Prior work on cash reserves in the

Prior work on cash reserves in the U.S. provides mixed evidence on whether shareholders should be concerned about large reserves. For example, Opler et al. (1999) find that the transitional probabilities out of the high cash group were slow, suggesting that managers hold cash as part of a precautionary motive. Similarly, Mikkelson and Partch (2003) find that persistent extreme cash holdings do not lead to poor performance and do not represent conflicts of interests between managers and shareholders, evidence consistent with cash reserves enhancing firm value. Alternatively, Harford (1999) suggests that there is reason for shareholders to be concerned about managers’ stewardship of large pools of internal funds. He shows that cash-rich firms are more likely to make acquisitions and their acquisitions are more likely to be value-decreasing. More broadly, Dittmar and Mahrt-Smith (2006) document that shareholders assign a lower value to an additional dollar of cash reserves when agency problems are likely to be greater at the firm.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งานก่อนเงินสดสำรองในสหรัฐอเมริกามีหลักฐานผสมบนว่าผู้ถือหุ้นควรจะกังวลสำรองขนาดใหญ่ ตัวอย่าง Opler et al. (1999) พบว่า กิจกรรมอีกรายการจากกลุ่มเงินสดสูงขึ้นช้า แนะนำว่า ผู้จัดการถือเงินสดเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจที่บริษัทฯ ในทำนองเดียวกัน Mikkelson และ Partch (2003) ค้นหาว่า ถือเงินสดมากแบบไม่ทำให้ประสิทธิภาพต่ำ และแสดงความขัดแย้งของผลประโยชน์ระหว่างผู้จัดการและผู้ถือหุ้น หลักฐานสอดคล้องกับเงินสดสำรองเพิ่มมูลค่าของบริษัท หรือ Harford (1999) แนะนำว่า มีเหตุผลที่ผู้ถือหุ้นมีความกังวลเกี่ยวกับการกำกับดูแลของผู้จัดการของสระน้ำขนาดใหญ่ของกองทุนภายใน เขาแสดงว่า บริษัทรวยเงินสดมีแนวโน้มที่ต้องการซื้อ และซื้อของพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีการค่าลดลงเรื่อย ๆ อย่างกว้างขวางขึ้น Dittmar และ Mahrt-สมิธ (2006) เอกสารที่ผู้ถือหุ้นกำหนดค่าต่ำให้ดอลลาร์เพิ่มเติมเป็นเงินสดสำรองเมื่อปัญหาหน่วยงานมีแนวโน้มจะมากกว่าที่บริษัท

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การทำงานก่อนที่เงินสดสำรองในสหรัฐมีหลักฐานผสมกับว่าผู้ถือหุ้นควรจะกังวลเกี่ยวกับเงินสำรองขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น Opler และคณะ (1999) พบว่าน่าจะเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มเงินสดสูงได้ช้าบอกว่าผู้จัดการถือเงินสดเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจข้อควรระวัง ในทำนองเดียวกัน Mikkelson และ Partch (2003) พบว่าเงินสดมากถาวรถือครองไม่นำไปสู่​​การปฏิบัติที่ไม่ดีและไม่ได้เป็นตัวแทนความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างผู้บริหารและผู้ถือหุ้นหลักฐานสอดคล้องกับเงินสดสำรองเพิ่มมูลค่าของ บริษัท หรือฮาร์ฟ (1999) แสดงให้เห็นว่ามีเหตุผลให้ผู้ถือหุ้นจะกังวลเกี่ยวกับการพิทักษ์ผู้จัดการของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของเงินทุนภายใน เขาแสดงให้เห็นว่า บริษัท มีเงินสดที่อุดมไปด้วยมีแนวโน้มที่จะทำให้การเข้าซื้อกิจการและการเข้าซื้อกิจการของพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าลดลง มากขึ้นในวงกว้างและ Dittmar Mahrt สมิ ธ (2006) เอกสารที่ผู้ถือหุ้นกำหนดค่าที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของเงินดอลลาร์เงินสดสำรองเมื่อมีปัญหาหน่วยงานมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นที่ บริษัท

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำงานก่อนในเงินสดสำรองในสหรัฐอเมริกามีหลักฐานผสมบนว่าผู้ถือหุ้นควรกังวลสำรองขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น opler et al . ( 2542 ) พบว่า การเปลี่ยนสถานะจากกลุ่มเงินสดสูงเป็นช้า แนะนำว่าผู้จัดการถือเงินสดเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจในการป้องกัน ในทํานองเดียวกันและ mikkelson partch ( 2546 ) พบว่า ดื้อมากเงินสดและไม่นำไปสู่การปฏิบัติที่ไม่ดีและไม่ได้เป็นตัวแทนของความขัดแย้งของผลประโยชน์ระหว่างผู้บริหารและผู้ถือหุ้น หลักฐานที่สอดคล้องกับเงินสดสำรองเพิ่มมูลค่าของบริษัท อีกวิธีหนึ่งคือ ฮาร์ฟอร์ด ( 1999 ) เห็นว่ามีเหตุผล เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลของผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่สระว่ายน้ำภายในเขาแสดงให้เห็นว่า บริษัท รวยเงินสด มีแนวโน้มที่จะทำให้การซื้อกิจการของพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีค่าลดลง เพิ่มเติมในวงกว้าง และ dittmar mahrt สมิธ ( 2006 ) เอกสารที่ผู้ถือหุ้นกำหนดมูลค่าเป็นดอลลาร์ ลดเพิ่มเงินสดสำรองเมื่อเกิดปัญหาหน่วยงานมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นในบริษัท