สฟิงซ์ของอียิปต์ อาศัยอยู่บนทรายสีเหลืองนุ่มของที่ราบสูงแห่งกีซ่า เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาซึ่งเรารู้จักกันดี สฟิงซ์ สัตว์ลูกครึ่งที่ทอดร่างหันหน้าสู่ทิศตะวันออกและหมอบเฝ้ามหาพีระมิดมานับพันปี เจ้าสัตว์ที่เกิดจากการรวมตัวอันแปลกประหลาดระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์นั้น มีสัญลักษณ์ องค์ฟาโรห์อียิปต์แสดงไว้ชัดเจน คือมีเคราที่คาง ตรงหน้าผากมีงูจงอางแผ่แม่เบี้ย และมีเครื่องประดับรัดเกล้าแบบกษัตริย์โดยรอบ ความกว้างของใบหน้านั้นประมาณ 14 ฟุต ส่วนลำตัวที่เป็นสิงโตมีความยาวเกินกว่า 240 ฟุต วัดจากหัวถึงหาง ขนาดของมันมโหฬารจนคนที่เดินผ่านเหลือตัวเล็กนิดเดียว ว่ากันว่าสฟิงซ์ คือ รูปเหมือนขนาดใหญ่กว่าร่างจริงสองเท่าของ “ฮาร์มาชิส” เทพแห่งรุ่งอรุณ เมื่อตอนที่แปลงร่างเป็นสิงโตมีเศียรเป็นฟาโรห์อียิปต์หรือ “sphingein แปลว่า การบีบรัด เพราะสฟิงซ์ของชาวกรีกเป็นสฟิงซ์ที่นิสัยไม่ดี ชอบหยอกเล่นกับเหยื่อ พอมีเหยื่อหลงเข้ามาก็จะถามคำถามและถ้าตอบไม่ถูกจะฆ่าทิ้ง ส่วนหน้าที่ของสฟิงซ์แห่งกีซ่านอกจากเฝ้าพีระมิดแล้ว เบื้องหลังและทุกด้านของรูปปั้นอมนุษย์นี้ ยังมีพื้นที่ ที่เรียกว่า “นครมรณะ” รายรอบอยู่ นครมรณะกินอาณาบริเวณคลอบคลุมผืนทรายทางใต้ ทางตะวันตกและเหนือของสฟิงซ์หลุมแล้วหลุมเล่าต่างถูกขุดเจาะเป็นโพรง เพื่อใส่โลงหินที่บรรจุร่างของพระราชวงศ์ ขุนนาง และนักบวชชั้นสูงซึ่งผ่านกรรมวิธีการทำมัมมี่มาแล้ว โดยที่สฟิงซ์จะคอยขจัดวิญญาณชั่วร้ายให้พ้นจากหลุมศพเหล่านั้น