Happy day and Happy another year to

Happy day and Happy another year to everyone, every soul and every awareness in this word, It is 2016.

I have learned and experienced life in many different ways that could be similar or different from other people. However, whatever way I experienced or you have experienced we live in the same conditional world. We mostly percive what we see as a reality or true as what our experience and our intelectual ability telling us as true to ourselves. Interestingly, the truth that we belive it is may not be so true.

We believe in what society sets a pathway to guide our thinking, our plan and our action. What if we do not do , think and follow the mojority in the society? Do the mojority really belive that we are really in the right path?

I could have raised my self awareness into different level. I feel like when we understand that nothing is certain, nothing could have cause any mental suffering anymore. Understanding and experiencing uncertainty in life that evolves everyhour, day and year I look at life as watching a movie. Seeing individual goes on with daily life , there is some changes as time moving to future. How meaningful changes are to our life, our human races and our existing in this planet.

The BIG question! Why are we here?

I once listen to the Enstein documentary ” If the speed of the vehicle that we are in is the same speed as light, we will see the clock ‘s hand stops moving.” Does time really exist?

One single thought of Buddhism ” When someone could see their own past life and future life, what speed of thought(mind) of person at that time and how electrical activity in brain exhibits and how fMRI would show ( for science purpose of explanation).

If we could raise our awareness beyond what we see and what we been taught to believe and to do, we could not having too much suffering and too much fighting.

Once I read the biography of the Buddhism monk who is believed to reinvent the old school Bhuddism in Thailand , he was born 146 years ago. He was believed to attain ” Enlightenment “. One of his disciples asked him ” Your master you have found this to be the best ultimate truth that human can achieve and must achieve to eliminate all suffering and get out of wattasongsar ( the cycle of reborn in many existing dimension in the universe), why can not you share this knowledge and wisdom with the world?” I had the same doubt as the monk who asked the question when I read the book, then I realised later on that there is no way all human in this world can take it and understand it.

The master simply answered that most people in this world are too crazy and people do not have an ability to take it. It took me many years to understand his words. I thought he should have a bigger heart ( loveing compassion: metta and garoona) toward us, however I then realized that he taught many of his disciples to follow his path and many became like him. They carry on in teaching the Buddhism in the way the Gottama Buddha taught which the great master also used to teach us. Laungphu MUNN is the greatest master of the forest Thai monk.

Human life expectancy is not long enough to gain this wisdom in one life time, so being born and died are not the end of our existing in Buddhism. Whatever people choose to believe it is their choice. There are 2 groups of human in term of how they can be taught. This is categorized by the Buddha. One is a teachable and another one is unteachable. The unteachable one we have to let them be and give them a loving compassion heart and care as we could.

This planet is so beautiful and suitable for us to live, however we are so unappreciated what we have. Human desires are demolizing our home planet. Many of us have a big heart with an empty hole in it, non of any material can full fill that hole.



I wish for all of us to raise our awareness to the next level, to help supporting others to be and to do the same.

May the lord Buddha take care of every being in this planet earth.

PS: I have experienced some computer glitches , so I reposted a full content of my written post today. Enjoy reading!

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วันมีความสุขและมีความสุขอีกปีหนึ่งทุกคน ทุกชีวิต และทุกความตระหนักในคำนี้ มันเป็น 2016ผมได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์ชีวิตในหลายวิธีที่อาจคล้ายคลึง หรือแตกต่างจากคนอื่น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวิธีผมมีประสบการณ์ หรือคุณมีประสบการณ์เราอยู่ในโลกตามเงื่อนไขเดียวกัน เรา percive ส่วนใหญ่สิ่งที่เราเห็นเป็นความจริงหรือเป็นจริงตามสิ่งที่ประสบการณ์ของเรา และความสามารถของเรา intelectual บอกเราตามที่เป็นจริงกับตัวเอง เรื่องน่าสนใจ ความจริงที่เราเชื่อก็อาจไม่เป็นจริงดังนั้นเราเชื่อว่าในสังคมใดชุดทางเดินเพื่อนำความคิดของเรา ของเรา และการกระทำของเรา ถ้าเราไม่ทำ คิด และทำตาม mojority ในสังคม Mojority เชื่อจริง ๆ ว่า ความจริงในทางถูกต้องหรือไม่ฉันสามารถยกของฉันรับรู้ตนเองในระดับที่แตกต่างกัน ฉันรู้สึกเหมือนเมื่อเราเข้าใจว่า มีอะไรบางอย่าง อะไรที่ไม่มีสาเหตุใด ๆ จิตทุกข์ทรมานอีกต่อไป ความเข้าใจ และประสบกับความไม่แน่นอนในชีวิตที่วิวัฒนาการ everyhour วัน และปีผมมองชีวิตเป็นการดูหนัง เห็นแต่ละคนไปกับชีวิตประจำวัน มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลาย้ายไปอนาคต วิธีการเปลี่ยนแปลงมีความหมายกับชีวิตของเรา แข่งขันมนุษย์ของเรา และของเราที่มีอยู่ในโลกนี้คำถามใหญ่ ทำไมเราอยู่ที่นี่ผมเคยฟังสารคดี Enstein "ถ้าความเร็วของยานพาหนะที่เราอยู่ใน ความเร็วเดียวกันเป็นแสงสว่าง เราจะเห็นมือของนาฬิกาหยุดการเคลื่อนไหว" ไม่เวลาจริง ๆ อยู่หรือไม่ หนึ่งความคิดของพระพุทธศาสนา "เมื่อมีคนเห็นอดีตของตัวเอง และชีวิตในอนาคต สิ่งเร็วของ thought(mind) ของกิจกรรมเวลา และวิธีไฟฟ้าในสมองคนแสดงและวิธี fMRI จะแสดง (สำหรับวิทยาศาสตร์วัตถุประสงค์ของคำอธิบาย) ถ้าเราสามารถเพิ่มการรับรู้ของเรานอกเหนือจาก สิ่งที่เราเห็น และสิ่งที่เราถูกสอน ให้เชื่อ และทำ เราอาจไม่ได้มีความทุกข์ทรมานมากเกินไป และต่อสู้มากเกินไป เมื่อผมอ่านประวัติของพระพุทธศาสนาที่เชื่อว่ากลับโรงเรียนเก่า Bhuddism ในประเทศไทย เขาเกิดปี 146 เขาถูกเชื่อว่าจะบรรลุ "ตรัสรู้" หนึ่งในสาวกถามเขา "หลักของคุณคุณได้พบนี้จะเป็นความจริงที่ดีที่สุดดีที่สุดที่มนุษย์สามารถบรรลุ และต้องบรรลุเพื่อขจัดความทุกข์ทั้งหมด และได้รับจาก wattasongsar (วงจรของรีบอร์นในหลายมิติที่มีอยู่ในจักรวาล), ทำไมสามารถไม่คุณแบ่งปันความรู้และปัญญานี้กับโลก" ผมมีข้อสงสัยเดียวกันเป็นพระสงฆ์ที่ถามคำถามเมื่ออ่านหนังสือ แล้วตระหนักในภายหลังว่ามีมนุษย์ทั้งหมดไม่มีในโลกนี้สามารถใช้มัน และเข้าใจมันหลักการก็ตอบว่า คนส่วนใหญ่ในโลกนี้จะบ้าเกินไป และคนมีความสามารถในการใช้มัน ผมใช้เวลาหลายปีจะเข้าใจคำพูดของเขา ผมคิดว่า เขาควรมีหัวใจใหญ่กว่า (เวลาของ loveing เมตตา: เมตตา และ garoona) ต่อเรา อย่างไรก็ตาม ฉันแล้วรู้ว่า เขาสอนสาวกไปตามเส้นทางของเขามากมายและหลายคนกลายเป็นเหมือนเขา พวกเขาดำเนินการในการสอนพุทธวิธีที่พระ Gottama สอนที่ยัง ใช้การสอนต้นแบบดี Laungphu MUNN เป็นหลักของพระสงฆ์ไทยป่ามากที่สุดอายุขัยมนุษย์ไม่นานพอที่จะได้รับภูมิปัญญานี้ในเวลาหนึ่งชีวิต ดังนั้นการเกิด และตายจะไม่สิ้นสุดของเราที่มีอยู่ในพุทธศาสนา สิ่งที่คนเลือกที่จะเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกของพวกเขา มี 2 กลุ่มของมนุษย์ในแง่ของวิธีที่พวกเขาสามารถจะสอน นี้ถูกจัดประเภท ด้วยพระพุทธรูป หนึ่งคือการสามารถฝึกได้และอีกหนึ่งคือ unteachable หนึ่ง unteachable เราต้องปล่อยให้พวกเขาได้ และให้พวกเขาความเมตตาหัวใจและดูแลเป็นโลกนี้เป็นดังนั้นสวยงาม และเหมาะสมให้ อย่างไรก็ตาม เราจะทำบุญดังนั้นสิ่งที่เรามี ความโลภของมนุษย์เป็น demolizing ดาวเคราะห์บ้านของเรา พวกเราหลายคนมีหัวใจใหญ่กับหลุมว่างเปล่าในนั้น ไม่ใช่ของวัสดุใด ๆ เต็มเติมหลุมนั้น ต้องสำหรับเราทุกคนตระหนักของเราไประดับถัดไป การช่วยเหลือผู้อื่น และทำเช่นเดียวกันอาจพระพุทธเจ้าดูแลทุกที่ในโลกนี้PS: ผมมีประสบการณ์บางอย่างบกพร่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นฉัน reposted เป็นเนื้อหาเต็มของโพสต์ที่ฉันเขียนวันนี้ สนุกกับการอ่าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สุขสันต์วันเกิดและมีความสุขอีกปีหนึ่ง ทุกคน ทุกชีวิต และทุกการรับรู้ในคำพูดนี้ มันคือ 2016 .ผมได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์ชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมายที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากคนอื่น อย่างไรก็ตาม ทางที่ผมมีประสบการณ์ หรือ มีประสบการณ์ เราอยู่ในโลกที่มีเงื่อนไขเดียวกัน เราส่วนใหญ่ percive สิ่งที่เราเห็นความเป็นจริงหรือความจริงเป็นสิ่งที่ประสบการณ์และความสามารถของเรา intelectual บอกเราเป็นจริงให้กับตัวเอง แต่ความจริงที่เราเชื่อว่ามันอาจจะจริงดังนั้นเราเชื่อในสิ่งที่สังคมกำหนดเส้นทางที่จะแนะนำความคิด วางแผน และการกระทำของเรา ถ้าเราไม่ทำ คิด และปฏิบัติตาม mojority ในสังคม ? ทำ mojority จริงๆ เชื่อ ว่า เราอยู่ในทางที่ถูกต้องจริงๆผมจะยกความตระหนักในตนเองในระดับที่แตกต่างกัน ผมรู้สึกว่าเมื่อเราเข้าใจว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรจะทำให้จิตใจเป็นทุกข์อีกต่อไป ความเข้าใจและประสบกับความไม่แน่นอนในชีวิตที่วิวัฒนาการ everyhour วัน และปี ฉันมองไปที่ชีวิตเป็นดูหนัง เห็นแต่ละไปในชีวิตประจําวัน , มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น เวลาย้ายไปในอนาคต การเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายกับชีวิตของเรา การแข่งของเราที่มีอยู่ในมนุษย์และโลกใบนี้ของเราคำถามใหญ่ ทำไมเราถึงมาที่นี่ ?ผมเคยฟัง enstein สารคดี " ถ้าความเร็วของรถที่เราอยู่คือ ความเร็วเท่าแสง เราจะเห็นมือของนาฬิกาหยุดเดิน " ไม่มีเวลาจริงๆอยู่ ?หนึ่งความคิดของพุทธศาสนา เมื่อใครได้เห็นอดีตของตัวเอง และชีวิตในอนาคตที่ความเร็วของความคิด ( ใจ ) ของบุคคลในเวลาและวิธีการที่ไฟฟ้ากิจกรรมนิทรรศการสมองและวิธีการสแกนสมองจะแสดง ( เพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์อธิบาย )ถ้าเราสามารถสร้างความตระหนักของเรานอกเหนือจากสิ่งที่เราเห็นและสิ่งที่เราถูกสอนให้เชื่อและทำ เราอาจไม่ทุกข์มากเกินไป และการต่อสู้มากเกินไปผมเคยอ่านชีวประวัติของพระพุทธศาสนา ที่เชื่อว่าเป็นการบูรณาการ bhuddism โรงเรียนเก่าในไทย เขาเกิดเมื่อปีที่แล้ว เขาคือผู้บรรลุ " ตรัสรู้ " หนึ่งในสาวกของเขาถามเขา " ต้นแบบที่คุณได้พบนี้เป็นดีที่สุด ปรมัตถ์ที่มนุษย์สามารถบรรลุ และจะต้องบรรลุเพื่อขจัดทุกข์ทั้งปวง และออกไปจาก wattasongsar ( วงจรของการเกิดใหม่ในที่มีอยู่หลายมิติในจักรวาล ) , ทำไมคุณไม่แบ่งปันความรู้และสติปัญญากับโลก ? " ผมมีข้อสงสัยเหมือนกัน เป็นพระที่ถามคำถามเมื่อได้อ่านหนังสือ แล้วผมมารู้ทีหลังว่าไม่มีทางที่มนุษย์ทุกคนในโลกนี้สามารถใช้มันและเข้าใจมันอาจารย์เพียงตอบว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้บ้ามากเกินไป และคนที่ไม่ได้มีความสามารถที่จะใช้มัน ฉันใช้เวลาหลายปี เข้าใจคำพูดของเขา ฉันคิดว่าเขาควรจะใจกว้าง ( loveing เมตตา : เมตตา garoona ) ที่มีต่อเรา แต่ผมก็รู้ว่าเขาสอนให้เหล่าสาวกของพระองค์ไปตามเส้นทางของเขาและหลายเป็นเหมือนเขา พวกเขาดำเนินการในการสอนพระพุทธศาสนาในทาง gottama พระพุทธเจ้าสอน ซึ่งท่านอาจารย์เคยสอนเรา laungphu มันคือต้นแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของป่าไทยพระอายุขัยของมนุษย์ไม่ยาวพอที่จะได้รับปัญญานี้ในชีวิตหนึ่งครั้ง ดังนั้นการเกิดและตาย ไม่สิ้นของเราที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนา อะไรก็ตามที่คนเลือกที่จะเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกของพวกเขา มีคน 2 กลุ่มในแง่ของวิธีที่พวกเขาสามารถสอน นี้เป็นหลัก โดยพระพุทธเจ้า หนึ่งคือ สุวินัย และอีกหนึ่งคือ unteachable . การ unteachable หนึ่งเราต้องให้พวกเขาและให้พวกเขามีจิตใจเมตตา รัก และ ดูแลเราได้โลกนี้ช่างสวยงาม และเหมาะสมกับเราอยู่ แต่เราก็ unappreciated ในสิ่งที่เรามี มนุษย์ปรารถนาจะ demolizing ดาวเคราะห์บ้านของเรา คนเรามีหัวใจขนาดใหญ่ที่มีช่องว่างในมันไม่มีวัสดุใด ๆสามารถเติมเต็มรูผมหวังว่าพวกเราทุกคนจะสร้างความตระหนักของเราไปอีกระดับ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้อื่นได้ และต้องทำแบบเดียวกันขอพระพุทธเจ้าดูแลทุกชีวิตบนดาวโลกPS : ผมได้ประสบการณ์บางอย่างที่บกพร่องคอมพิวเตอร์ดังนั้นฉัน reposted เนื้อหาเต็มของการโพสต์ของฉันที่เขียนวันนี้ สนุกกับการอ่าน !