ก่อนหน้าที่จะพัฒนามาเป็นบ้านโบลีนในปัจจุบัน แต่เดิมได้เป็นบ้านมิดเดอตั้น ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจในรูปแบบตัวแทนจำหน่ายขายข้าวไรซ์เบอรี่และสามารถเข้าถึงตลาดได้มากพอสมควร ภายหลังจึงปรึกษากันในคณะผู้ก่อตั้งว่าจะรีแบรนด์เป็นของตนเอง แต่สามารถทำได้ยาก เนื่องจากระยะเวลาการดำเนินงานที่ไม่ต่อเนื่องรวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงในการทำการตลาด จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนมาขายแครกเกอร์คู่กับน้ำพริกเผา ซึ่งได้วางขายตามหน้าร้านต่างๆและโฆษณาตามสื่อออนไลน์นับว่าเป็นที่รู้จักกันพอสมควรและเมื่อผู้ก่อตั้งของบ้านได้จบการศึกษาออกไป ได้มีรุ่นน้องรุ่นต่อไปได้มาก่อตั้งบ้านโบลีนขึ้น ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นชื่อบ้านไม่ว่าจะมิดเดิลตั้นหรือโบลีนได้มาจากตระกูลของอังกฤษยุคกลาง ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาของโปรเจคเฮ้าส์ได้รวบรวมไว้เพื่อนำมาตั้งชื่อโปรเจคของแต่ละกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ของโบลีนคือกราโนล่า เรามองเห็นว่าตลาดกราโนล่ากำลังเติบโต คู่แข่งน้อยมาก รวมถึงเทรนการรักสุขภาพของคนในปัจจุบันเริ่มสูงขึ้น กราโนล่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพจึงเหมาะกับเทรนในปัจจุบัน สามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายเนื่องจากผลิตภัณฑ์กราโนล่าสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย มีประโยชน์ต่อร่างกายและราคามีความเหมาะสม
โดยเริ่มแรก ได้สั่งผลิตมาเป็นกิโลและนำมาใส่บรรจุภัณฑ์(ซอง) ซองละ69บาท 3 รสชาติ คือ ออริจินอล ช็อกโกแลต กาแฟ ชาเขียว และในส่วนของการจัดแสดงสินค้านอกสถานที่ต่างๆ เราได้นำผลิตภัณฑ์ของเรามาสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการสร้างสรรค์เมนูต่างๆคือ โยเกิร์ตกราโนล่า และขนมปังกราโนล่า
ในปัจจุบันโบลีนได้พัฒนาในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากแบบซองมาเป็นแบบถ้วยเพื่อสามารถรับประทานได้สะดวกขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนวัยทำงานและนักเรียนนักศึกษา ในช่วงเวลาที่เร่งรีบ ราคาถูกขึ้น และพัฒนารสชาติถึง7 รสชาติด้วยกัน คือ ออริจินัล ช้อกโกแลต อัลมอนล์ กาแฟ มิกซ์เบอรี่ ซัมเมอร์ฟรุต กล้วย เพื่อเพิ่มความหลากหลายกับผลิตภัณฑ์ รวมถึงเมนูต่างๆมากมาย เช่น กราโนล่าฟองดูว์ วาฟเฟิล และสมูตตี้ นอกจากนี้ยังพัฒนาความสัมพันธ์ในองค์กร การประสาน ความร่วมมือต่างๆกันภายในองค์กรมากขึ้น เรายังไม่หยุดพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด