How does acid precipitation affect

How does acid precipitation affect marble and limestone buildings?
Acid precipitation affects stone primarily in two ways: dissolution and alteration. When sulfurous, sulfuric, and nitric acids in polluted air react with the calcite in marble and limestone, the calcite dissolves. In exposed areas of buildings and statues, we see roughened surfaces, removal of material, and loss of carved details. Stone surface material may be lost all over or only in spots that are more reactive.
You might expect that sheltered areas of stone buildings and monuments would not be affected by acid precipitation. However, sheltered areas on limestone and marble buildings and monuments show blackened crusts that have spalled (peeled) off in some places, revealing crumbling stone beneath. This black crust is primarily composed of gypsum, a mineral that forms from the reaction between calcite, water, and sulfuric acid. Gypsum is soluble in water; although it can form anywhere on carbonate stone surfaces that are exposed to sulfur dioxide gas (SO2), it is usually washed away. It remains only on protected surfaces that are not directly washed by the rain. Gypsum is white, but the crystals form networks that trap particles of dirt and pollutants, so the crust looks black. Eventually the black crusts blister and spall off, revealing crumbling stone.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการเกิดฝนกรดอาคารหินอ่อนและหินปูน?
เร่งรัดกรดหินส่งผลกระทบต่อส่วนใหญ่ในสองวิธีการสลายตัวและการเปลี่ยนแปลง เมื่อกำมะถัน, ซัลฟูริกและกรดไนตริกในมลพิษทางอากาศทำปฏิกิริยากับแคลเซียมคาร์บอเนตในหินอ่อนและหินปูนละลายแคลเซียมคาร์บอเนต ในพื้นที่โล่งของอาคารและรูปปั้นเราจะเห็นพื้นผิวหยาบกำจัดของวัสดุและการสูญเสียรายละเอียดการแกะสลัก วัสดุพื้นผิวหินอาจจะสูญหายไปทั่วหรือเฉพาะในจุดที่มีปฏิกิริยามากขึ้น.
คุณอาจคาดหวังว่าพื้นที่ที่กำบังของอาคารหินและอนุสาวรีย์จะไม่ได้รับผลกระทบโดยการตกตะกอนของกรด อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่กำบังในหินปูนและอาคารหินอ่อนและอนุเสาวรีย์แสดงเปลือกสีดำที่ได้ spalled (ปอกเปลือก) ปิดในบางสถานที่เผยให้เห็นบี้หินใต้ นี้เปลือกสีดำประกอบด้วยหลักของยิปซั่มแร่ธาตุที่มีรูปแบบจากปฏิกิริยาระหว่างแคลไซต์น้ำและกรดกำมะถัน ยิปซั่มละลายได้ในน้ำ แม้ว่ามันจะสามารถสร้างได้ทุกที่บนพื้นผิวหินคาร์บอเนตที่มีการสัมผัสกับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ก็จะถูกชะล้างออกไปมักจะ มันยังคงอยู่เพียงบนพื้นผิวที่มีการป้องกันที่ไม่ได้ล้างโดยตรงจากสายฝน ยิปซั่มเป็นสีขาว แต่ผลึกรูปแบบเครือข่ายที่ดักอนุภาคของสิ่งสกปรกและมลพิษเพื่อให้เปลือกที่มีลักษณะสีดำ ในที่สุดตุ่มเปลือกสีดำและสปอลล์ออกเผยให้เห็นบี้หิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แล้วตกตะกอนกรดมีผลต่ออาคารหินอ่อนและหินปูน ?
ตกตะกอนกรดมีผลต่อหินหลักสองวิธี : การเปลี่ยนแปลงและการสลายตัว เมื่อซัลฟูรัส กรดซัลฟูริก และกรดไนตริก , กรดในอากาศเสียทำปฏิกิริยากับแร่แคลไซต์ในหินอ่อนและหินปูน , แคลไซต์ละลาย ในพื้นที่สัมผัสของตึกและรูปปั้น เราเห็น roughened พื้นผิว , การกำจัดของวัสดุและการสูญเสียของแกะสลักรายละเอียดวัสดุพื้นผิวหินอาจจะสูญหายทั้งหมดหรือเฉพาะจุดที่เป็นมากขึ้นปฏิกิริยา .
คุณอาจคาดหวังว่าพื้นที่ซุ้มของอาคารหิน และอนุสาวรีย์ จะไม่ได้รับผลกระทบโดยการตกตะกอนด้วยกรด อย่างไรก็ตาม พื้นที่ซุ้มบนหินปูนและหินอ่อนอาคารและอนุสาวรีย์แสดงเปลือกสีดำที่ spalled ( ปอกเปลือก ) ปิดในบางสถานที่ เปิดเผย ละลายหินเบื้องล่างคราบดำนี้เป็นหลัก ประกอบด้วย ยิปซัม เป็นแร่ที่รูปแบบจากปฏิกิริยาระหว่างแคลไซต์ , น้ำ , กรดกำมะถัน ยิปซัมเป็นละลายในน้ำ แต่มันสามารถสร้างที่ใดก็ได้บนหินคาร์บอเนตพื้นผิวที่มีการสัมผัสกับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ( SO2 ) ก็มักจะถูกชะล้างออกไป มันยังคงเป็นเพียงการป้องกันพื้นผิวที่ไม่ตรงซักโดยฝน ยิปซัม เป็นสีขาวแต่ผลึกรูปแบบเครือข่ายที่ดักจับอนุภาคมลพิษสิ่งสกปรกและเพื่อให้เปลือกมีลักษณะสีดำ ในที่สุดขอบดำตุ่ม และเศษออก เผยให้เห็นบี้ศิลา