3. Results and discussion3.1. X-ray

3. Results and discussion
3.1. X-ray diffraction and SEM studies
Fig. 1 shows the X-ray diffraction patterns of synthesized mordenite
sample without organic template. As shown in Fig. 1 in the
XRD pattern of the prepared mordenite powder, diffraction peaks
corresponding to the typical structure of mordenite are observed
[13,14]. This indicates that the synthesized samples are mordenite
crystals. The average crystal sizes of the prepared materials were
determined using the Scherrer equation [15]. The size of crystals
obtained with X-ray method is the effective length, measured in
the direction of the diffraction vector, along which diffraction is
coherent. The term crystal size is preferred over particle size, since
individual particles may contain several crystals or domains having
different orientation [16]. The crystal size obtained by applying
Scherrer’s equation is interpreted as an average crystal dimension,
perpendicular to the reflection plane [17]. The accuracy of crystal
size determination is usually no better than 20–40%, because the
sample analyzed do not have crystals of uniform size, but rather

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3. ผลลัพธ์ และสนทนา
3.1 ศึกษาการเลี้ยวเบนการเอ็กซ์เรย์และ SEM
Fig. 1 แสดงรูปแบบการเลี้ยวเบนเอ็กซ์เรย์ของ mordenite สังเคราะห์
ชิ้นงานตัวอย่าง โดยไม่มีต้นแบบเกษตรอินทรีย์ แสดงใน 1 Fig. ในการ
XRD ลาย mordenite เตรียมผง ยอดการเลี้ยวเบน
ที่สอดคล้องกับโครงสร้างทั่วไปของ mordenite พบ
[13,14] บ่งชี้ว่า ตัวอย่างที่สังเคราะห์เป็น mordenite
ผลึก มีขนาดเฉลี่ยคริสตัลวัสดุเตรียม
กำหนดใช้สมการ Scherrer [15] ขนาดของผลึก
รับ ด้วยวิธีเอกซเรย์มีความยาวผล วัด
ทิศทางของเวกเตอร์การเลี้ยวเบน ตามที่มีการเลี้ยวเบน
coherent ขนาดคริสตัลระยะถูกต้องมากกว่าขนาดอนุภาค ตั้งแต่
แต่ละอนุภาคอาจประกอบด้วยผลึกหรือมีโดเมนหลาย
ต่าง ๆ แนว [16] ขนาดคริสตัลได้ โดยใช้
Scherrer ของสมการจะถูกแปลงเป็นการเฉลี่ยคริสตัลขนาด,
ตั้งฉากกับระนาบการสะท้อน [17] ความถูกต้องของคริสตัล
กำหนดขนาดเป็นมักจะไม่ดีกว่า 20-40% เนื่องจาก
ตัวอย่างวิเคราะห์ไม่มีผลึกขนาดรูป แต่แทน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3 . ผลและการอภิปราย
3.1 . การเลี้ยวเบนรังสีเอกซ์และการศึกษา
จากรูปที่ 1 แสดงรูปแบบการเลี้ยวเบนรังสีเอ็กซ์ของมอร์ดีไนต์สังเคราะห์
ตัวอย่างไม่มีแม่แบบอินทรีย์ ดังแสดงในรูปที่ 1 ใน
XRD แบบแผนของเตรียมผงที่มีการเลี้ยวเบนยอด
สอดคล้องกับโครงสร้างทั่วไปของมอร์ดีไนต์จะสังเกต
[ 13,14 ] นี้บ่งชี้ว่าตัวอย่างที่มี
สังเคราะห์ผลึกค่าเฉลี่ยของขนาดผลึกของเตรียมวัสดุ
หาได้โดยใช้สมการเชเรอร์ [ 15 ] ขนาดของผลึก
ได้ด้วยวิธีเอ็กซเรย์ความยาวที่มีประสิทธิภาพ โดยวัดใน
ทิศทางของเวกเตอร์ซึ่งเป็นเลนส์ พร้อมเลนส์
ติดต่อกัน . คำว่าคริสตัลขนาดเป็นที่ต้องการมากกว่า ขนาดของอนุภาค อนุภาค แต่ละคนอาจมีตั้งแต่

หรือโดเมนมีหลายผลึกที่แตกต่างกันการปฐมนิเทศ [ 16 ] คริสตัลขนาดได้โดยการใช้สมการเชเรอร์
เป็นตีความเป็นมิติคริสตัลเฉลี่ย
ตั้งฉากกับระนาบการสะท้อน [ 17 ] ความถูกต้องของการหาขนาดผลึก
มักจะไม่ดีกว่า 20 – 40 % เพราะ
ตัวอย่างวิเคราะห์ไม่มีผลึกขนาดสม่ำเสมอ แต่