อาเซียนก่อตั้งขึ้นในบรรยากาศของสงครามเย็น และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร การแปล - อาเซียนก่อตั้งขึ้นในบรรยากาศของสงครามเย็น และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร ไทย วิธีการพูด

อาเซียนก่อตั้งขึ้นในบรรยากาศของสงคร

อาเซียนก่อตั้งขึ้นในบรรยากาศของสงครามเย็น และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รูปลักษณ์สำคัญที่สุดสงครามเย็นคือสงครามเวียดนาม ซึ่งเมื่อมีการก่อตั้งอาเซียน ใน ค.ศ.1967 กล่าวได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงสูงสุด สหรัฐอเมริกาเข้าไปแทรกแซงทางทหารในเวียดนามโดยตรงและสงครามทางอากาศต่อเวียดนามเหนือที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้น ค.ศ.1965 ก็ยังดำเนินอยู่อย่างเต็มกำลัง แม้ว่าอาเซียนจะจัดตั้งขึ้นในลักษณะที่มิใช่เป็นพันธมิตรทางทหารอย่างเช่น องค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Treaty Organization SEATO) ที่มีมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่การเป็นกลุ่มต่อต้านคอมมิวนิสต์ของอาเซียนในขณะนั้นก็ปราศจากข้อสงสัยใดๆ และสมาชิกอาเซียน 2 ชาติ คือ ไทยและฟิลิปปินส์ก็ส่งทหารไปรบในเวียดนามใต้ด้วย

เวียดนามจึงอยู่คนละฝ่ายกับอาเซียนและประเทศไทยมาแต่ต้น ดังนั้น ช่วงระยะเวลาหลังสงครามเวียดนามจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากสำหรับการปรับตัวเข้าหากันระหว่างเวียดนามกับอาเซียน อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากสถานการณ์ทั้งในโลกและในภูมิภาคที่เปลี่ยนไป การปรับตัวครั้งสำคัญของอาเซียนที่เป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่บาหลีในเดือนกุมภาพันธ์ 1976 นับว่ามีผลอยู่ไม่น้อยในการทำให้อาเซียนและเวียดนามปรับตัวเข้าหา กันได้

ผลสำคัญประการหนึ่งจากการประชุม สุดยอดอาเซียนครั้งแรกนี้ ก็คือ การลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia-TAC) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1976 สนธิสัญญานี้ ซึ่งกำหนดให้ประเทศภาคีร่วมมือกันในการส่งเสริมสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างรากฐานสำหรับการมีประชาคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนของชาติในภูมิภาค โดยเฉพาะด้วยการเปิดให้รัฐอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนได้ จึงถือได้ว่าสนธิสัญญานี้มีส่วนสำคัญในการสร้างเงื่อนไขสำหรับการที่ชาติต่างๆ ในภูมิภาคจะปรับความสัมพันธ์ต่อกันและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป และประเทศอินโดจีน (และเมียนมาร์) ได้เข้าร่วมกลุ่มภูมิภาคที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ในที่สุดเมื่อสิ้นทศวรรษ 1990 โดยเวียดนามที่เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนใน ค.ศ.1995 นับเป็นสมาชิกใหม่ชาติแรกของสมาคมประชาชาตินี้ (หากไม่นับบรูไนที่เข้าใน ค.ศ.1984)

เมื่อเวียดนามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน เวียดนามดำเนินบทบาทของตนอย่างแข็งขันทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในแง่ของการปฏิบัติตามพันธกรณีต่างๆ เช่น ในกรอบของระบบอัตราภาษีพิเศษร่วม (Common Effective Preferential Tariff-CEPT) ของเขตการค้าเสรี ในทางการเมืองนอกจากเวียดนามจะมีบทบาททางการ เช่น ในการจัดประชุมสำคัญของอาเซียนทั้งในระดับเจ้าหน้าที่รัฐมนตรี และระดับสูงสุดคือ การประชุมสุดยอดของผู้นำแล้ว ที่น่าสนใจคือเวียดนามมีส่วนอย่างมากด้วยในการนำชาติอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังอยู่นอกอาเซียนอีก 3 ชาติ คือ กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน

ผลจากการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของเวียดนามที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือในด้านเศรษฐกิจหลัง ค.ศ.1995 เมื่อเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนและเริ่มลดภาษีศุลกากร ภายใต้ CEPT มูลค่าการค้าตั้งแต่ช่วงนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก (ตัวเลขต่างๆ ในที่นี้มาจาก Ninh thi Dieu Le. Vietnam’s Role in ASEAN Political and Economic Cooperetion from 1995 to 2010. Unpublished MA Thesis, Graduate School, Chulalongkorn University, May 2011) คือเพิ่มขึ้นจาก 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ค.ศ.2000 มาเป็น 14.91 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ค.ศ.2005 และเป็น 29.77 พันล้านเหรียญใน ค.ศ.2008 ปริมาณการค้าระหว่างกันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด มีเพียง ค.ศ.2009 เท่านั้นที่มูลค่าการค้าลดลงมาเป็น 22.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ อันเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกขณะนั้น

นอกจากนั้น เมื่อเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนแล้ว มูลค่าการลงทุนจากอาเซียนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใน ค.ศ.1995 เงินทุนจดทะเบียนในโครงการลงทุนจากอาเซียนมีมูลค่า 3.24 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อถึง ค.ศ. 1997 ตัวเลขนี้ก็เพิ่มเป็นกว่า 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 3 ปีต่อมาก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเฉพาะช่วง ค.ศ.2008-2009 เงินลงทุนจากอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารจาก 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 46.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในแง่ของการประเมินความพร้อมของประเทศต่างๆ ในการรับมือการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากข้อมูลของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เวียดนามมีความพร้อมมากที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิกทั้งหลาย คือ มีความพร้อมถึงร้อยละ 85 รองลงมาคือ มาเลเซีย ร้อยละ 72 ตามด้วยไทย ร้อยละ 67 อินโดนีเซีย ร้อยละ 63 บรูไน ร้อยละ 58 และฟิลิปปินส์ ร้อยละ 57

เวียดนามเป็นประเทศใหญ่มากที่สุดเป็นลำดับที่สามในเอเซียน คือ มีประชากรเกือบ 90 ล้านคน รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่สำคัญคือ มีประชากรอยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก และคนเหล่านี้มีการศึกษาดี เศรษฐกิจเวียดนามตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา คือ หลังจากมีการใช้นโยบายปฏิรูปที่เรียกว่า “Doi Moi” เติบโตอย่างต่อเนื่อง



0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
อาเซียนก่อตั้งขึ้นในบรรยากาศของสงครามเย็นและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รูปลักษณ์สำคัญที่สุดสงครามเย็นคือสงครามเวียดนามซึ่งเมื่อมีการก่อตั้งอาเซียนใน ค.ศ.1967 กล่าวได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงสูงสุดสหรัฐอเมริกาเข้าไปแทรกแซงทางทหารในเวียดนามโดยตรงและสงครามทางอากาศต่อเวียดนามเหนือที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้น ค.ศ.1965 ก็ยังดำเนินอยู่อย่างเต็มกำลังแม้ว่าอาเซียนจะจัดตั้งขึ้นในลักษณะที่มิใช่เป็นพันธมิตรทางทหารอย่างเช่นองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้องค์การสนธิสัญญา SEATO) ที่มีมาก่อนหน้านั้นแล้วแต่การเป็นกลุ่มต่อต้านคอมมิวนิสต์ของอาเซียนในขณะนั้นก็ปราศจากข้อสงสัยใด ๆ และสมาชิกอาเซียน 2 ชาติคือไทยและฟิลิปปินส์ก็ส่งทหารไปรบในเวียดนามใต้ด้วยเวียดนามจึงอยู่คนละฝ่ายกับอาเซียนและประเทศไทยมาแต่ต้นดังนั้นช่วงระยะเวลาหลังสงครามเวียดนามจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากสำหรับการปรับตัวเข้าหากันระหว่างเวียดนามกับอาเซียนอย่างไรก็ดีนอกเหนือจากสถานการณ์ทั้งในโลกและในภูมิภาคที่เปลี่ยนไปการปรับตัวครั้งสำคัญของอาเซียนที่เป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่บาหลีในเดือนกุมภาพันธ์ 1976 นับว่ามีผลอยู่ไม่น้อยในการทำให้อาเซียนและเวียดนามปรับตัวเข้าหากันได้ผลสำคัญประการหนึ่งจากการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งแรกนี้ก็คือการลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตรวัด) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1976 สนธิสัญญานี้ซึ่งกำหนดให้ประเทศภาคีร่วมมือกันในการส่งเสริมสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสร้างรากฐานสำหรับการมีประชาคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนของชาติในภูมิภาคโดยเฉพาะด้วยการเปิดให้รัฐอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนได้จึงถือได้ว่าสนธิสัญญานี้มีส่วนสำคัญในการสร้างเงื่อนไขสำหรับการที่ชาติต่าง ๆ ในภูมิภาคจะปรับความสัมพันธ์ต่อกันและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไปและประเทศอินโดจีน (และเมียนมาร์) ปี 1990 ได้เข้าร่วมกลุ่มภูมิภาคที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ในที่สุดเมื่อสิ้นทศวรรษโดยเวียดนามที่เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนใน ค.ศ.1995 นับเป็นสมาชิกใหม่ชาติแรกของสมาคมประชาชาตินี้ (หากไม่นับบรูไนที่เข้าใน ค.ศ.1984)เมื่อเวียดนามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนเวียดนามดำเนินบทบาทของตนอย่างแข็งขันทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยเฉพาะในแง่ของการปฏิบัติตามพันธกรณีต่าง ๆ เช่นในกรอบของระบบอัตราภาษีพิเศษร่วม (ทั่วไปมีประสิทธิภาพต้องภาษี-CEPT) ของเขตการค้าเสรีในทางการเมืองนอกจากเวียดนามจะมีบทบาททางการเช่นในการจัดประชุมสำคัญของอาเซียนทั้งในระดับเจ้าหน้าที่รัฐมนตรีและระดับสูงสุดคือการประชุมสุดยอดของผู้นำแล้วที่น่าสนใจคือเวียดนามมีส่วนอย่างมากด้วยในการนำชาติอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังอยู่นอกอาเซียนอีก 3 ชาติคือกัมพูชาลาวและเมียนมาร์ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนผลจากการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของเวียดนามที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือในด้านเศรษฐกิจหลัง ค.ศ.1995 เมื่อเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนและเริ่มลดภาษีศุลกากรภายใต้ CEPT มูลค่าการค้าตั้งแต่ช่วงนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก (ตัวเลขต่าง ๆ ในที่นี้มาจากนิงห์บิงห์ thi Dieu Le บทบาทของเวียดนามในอาเซียนทางการเมือง และเศรษฐกิจ Cooperetion จาก 1995 ถึง 2553 ยกเลิกประกาศ MA วิทยานิพนธ์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2553) คือเพิ่มขึ้นจาก 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ค.ศ.2000 มาเป็น 14.91 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ค.ศ.2005 และเป็น 29.77 พันล้านเหรียญใน ค.ศ.2008 ปริมาณการค้าระหว่างกันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดมีเพียง ค.ศ.2009 เท่านั้นที่มูลค่าการค้าลดลงมาเป็น 22.41 พันล้านเหรียญสหรัฐอันเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกขณะนั้นนอกจากนั้น เมื่อเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนแล้ว มูลค่าการลงทุนจากอาเซียนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใน ค.ศ.1995 เงินทุนจดทะเบียนในโครงการลงทุนจากอาเซียนมีมูลค่า 3.24 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อถึง ค.ศ. 1997 ตัวเลขนี้ก็เพิ่มเป็นกว่า 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 3 ปีต่อมาก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเฉพาะช่วง ค.ศ.2008-2009 เงินลงทุนจากอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารจาก 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 46.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในแง่ของการประเมินความพร้อมของประเทศต่างๆ ในการรับมือการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากข้อมูลของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เวียดนามมีความพร้อมมากที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิกทั้งหลาย คือ มีความพร้อมถึงร้อยละ 85 รองลงมาคือ มาเลเซีย ร้อยละ 72 ตามด้วยไทย ร้อยละ 67 อินโดนีเซีย ร้อยละ 63 บรูไน ร้อยละ 58 และฟิลิปปินส์ ร้อยละ 57เวียดนามเป็นประเทศใหญ่มากที่สุดเป็นลำดับที่สามในเอเซียน คือ มีประชากรเกือบ 90 ล้านคน รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่สำคัญคือ มีประชากรอยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก และคนเหล่านี้มีการศึกษาดี เศรษฐกิจเวียดนามตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา คือ หลังจากมีการใช้นโยบายปฏิรูปที่เรียกว่า “Doi Moi” เติบโตอย่างต่อเนื่อง
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ซึ่งเมื่อมีการก่อตั้งอาเซียนใน ค.ศ. 1967 กล่าวได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงสูงสุด ค.ศ. 1965 ก็ยังดำเนินอยู่อย่างเต็มกำลัง (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้องค์การสนธิสัญญาป้องกันท้องทะเล) ที่มีมาก่อนหน้านั้นแล้ว และสมาชิกอาเซียน 2 ชาติคือ ดังนั้น อย่างไรก็ดี 1976 สุดยอดอาเซียนครั้งแรกนี้ก็คือ (สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้-TAC) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1976 สนธิสัญญานี้ โดยเฉพาะด้วยการเปิดให้รัฐอื่น ๆ และประเทศอินโดจีน (และเมียนมาร์) 1990 ค.ศ. 1995 (หากไม่นับบรูไนที่เข้าใน เช่นในกรอบของระบบอัตราภาษีพิเศษร่วม (Common มีผลบังคับใช้สิทธิพิเศษภาษี-ซีอีพีที) ของเขตการค้าเสรี เช่น และระดับสูงสุดคือการประชุมสุดยอดของผู้นำแล้ว 3 ชาติคือกัมพูชาลาวและเมียนมาร์ คือในด้านเศรษฐกิจหลัง ค.ศ. 1995 ภายใต้ CEPT (ตัวเลขต่างๆในที่นี้มาจาก Ninh รัชกาลพยาบาลเลอ. บทบาทของเวียดนามในภูมิภาคอาเซียนการเมืองและเศรษฐกิจ Cooperetion 1995 ปี 2010 ไม่ได้เผยแพร่วิทยานิพนธ์ปริญญาโทบัณฑิตวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพฤษภาคม 2011) คือเพิ่มขึ้นจาก 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในค . ศ. 2000 มาเป็น 14.91 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ค.ศ. 2005 และเป็น 29.77 พันล้านเหรียญใน ค.ศ. 2008 มีเพียง ค.ศ. 2009 เท่านั้นที่มูลค่าการค้าลดลงมาเป็น 22.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใน ค.ศ. 1995 3.24 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อถึง ค.ศ. 1997 ตัวเลขนี้ก็เพิ่มเป็นกว่า 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐและอีก 3 ปีต่อมาก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐและเฉพาะช่วง ค.ศ. 2008-2009 11 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็น 46.4 จากข้อมูลของดร. โสภณพรโชคชัย คือมีความพร้อมถึงร้อยละ 85 รองลงมาคือมาเลเซียร้อยละ 72 ตามด้วยไทยร้อยละ 67 อินโดนีเซียร้อยละ 63 บรูไนร้อยละ 58 และฟิลิปปินส์ร้อยละ คือมีประชากรเกือบ 90 ล้านคนรองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่สำคัญคือ และคนเหล่านี้มีการศึกษาดีเศรษฐกิจเวียดนามตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมาคือ "ดอยม่อย" เติบโตอย่างต่อเนื่อง

















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
อาเซียนก่อตั้งขึ้นในบรรยากาศของสงครามเย็นและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รูปลักษณ์สำคัญที่สุดสงครามเย็นคือสงครามเวียดนามซึ่งเมื่อมีการก่อตั้งอาเซียน the ค . ศ .1967 กล่าวได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงสูงสุดสหรัฐอเมริกาเข้าไปแทรกแซงทางทหารในเวียดนามโดยตรงและสงครามทางอากาศต่อเวียดนามเหนือที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นค . ศ .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: