมรับในทางทฤษฎี ในสถานการณ์บังคับเลือก ผู้ตอบต้องเลือกหนึ่งจากทางเลือก conflictive ดังนั้น ควรกำหนดค่าเปลี่ยนจากผลลัพธ์ทางเสียงที่ไม่ประสาน บนมืออื่น ๆ ในสถานการณ์บังคับไม่ใช่ทางเลือก ผู้ตอบสามารถเลื่อนการตัดสินใจการ ดังนั้นค่าไม่เปลี่ยนแปลงจากผลลัพธ์ทางเสียงที่ไม่ประสานกัน ดังนั้น สังเกตลักษณะแตกต่างกันในทั้งสองสถานการณ์ (อาจจะมากกว่านิวเคลียร์มุ่งเน้นกำหนดลักษณะในสถานการณ์ที่ถูกบังคับเลือก)ดังนั้น ปัจจุบันศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าปัญหาการปิดพลังงาน ตัวเลือกสามารถวิเคราะห์ตามแตกต่างกันสองทฤษฎีประเพณี คือ ทฤษฎีของผลลัพธ์ทางเสียงที่ไม่ประสาน และบังคับ/ไม่บังคับเลือก เดิมคาดว่า ผู้บริโภคได้รับจากผลลัพธ์ทางเสียงที่ไม่ประสานเมื่อพวกเขาถูกบังคับให้เลือก การหลังคาดว่า ส่วนเกินผู้บริโภคดีขึ้นเมื่อพวกเขาสามารถที่ไม่เลือก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เดิมจะยังคงอยู่ นั่นคือไม่มีนโยบายการพึ่งพานิวเคลียร์ที่ชัดเจนอยู่ใน
สถานที่และการใช้พลังงานเบื้องต้น ณ วันที่ของการสำรวจ (กุมภาพันธ์
2013) เป็นที่ยอมรับ.
ในทางทฤษฎีในสถานการณ์ทางเลือกที่บังคับให้ผู้ตอบแบบสอบถามจะต้อง
เลือกหนึ่งจากทางเลือก conflictive เพราะฉะนั้นการตั้งค่า ควร
เปลี่ยนตามมติประสานองค์ ในทางตรงกันข้ามใน
สถานการณ์ทางเลือกที่ไม่บังคับผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเลื่อนตัดสินใจ
ทำเพราะฉะนั้นการตั้งค่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตามมติ
ประสานองค์ ดังนั้นการตั้งค่าที่แตกต่างกันควรจะสังเกต
ในสถานการณ์ทั้งสอง (บางทีความชอบนิวเคลียร์ที่มุ่งเน้นมากขึ้น
ในสถานการณ์บังคับเลือก).
ดังนั้นการศึกษาในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าปัญหาการปิด
ในการเลือกพลังงานที่สามารถวิเคราะห์ได้ตามสอง ทฤษฎีที่แตกต่างกัน
ประเพณีคือทฤษฎีการประสานองค์และ
บังคับ / ไม่แสวงหาผลบังคับทางเลือก อดีตคาดการณ์ว่าผู้บริโภคต้องทนทุกข์ทรมาน
จากการประสานองค์เมื่อพวกเขาถูกบังคับให้เลือก;
หลังคาดการณ์ว่าส่วนเกินผู้บริโภคที่ดีขึ้นเมื่อพวกเขาจะ
ได้รับอนุญาตที่จะไม่ให้ทางเลือก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เดิมเป็นรักษา นั่นคือ ยังไม่มีความชัดเจนในนโยบาย คือ การพึ่งพานิวเคลียร์สถานที่และแน่นอนพลังงานใช้ในวันสำรวจ ( กุมภาพันธ์2013 ) เป็นที่ยอมรับในทางทฤษฎี ในสถานการณ์บังคับเลือกกลุ่มตัวอย่าง ต้องเลือกหนึ่งจากทางเลือก conflictive ดังนั้นการตั้งค่าควรเปลี่ยนความละเอียดของความไม่สอดคล้องกัน . บนมืออื่น ๆ ในไม่บังคับสถานการณ์ทางเลือก โดยสามารถเลื่อนการตัดสินใจทำให้ ดังนั้นความชอบไม่เปลี่ยนแปลง โดยความละเอียดของความไม่สอดคล้องกัน . ดังนั้น ควรสังเกตลักษณะต่าง ๆในทั้งสองสถานการณ์ ( บางทีความชอบมากกว่าเชิงนิวเคลียร์ในสถานการณ์ที่บังคับให้เลือก )ดังนั้น การศึกษาปัจจุบันมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า การแลกเปลี่ยนปัญหาในการเลือกใช้พลังงานได้วิเคราะห์ตามทฤษฎีที่แตกต่างกันสองประเพณี คือ ทฤษฎีของความไม่สอดคล้องกันและบังคับ / ไม่บังคับเลือก อดีตคาดการณ์ว่าผู้บริโภคประสบจากความไม่สอดคล้องกันเมื่อพวกเขาถูกบังคับให้เลือก ;หลังคาดการณ์ว่าส่วนเกินของผู้บริโภคดีขึ้น เมื่อ พวก เขาไม่อนุญาตให้เลือก