The current study examined sociodem

The current study examined sociodemographic and health-related predictors of the use of three forms of social media in an effort to better understand who is accessing and being reached through these emerging communication channels. The results showed that these three forms of social media have distinctly different use patterns and user characteristics, hence different health communication implications. Among the three forms of social media considered in this study, social networking sites by far attract the most users, making them an obvious target for maximizing the reach and impact of health communication and eHealth interventions. Furthermore, with increasing prevalence of personal wireless devices, communication scientists unanimously anticipate the popularity of social networking applications to continue to grow worldwide [2,25-27]. Compared to social networking sites, a much smaller percentage of Internet users reported writing in a blog, suggesting a lower prevalence of blogging. However, reading and commenting on a blog may have been a more reliable measure of blogosphere penetration due to its lower intensity than actively keeping a blog. Moreover, the blogosphere presents a tremendous opportunity for health communication. Particularly so, because bloggers have been observed to act as important communication stakeholders—not only are they information disseminators, but they play a crucial role in directing Internet traffic through opinions and hyperlinks [28].
Online support group participation was the only survey item included in the present study that was assessed throughout the three iterations of HINTS, and the weighted prevalence estimates suggest a minor increase: in 2003 and 2005, 3.9% of Internet users had participated in online support groups compared to 4.6% in 2007. User characteristics of support groups differed from blogging and social networking site participation, suggesting that online support group participation is driven by health status. This disease-focused medium may be gradually replaced by more interactive, patient-directed social networking sites and blogs, such as CaringBridge and Patientslikeme. These forms of social media have the potential to serve the social support and empowerment functions previously identified for online support groups [29].
Apart from the patterns described above, the results of the study underscore the extent to which age determines who among US adult Internet users are engaging with social media. In this nationally representative sample, age emerged as the single strongest predictor of both social networking and blogging. In light of these findings, it seems reasonable to conclude that health communication efforts utilizing social media will have the broadest reach and impact when the target population is the younger generation. The relatively low penetration in the older population of 55 and older suggests that it is not yet an opportune time to utilize social media in communication with this age group. While this is true currently, we predict a continuing increase in utilization across all generations and groups in the next few years, and it remains a key health communication priority to continue tracking the sociodemographic trends of social media use to be sure that health communicators leverage these dissemination channels most effectively. Finally, for cancer communication efforts, this study found a high prevalence of Internet and social media use among individuals with family members who have/had cancer (see Table 1 and Table 2), suggesting the potential effectiveness of social media cancer communication efforts targeting “secondary audiences,” that is, caregivers, family, and friends of cancer patients.
A key finding of this study offers new and important implications for health communication in this digital age: among Internet users, social media are found to penetrate the population regardless of education, race/ethnicity, or health care access. In particular, the multivariate analyses showed that having access to a regular health care provider did not predict social media use, suggesting that its significance in the bivariate analyses was primarily due to the effect of age. Specifically, younger individuals are less likely to have a regular health care provider. Considering implications of health communication efforts, the results of this study suggest that in the future, social media promise to be a way to reach the target population regardless of socioeconomic and health-related characteristics. If we can enable broader and more equitable Internet access (eg, increasing broadband access or wireless mobile access), thus reducing the digital divide, the potential for impacting the health and health behavior of the general US population through social media is tremendous. Furthermore, the results showed social networking sites are being utilized by African Americans at a higher rate than by non-Hispanic whites. Given the continuing incr

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาปัจจุบันตรวจ sociodemographic และทำนายสุขภาพของการใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้สามรูปแบบในความพยายามที่จะเข้าใจที่จะเข้าถึง และการเข้าถึงผ่านเหล่านี้เกิดใหม่ช่องทางสื่อสาร ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า เหล่านี้สามรูปแบบของสื่อสังคมออนไลน์มีแตกใช้และผู้ใช้ลักษณะ สุขภาพแตกต่างกันดังนั้นการสื่อสารผลกระทบ ในสามรูปแบบของสังคมในการศึกษานี้ เครือข่ายสังคมโดยดึงดูดผู้ใช้มากที่สุด ทำให้พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนให้สูงสุดในการเข้าถึงและผลกระทบของการสื่อสารสุขภาพและการแทรกแซง eHealth นอกจากนี้ ด้วยการเพิ่มส่วนของอุปกรณ์ไร้สายส่วนบุคคล นักวิทยาศาสตร์การสื่อสารมีมติเป็นเอกฉันท์คาดความนิยมของการใช้งานเครือข่ายสังคมเพื่อการเติบโตทั่วโลก [2,25-27] เมื่อเทียบกับเครือข่ายสังคม มากมีขนาดเล็กเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายงานเขียนในบล็อก ส่วนล่างของบล็อกที่แนะนำ อย่างไรก็ตาม การอ่าน และแสดงความคิดเห็นในบล็อกอาจได้เจาะปีเนื่องจากความเข้มต่ำกว่ากำลังรักษาบล็อกวัดเชื่อถือได้ นอกจากนี้ ปีแสดงโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับการสื่อสารสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อ บล็อกเกอร์ได้รับการปฏิบัติเป็นสำคัญสารเสีย — ไม่เพียงแต่มีข้อมูล disseminators แต่มีบทบาทสำคัญในการจัดสรรปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านความคิดเห็นและการเชื่อมโยงหลายมิติ [28]เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์สนับสนุนเป็นสินค้าสำรวจเท่านั้นที่รวมอยู่ในการศึกษาที่รับการประเมินตลอดซ้ำสามข้อแนะนำ และชุกถ่วงน้ำหนักประเมินแนะนำเพิ่มเล็กน้อย: ใน 2003 และ 2005, 3.9% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีส่วนร่วมในกลุ่มสนับสนุนออนไลน์เทียบกับ 4.6% ใน 2007 ผู้ใช้ลักษณะของกลุ่มสนับสนุนที่แตกต่างจากบล็อกและสังคมเครือข่ายเว็บไซต์มีส่วนร่วม การแนะนำว่า การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนออนไลน์ขับเคลื่อน โดยสถานะสุขภาพ สื่อเน้นโรคนี้อาจจะถูกแทน ด้วยการโต้ตอบมากขึ้น ผู้ป่วยนำเครือข่ายสังคมออนไลน์และบล็อก เช่น CaringBridge และ Patientslikeme ค่อย ๆ แบบฟอร์มเหล่านี้ของสังคมมีศักยภาพในการสนับสนุนทางสังคมและอำนาจหน้าที่ที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับกลุ่มสนับสนุนออนไลน์ [29]นอกจากรูปแบบที่อธิบายข้างต้น ผลของการศึกษาเน้นขอบเขตที่กำหนดอายุที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสำหรับผู้ใหญ่มีส่วนร่วมกับสังคมในหมู่พวกเรา ในตัวอย่างนี้ตัวแทนทั่วประเทศ อายุกลายเป็น predictor ที่เดียวของสื่อสังคมออนไลน์และบล็อก ในแง่ผลการวิจัยเหล่านี้ มันดูเหมือนจะสรุปสุขภาพความพยายามสื่อสารโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์จะมีการเข้าถึงและผลกระทบกว้างเมื่อประชากรเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ที่เหมาะสม การเจาะเกราะต่ำในประชากรอายุ 55 และเก่าแนะนำว่า มันไม่ได้เวลาที่เหมาะในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารกับกลุ่มอายุนี้ ขณะนี้เป็นจริงในปัจจุบัน เราคาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการใช้ข้ามรุ่นและกลุ่มทั้งหมดในไม่กี่ปีถัดไป และยังคง ความสำคัญสื่อสารสุขภาพสำคัญในการดำเนินการติดตามแนวโน้ม sociodemographic ของสังคมใช้เพื่อให้แน่ใจว่า สุขภาพเสนอใช้ช่องทางเหล่านี้เผยแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในที่สุด สำหรับความพยายามสื่อสารมะเร็ง การศึกษานี้พบความชุกสูงของอินเทอร์เน็ต และสังคมใช้ในบุคคลที่มีสมาชิกในครอบครัวที่มี/มีมะเร็ง (ดูตารางที่ 1 และตารางที่ 2), แนะนำประสิทธิภาพศักยภาพของความพยายามสื่อสารมะเร็งสังคมกำหนดเป้าหมาย "ผู้ชมรอง คือ ผู้ดูแล ครอบครัว และเพื่อนของผู้ป่วยมะเร็งค้นหาคีย์ของการศึกษานี้มีความเกี่ยวข้องใหม่ และสำคัญสำหรับการสื่อสารสุขภาพในยุคดิจิตอลนี้: ในหมู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต สื่อสังคมพบเจาะประชากรโดยไม่คำนึงถึงการศึกษา การแข่งขัน/เชื้อ หรือการเข้าดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิเคราะห์ตัวแปรพหุพบว่าที่มีการเข้าถึงผู้ให้บริการดูแลสุขภาพปกติไม่บ่งบอกสังคมใช้ แนะนำว่า ความสำคัญในการวิเคราะห์ bivariate เป็นหลักเนื่องจากผลกระทบของอายุ เฉพาะ โตมีน้อยมักจะมีผู้ให้บริการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ พิจารณาผลของความพยายามในการสื่อสาร ผลของการศึกษานี้แนะนำว่า ในอนาคต สังคมสัญญาว่า จะเป็นวิธีการเข้าถึงประชากรเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงลักษณะ socioeconomic และสุขภาพ ถ้าเราสามารถเปิดกว้าง และเป็นธรรมมากขึ้นอินเตอร์เน็ต (เช่น การเข้าถึงบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นหรือมือถือไร้สาย), ลด ยุคดิจิตอล ศักยภาพในการส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของประชากรสหรัฐอเมริกาทั่วไปผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ผลที่แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมถูกใช้ โดยชาวอเมริกันแอฟริกันที่อัตราสูงกว่า โดยขาวไม่ใช่ฮิสแปนิ ให้ใชอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาในปัจจุบันการตรวจสอบพยากรณ์ที่ยาวนานและสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของสามรูปแบบของสื่อทางสังคมในความพยายามที่จะเข้าใจผู้ที่จะเข้าถึงและถูกเข้าถึงได้ผ่านช่องทางการสื่อสารที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ผลการศึกษาพบว่าทั้งสามรูปแบบของสื่อทางสังคมที่มีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและลักษณะการใช้งานด้วยเหตุนี้ผลกระทบที่แตกต่างกันการสื่อสารสุขภาพ หนึ่งในสามรูปแบบของสื่อทางสังคมการพิจารณาในการศึกษาครั้งนี้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมโดยไกลดึงดูดผู้ใช้มากที่สุดที่ทำให้พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเพิ่มการเข้าถึงและผลกระทบของการสื่อสารสุขภาพและการแทรกแซง eHealth นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความชุกของอุปกรณ์ไร้สายส่วนบุคคล, นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะมีมติเป็นเอกฉันท์ในการสื่อสารความนิยมของการใช้งานเครือข่ายสังคมจะยังคงเติบโตทั่วโลก [2,25-27] เมื่อเทียบกับเว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นร้อยละขนาดเล็กมากของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในรายงานเขียนบล็อกแนะนำชุกล่างของบล็อก อย่างไรก็ตามการอ่านและแสดงความคิดเห็นในบล็อกอาจจะเป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของการเจาะ blogosphere เนื่องจากความเข้มต่ำกว่าการรักษาอย่างแข็งขันบล็อก นอกจากนี้ blogosphere นำเสนอโอกาสที่ดีมากสำหรับการสื่อสารสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะการเขียนบล็อกได้รับการปฏิบัติที่จะทำหน้าที่สื่อสารผู้มีส่วนได้เสียไม่สำคัญเพียง แต่พวกเขา disseminators ข้อมูล แต่พวกเขามีบทบาทสำคัญในการกำกับการจราจรทางอินเทอร์เน็ตผ่านทางความคิดเห็นและเชื่อมโยงหลายมิติ [28].
มีส่วนร่วมของกลุ่มสนับสนุนออนไลน์เป็นรายการเดียวที่สำรวจมีการ ในการศึกษาที่ได้รับการประเมินตลอดสามซ้ำของคำแนะนำและการประมาณการความชุกถ่วงน้ำหนักแนะนำให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย: ในปี 2003 และปี 2005 3.9% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีส่วนร่วมในการสนับสนุนกลุ่มออนไลน์เมื่อเทียบกับ 4.6% ในปี 2007 ลักษณะของผู้ใช้ กลุ่มสนับสนุนแตกต่างไปจากการเขียนบล็อกและการเข้าร่วมเว็บไซต์เครือข่ายสังคมบอกว่าการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนออนไลน์คือการขับเคลื่อนด้วยสถานะสุขภาพ กลางที่มุ่งเน้นโรคนี้อาจจะถูกแทนที่โดยค่อยๆโต้ตอบผู้ป่วยกำกับเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมมากขึ้นและบล็อกเช่น CaringBridge และ Patientslikeme รูปแบบเหล่านี้ของสื่อทางสังคมมีศักยภาพในการให้บริการทางสังคมการสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถการทำงานระบุก่อนหน้านี้สำหรับกลุ่มสนับสนุนออนไลน์ [29].
นอกเหนือจากรูปแบบที่อธิบายข้างต้นผลของการศึกษาขีดขอบเขตที่อายุกำหนดใครในหมู่พวกอินเทอร์เน็ตผู้ใหญ่สหรัฐ ผู้ใช้จะได้มีส่วนร่วมกับสื่อสังคม ในตัวอย่างที่เป็นตัวแทนในระดับประเทศนี้อายุกลายเป็นปัจจัยบ่งชี้ที่แข็งแกร่งเดียวของทั้งเครือข่ายสังคมและบล็อก ในแง่ของการค้นพบเหล่านี้ดูเหมือนว่าเหมาะสมที่จะสรุปได้ว่ามีความพยายามในการสื่อสารสุขภาพการใช้สื่อทางสังคมจะมีการเข้าถึงที่กว้างและผลกระทบเมื่อประชากรเป้าหมายคือรุ่นน้อง การรุกที่ค่อนข้างต่ำในประชากรที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไปให้เห็นว่ามันยังไม่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้สื่อทางสังคมในการสื่อสารกับกลุ่มอายุนี้ ขณะนี้เป็นจริงในปัจจุบันเราคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการใช้งานข้ามรุ่นและกลุ่มทั้งหมดในไม่กี่ปีถัดไปและมันก็ยังคงมีความสำคัญในการสื่อสารสุขภาพที่สำคัญที่จะดำเนินการติดตามแนวโน้มที่ยาวนานในการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้แน่ใจว่าการสื่อสารสุขภาพใช้ประโยชน์เหล่านี้ ช่องทางเผยแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สุดท้ายสำหรับความพยายามในการสื่อสารมะเร็งการศึกษาครั้งนี้พบว่ามีความชุกสูงของอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมการใช้งานระหว่างบุคคลกับสมาชิกในครอบครัวที่มี / เป็นมะเร็ง (ดูตารางที่ 1 และตารางที่ 2) แสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่มีศักยภาพของสื่อทางสังคมความพยายามสื่อสารมะเร็งกำหนดเป้าหมาย " ผู้ชมรอง "ที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยครอบครัวและเพื่อนของผู้ป่วยมะเร็ง.
การค้นพบที่สำคัญของการศึกษาครั้งนี้มีความหมายใหม่และมีความสำคัญสำหรับการสื่อสารด้านสุขภาพในยุคดิจิตอลนี้: ในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสื่อสังคมจะพบว่าการเจาะประชากรโดยไม่คำนึงถึง การศึกษาเชื้อชาติ / หรือการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์หลายตัวแปรแสดงให้เห็นว่ามีการเข้าถึงผู้ให้บริการดูแลสุขภาพปกติไม่ได้คาดการณ์การใช้สื่อสังคมบอกว่าความสำคัญในการวิเคราะห์ bivariate สาเหตุหลักมาจากผลกระทบของอายุ โดยเฉพาะบุคคลที่อายุน้อยกว่ามีโอกาสน้อยที่จะมีการให้บริการดูแลสุขภาพปกติ พิจารณาผลกระทบของความพยายามในการสื่อสารสุขภาพผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าในอนาคตสื่อสังคมสัญญาว่าจะเป็นวิธีที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมและสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ ถ้าเราสามารถเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตในวงกว้างและเป็นธรรมมากขึ้น (เช่นการเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือไร้สาย) ซึ่งช่วยลดการแบ่งดิจิตอลที่มีศักยภาพสำหรับผลกระทบต่อพฤติกรรมสุขภาพและสุขภาพของประชากรสหรัฐทั่วไปผ่านสื่อสังคมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผลการศึกษาพบเว็บไซต์เครือข่ายสังคมจะถูกใช้โดยชาวอเมริกันแอฟริกันในอัตราที่สูงกว่าด้วยผ้าขาวไม่ใช่ฮิสแป ได้รับ incr อย่างต่อเนื่อง