Unlike other modern Southeast Asian

Unlike other modern Southeast Asian states, Thailand was never formally colonised by any colonial powers. Conventional perspectives attribute this achievement to the efforts made by the monarchs of the Chakri Dynasty, particularly Rama IV and Rama V, to 'modernise' the Siamese polity, and also to the relative cultural and ethnic homogeneity of the Thai nation.[1] Rama IV (King Mongkut) was credited with opening up Siam to European trade and starting the process of 'modernisation'. Rama V (King Chulalongkorn) consolidated state control over his vassal states and created an absolute monarchy and a centralised state. The success of the Chakri monarchs, however, also sowed the seeds for the 1932 Revolution and the end of absolute monarchy. The 'modernisation' from above created in the early 20th century a class of Western-educated elite (not necessarily rooted in democratic values, with some leaning toward authoritarian) in the Thai commoner and lower nobility classes, who were influenced by the ideals of the French and Russian Revolutions and staffed the middle and lower ranks of the nascent Siamese bureaucracy.[2] This new elite would eventually form the People’s Party that was the nucleus of the 1932 Revolution.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่เหมือนที่อื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รัฐสมัยใหม่ของไทยก็ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นอย่างเป็นทางการโดยอำนาจอาณานิคมใด ๆ มุมมองแบบเดิมแอตทริบิวต์ความสำเร็จนี้ในความพยายามที่ทำโดยพระมหากษัตริย์ของราชวงศ์จักรีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง iv พระรามและจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการ 'ทันสมัย​​' รัฐธรรมนูญสยามและยังเนื้อเดียวกันทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์สัมพันธ์ของประเทศไทย[1] iv พระราม (พระจอมเกล) ให้เครดิตกับการเปิดขึ้น siam กับการค้ายุโรปและเริ่มต้นกระบวนการของ 'ทันสมัย​​' จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระมหากษัตริย์จุฬาลงกรณ์) การควบคุมของรัฐรวมกว่ารัฐข้าราชบริพารและสร้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และรัฐส่วนกลาง ความสำเร็จของพระมหากษัตริย์ chakri แต่ยังหว่านเมล็ดพันธุ์สำหรับการปฏิวัติ 1932 และจุดสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์'ทันสมัย​​' จากข้างบนสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 ชั้นยอดของตะวันตกการศึกษา (ไม่จำเป็นต้องฝังรากในค่าประชาธิปไตยกับบางพิงไปทางเผด็จการ) ในไทยธรรมดาสามัญและเรียนขุนนางที่ต่ำกว่าที่ได้รับอิทธิพลจากอุดมคติของ การปฏิวัติฝรั่งเศสและรัสเซียและเจ้าหน้าที่ทหารระดับกลางและล่างของระบบราชการสยามที่พึ่ง[2] ยอดใหม่นี้ในที่สุดก็จะกลายเป็นบุคคลที่ผู้คนที่เป็นแกนกลางของการปฏิวัติ 1932.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไม่เหมือนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ ทันสมัย ไทยถูกอย่างเป็นกิจจะลักษณะไม่สามารถ colonised โดยอำนาจอาณานิคมใด ๆ มุมมองทั่วไปของแอตทริบิวต์นี้สำเร็จ ในความพยายามที่ทำ โดยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระจุลจอมเกล้า และ IV 'modernise' polity สยาม และ homogeneity ที่วัฒนธรรม และชาติพันธุ์สัมพันธ์ของประเทศไทย[1] ราม (พระมงกุฎ) ถูกเครดิตสยามเปิดการค้ายุโรป และเริ่มต้นกระบวนการของ 'modernisation' จุลจอมเกล้า (มหาจุฬาลงกรณ์) รวมควบคุมรัฐอเมริกา vassal ของเขา และสร้างเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์และรัฐตุลาคม ความสำเร็จของกษัตริย์จักรี อย่างไรก็ตาม ยัง sowed เมล็ดพันธุ์สำหรับการปฏิวัติปี 1932 และสิ้นสุดของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 'Modernisation' จากข้างต้นแล้วในศตวรรษที่ 20 ต้นคลา elite ศึกษาตะวันตก (ไม่จำเป็นต้องใช้ในค่าประชาธิปไตย กับเอนเอียงไปทาง authoritarian) ในชั้นล่าง และ commoner ขุนนางไทย ที่ได้รับอิทธิพลจากอุดมคติของฝรั่งเศสและการปฏิวัติที่รัสเซีย และครูยศกลาง และต่ำของข้าราชการสยามก่อ[2] อีลิทนี้ใหม่ในที่สุดจะฟอร์มคณะราษฎรที่นิวเคลียสของการปฏิวัติในปี 1932

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆที่ทันสมัยแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศไทยไม่เคยอย่างเป็นทางการโดยผู้มีอำนาจใดๆตามแบบอาณานิคม แอตทริบิวต์มุมมองทั่วไปด้วยความสำเร็จนี้เพื่อความพยายามที่จะทำให้โดยพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ของโดยเฉพาะถนนพระราม 4 และถนนพระราม 5 เพื่อไปยัง'ยืนรัฐสยาม'ที่ซึ่งประกอบขึ้นด้วยส่วนที่เหมือนกันและยังมีวัฒนธรรมและเชื้อชาติที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย[ 1 ]ถนนพระราม 4 (พระจอมเกล้า)ได้ประกาศพร้อมด้วยการเปิดสยามเพื่อการค้าในยุโรปและการเริ่มต้นกระบวนการที่ทันสมัยของ'' Rama V (จุฬาลงกรณ์)รวมการควบคุมของรัฐมากกว่ารัฐเอกราชในนามของเขาและสร้างระบบราชาธิปไตยอย่างแท้จริงและรัฐเป็นศูนย์กลาง ความสำเร็จของพระมหากษัตริย์จักรีแต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีหว่านเมล็ดพันธุ์สำหรับ .1932 การปฏิวัติและสิ้นสุดของระบบราชาธิปไตยอย่างแท้จริง'ความเจริญรุ่งเรือง'จากด้านบนถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นยุคศตวรรษที่ 20 Class A ในโลกตะวันตกได้รับการศึกษาสูง Elite (ไม่จำเป็นต้องฝังรากลึกในระบอบประชาธิปไตยค่า,พร้อมด้วยบางส่วนเอนตัวไปทางเผด็จการ)ในประเทศไทยที่ชาวบ้านและลดขุนนางชั้นเรียนซึ่งเป็นอุดมการณ์ที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสและรัสเซียการปฏิวัติและพร้อมด้วยพนักงานที่ส่วนกลางและลดอันดับของที่กำลังเริ่มเย็นศิระเพราะพระบริบาลราชการ.[ 2 ] Elite ใหม่นี้เป็นของคนที่เคยเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติ .1932 .






ได้ในท้ายที่สุด