ชาวสุรินทร์ ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด็กๆ เนื่องจากมีความเชื่อว่า ผมจุกตร การแปล - ชาวสุรินทร์ ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด็กๆ เนื่องจากมีความเชื่อว่า ผมจุกตร ไทย วิธีการพูด

ชาวสุรินทร์ ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด

ชาวสุรินทร์ ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด็กๆ เนื่องจากมีความเชื่อว่า ผมจุกตรงกระหม่อมช่วยกันไม่ให้ กระหม่อมที่บาง โดนน้ำค้างซึ่งอาจทำให้เด็กเป็นหวัดได้ พออายุประมาณ 9,11,13 ขวบ ซึ่งโตแล้วต้องทำพิธีตัดจุกออกเสีย พิธีโกนจุกจึงมีขึ้น การเตรียมพิธีโกนจุกนั้นมีอยู่หลายอย่าง สิ่งแรก คือ ขนมชนิดต่างๆ ต่อมาก็มีบายศรี เมื่อทำบายศรีเสร็จก็เอาผ้าไหมใหม่ๆหุ้มห่อบายศรีนั้นไว้ ปะรำพิธีสำหรับพระสงฆ์ และเด็กขึ้น ทำพิธีโกนผม เป็นลักษณะเสาต้นกล้วยประกอบไม้ไผ่มีปลาย แหลมข้างบน พิธีจะเริ่มในตอนเย็น โดยนิมนต์พระสงฆ์ มาสวดมนต์เย็น ก่อนถึงเวลาสวดมนต์ จะจัดข้าวปลาอาหารสุกใส่ถาด มาเซ่นบอกผี ปู่ ย่า ตา ยาย ให้อวยพรให้ลูกหลานอายุมั่นขวัญยืน หลังจากนั้นแต่งตัวให้เด็กที่จะโกนจุกด้วยผ้านุ่งขาว มีผ้า ขาว เฉลียงบ่า อาจารย์จะเกล้าผมเด็ก เอาปิ่นปักผมให้ และมีกำไลจุกด้วย หลังจานั้นก็ใส่มงคล ซึ่งทำจากใบตาล ตัดแต่ง เป็นวงขนาดสวมหัวของเด็กพอดี ขณะที่สวมมงคลก็สวดคาถาไปพร้อมๆกัน ในปะรำพิธีนอกจากมี ต้นบายศรีแล้ว ยังมี "ประต็วล" (เป็นไม้ ไผ่ผ่าซีกสานเป็นรูปร่างคล้ายกระดิ่งคว่ำหรือระฆังหงาย มีด้ามสั้นๆ สำหรับมัดติด กับเสา เอากระปุกน้ำใส่ ในนั้นเอากรวยห้า(ขันธ์ 5) ใส่ ด้วยเชื่อว่าเป็นสถานที่รองรับพระพรหม ซึ่งเป็นเทพชั้นสูงไม่ลงถึงพื้นจึงต้องมีที่สถิตเพื่ออวยพร) มีกระเฌอข้าวเปลือก ใบขวาน ไข่ไก่ และ "บายปะลึง" (คือ มีขันข้าว ไข่ไก่ น้ำตาลใส่ในขันเอาใบตองทำกรวยคว่ำครอบปิดไว้ มีใบตองที่ทำเสมือนธงยื่น ขึ้นไปด้วย และมีมะพร้าวอ่อนเตรียมไว้ด้วย) เมื่อแต่งตัวเด็กเสร็จ ก็พาไปนั่งที่ปะรำบนฟูกต่อหน้า "ปะต็วล” แล้ว เอาข้าวปลาอาหาร เครื่องเซ่นปู่ย่าตายาย ทำการเซ่นบอกว่าลูกหลานจะทำพิธีโกนจุกแล้ว ขอบอกให้ทราบขอเชิญ มากินมาดื่มเถิด สักครู่ก็ยกออกไปเซ่นพระภูมิเจ้าที่ข้างล่าง บอกเชื้อเชิญเช่นกัน เมื่อเสร็จแล้ว ก็นำถาดกลับมาพร้อมสายสิญจ์ ที่ถือว่าตายายให้พรมาแล้ว เอามาผูกแขนเด็กก่อนนิดหนึ่ง อวยชัยให้พรว่า บัดนี้หนูโตแล้ว ต่อไปขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงานจะได้ เป็นที่พึ่งของพ่อแม่เมื่อแก่เฒ่า เมื่อทำพิธีเสร็จ ก็กินข้าวปลาอาหาร เมื่อพระสงฆ์นิมนต์มาถึง ก็พาเด็กไปนั่งประนมมือฟังพระ สวดมนต์จนจบแล้วทำพิธีสู่ขวัญ เสร็จแล้วโห่ 3 ลา อาจารย์จะสวดมนต์ต่ออีกระยะหนึ่งเป็นเสร็จพิธีในวันนั้น ตอนเช้าวันโกนจุก จะแต่งตัวเด็ก ใหม่ คือแจกผมเป็น 3 หย่อม เอาแหวนพิรอดที่ทำด้วยหญ้าแพรก 9 วง มาผูกติด ผมจุก แล้วเกล้าจุกปักปิ่น สวมกำไลจุก สวมมงคล ทาแป้ง แต่งผ้าขาวทั้งชุด มีสร้อยคอทองคำ แหวนทองคำเต็มตัว เมื่อลงมา ถึงดิน อาจารย์ ว่าคาถา ขณะเดียวกันก็เดินวนประทักษิณเบญจา 3 รอบ เสร็จแล้วก็พาขึ้นไปนั่งบนปะรำที่ทำลักษณะใบบัว พระสงฆ์ขึ้นตาม อาจารย์ขอสมาทานศีล 5 แล้วกล่าว คำให้สวดโกนจุก ในการทำพิธีโกนจุก จะให้เด็กนั่งตรงกลาง พระสงฆ์ ยืนทั้งสี่มุม มีบาตรน้ำมนต์ที่เอามาจากการสวดพระปริตตอนเย็น มีใบบัวลอยบนผิวน้ำในบาตร เมื่อตอนจะโกนจุกพระสงฆ์ สวดมนต์บทชยันโตฯ เป็นการสวดไม่ยาวนัก พระสงฆ์จะหยิบกรรไกรตัดแล้วนิดหนึ่ง แล้วโกนพอเป็นพิธี อาจารย์จะโกนต่อ จนเกลี้ยง โดยพระสงฆ์จะยังสวดมนต์และรดน้ำมนต์ต่อเนื่องเรื่อยๆจนเสร็จ ผมที่โกนเอาใบบัวรองรับแล้วเอาไปลอยสายน้ำ ที่ไหล บางคนเก็บเอาไว้บูชาก็มี
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ชาวสุรินทร์ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด็ก ๆ เนื่องจากมีความเชื่อว่าผมจุกตรงกระหม่อมช่วยกันไม่ให้กระหม่อมที่บางโดนน้ำค้างซึ่งอาจทำให้เด็กเป็นหวัดได้พออายุประมาณ 9,11,13 ขวบซึ่งโตแล้วต้องทำพิธีตัดจุกออกเสียพิธีโกนจุกจึงมีขึ้นการเตรียมพิธีโกนจุกนั้นมีอยู่หลายอย่างสิ่งแรกคือขนมชนิดต่าง ๆ ต่อมาก็มีบายศรีเมื่อทำบายศรีเสร็จก็เอาผ้าไหมใหม่ๆหุ้มห่อบายศรีนั้นไว้ปะรำพิธีสำหรับพระสงฆ์และเด็กขึ้นทำพิธีโกนผมเป็นลักษณะเสาต้นกล้วยประกอบไม้ไผ่มีปลายแหลมข้างบนพิธีจะเริ่มในตอนเย็นโดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์เย็นก่อนถึงเวลาสวดมนต์จะจัดข้าวปลาอาหารสุกใส่ถาดมาเซ่นบอกผีปู่ย่าตายายให้อวยพรให้ลูกหลานอายุมั่นขวัญยืนหลังจากนั้นแต่งตัวให้เด็กที่จะโกนจุกด้วยผ้านุ่งขาวมีผ้าขาวเฉลียงบ่าอาจารย์จะเกล้าผมเด็กเอาปิ่นปักผมให้และมีกำไลจุกด้วยหลังจานั้นก็ใส่มงคลซึ่งทำจากใบตาลตัดแต่งเป็นวงขนาดสวมหัวของเด็กพอดีขณะที่สวมมงคลก็สวดคาถาไปพร้อมๆกันในปะรำพิธีนอกจากมีต้นบายศรีแล้วยังมี "ประต็วล" (เป็นไม้ไผ่ผ่าซีกสานเป็นรูปร่างคล้ายกระดิ่งคว่ำหรือระฆังหงายมีด้ามสั้น ๆ สำหและไข่ไก่ใบขวานมีกระเฌอข้าวเปลือกรับมัดติดกับเสาเอากระปุกน้ำใส่ในนั้นเอากรวยห้า (ขันธ์ 5) ใส่ด้วยเชื่อว่าเป็นสถานที่รองรับพระพรหมซึ่งเป็นเทพชั้นสูงไม่ลงถึงพื้นจึงต้องมีที่สถิตเพื่ออวยพร) "บายปะลึง" (คือมีขันข้าวไข่ไก่น้ำตาลใส่ในขันเอาใบตองทำกรวยคว่ำครอบปิดไว้มีใบตองที่ทำเสมือนธงยื่นขึ้นไปด้วยและมีมะพร้าวอ่อนเตรียมไว้ด้วย) เมื่อแต่งตัวเด็กเสร็จก็พาไปนั่งที่ปะรำบนฟูกต่อหน้า "ปะต็วล" แล้วเอาข้าวปลาอาหารเครื่องเซ่นปู่ย่าตายายทำการเซ่นบอกว่าลูกหลานจะทำพิธีโกนจุกแล้วขอบอกให้ทราบขอเชิญมากินมาดื่มเถิดสักครู่ก็ยกออกไปเซ่นพระภูมิเจ้าที่ข้างล่างบอกเชื้อเชิญเช่นกันเมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดกลับมาพร้อมสายสิญจ์ที่ถือว่าตายายให้พรมาแล้วเอามาผูกแขนเด็กก่อนนิดหนึ่งอวยชัยให้พรว่าบัดนี้หนูโตแล้วต่อไปขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงานจะได้เป็นที่พึ่งของพ่อแม่เมื่อแก่เฒ่าเมื่อทำพิธีเสร็จก็กินข้าวปลาอาหารเมื่อพระสงฆ์นิมนต์มาถึงก็พาเด็กไปนั่งประนมมือฟังพระสวดมนต์จนจบแล้วทำพิธีสู่ขวัญเสร็จแล้วโห่ 3 ลาอาจารย์จะสวดมนต์ต่ออีกระยะหนึ่งเป็นเสร็จพิธีในวันนั้นตอนเช้าวันโกนจุกจะแต่งตัวเด็กใหม่คือแจกผมเป็น 3 หย่อมเอาแหวนพิรอดที่ทำด้วยหญ้าแพรก 9 วงมาผูกติดผมจุกแล้วเกล้าจุกปักปิ่นสวมกำไลจุกสวมมงคลทาแป้งแต่งผ้าขาวทั้งชุดมีสร้อยคอทองคำแหวนทองคำเต็มตัวเมื่อลงมาถึงดินอาจารย์ว่าคาถาขณะเดียวกันก็เดินวนประทักษิณเบญจา 3 รอบเสร็จแล้วก็พาขึ้นไปนั่งบนปะรำที่ทำลักษณะใบบัวพระสงฆ์ขึ้นตามอาจารย์ขอสมาทานศีล 5 แล้วกล่าวคำให้สวดโกนจุกในการทำพิธีโกนจุกจะให้เด็กนั่งตรงกลางพระสงฆ์ยืนทั้งสี่มุมมีบาตรน้ำมนต์ที่เอามาจากการสวดพระปริตตอนเย็นมีใบบัวลอยบนผิวน้ำในบาตรเมื่อตอนจะโกนจุกพระสงฆ์สวดมนต์บทชยันโตฯ เป็นการสวดไม่ยาวนักพระสงฆ์จะหยิบกรรไกรตัดแล้วนิดหนึ่งแล้วโกนพอเป็นพิธีอาจารย์จะโกนต่อจนเกลี้ยงโดยพระสงฆ์จะยังสวดมนต์และรดน้ำมนต์ต่อเนื่องเรื่อยๆจนเสร็จผมที่โกนเอาใบบัวรองรับแล้วเอาไปลอยสายน้ำที่ไหลบางคนเก็บเอาไว้บูชาก็มี
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ชาวสุรินทร์ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด็ก ๆ เนื่องจากมีความเชื่อว่าผมจุกตรงกระหม่อมช่วยกันไม่ให้กระหม่อมที่บาง พออายุประมาณ 9,11,13 ขวบซึ่งโตแล้วต้องทำพิธีตัดจุกออกเสียพิธีโกนจุกจึงมีขึ้น สิ่งแรกคือขนมชนิดต่างๆต่อมาก็มีบายศรี ปะรำพิธีสำหรับพระสงฆ์และเด็กขึ้นทำพิธีโกนผม แหลมข้างบนพิธีจะเริ่มในตอนเย็นโดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์เย็นก่อนถึงเวลาสวดมนต์จะจัดข้าวปลาอาหารสุกใส่ถาดมาเซ่นบอกผีปู่ย่าตายายให้อวยพรให้ลูกหลานอายุมั่นขวัญยืน มีผ้าขาวเฉลียงบ่าอาจารย์จะเกล้าผมเด็กเอาปิ่นปักผมให้และมีกำไลจุกด้วยหลังจานั้นก็ใส่มงคลซึ่งทำจากใบตาลตัดแต่งเป็นวงขนาดสวมหัวของเด็กพอดีขณะที่สวมมงคลก็สวดคาถาไปพร้อม ๆ กันในปะรำพิธีนอกจากมีต้นบายศรีแล้วยังมี "ประต็วล" (เป็นไม้ มีด้ามสั้น ๆ สำหรับมัดติดกับเสาเอากระปุกน้ำใส่ในนั้นเอากรวยห้า (ขันธ์ 5) ใส่ มีกระเฌอข้าวเปลือกใบขวานไข่ไก่และ "บายปะลึง" (คือมีขันข้าวไข่ไก่ มีใบตองที่ทำเสมือนธงยื่นขึ้นไปด้วยและมีมะพร้าวอ่อนเตรียมไว้ด้วย) เมื่อแต่งตัวเด็กเสร็จก็พาไปนั่งที่ปะรำบนฟูกต่อหน้า "ปะต็วล" แล้วเอาข้าวปลาอาหารเครื่องเซ่นปู่ย่าตายาย ขอบอกให้ทราบขอเชิญมากินมาดื่มเถิด บอกเชื้อเชิญเช่นกันเมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดกลับมาพร้อมสายสิญจ์ที่ถือว่าตายายให้พรมาแล้วเอามาผูกแขนเด็กก่อนนิดหนึ่งอวยชัยให้พรว่าบัดนี้หนูโตแล้วต่อไปขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงานจะได้เป็น ที่พึ่งของพ่อแม่เมื่อแก่เฒ่าเมื่อทำพิธีเสร็จก็กินข้าวปลาอาหารเมื่อพระสงฆ์นิมนต์มาถึงก็พาเด็กไปนั่งประนมมือฟังพระสวดมนต์จนจบแล้วทำพิธีสู่ขวัญเสร็จแล้วโห่ 3 ลา ตอนเช้าวันโกนจุกจะแต่งตัวเด็กใหม่คือแจกผมเป็น 3 หย่อมเอาแหวนพิรอดที่ทำด้วยหญ้าแพรก 9 วงมาผูกติดผมจุกแล้วเกล้าจุกปักปิ่นสวมกำไลจุกสวมมงคลทาแป้งแต่งผ้าขาวทั้งชุดมีสร้อยคอทองคำแหวน ทองคำเต็มตัวเมื่อลงมาถึงดินอาจารย์ว่าคาถาขณะเดียวกันก็เดินวนประทักษิณเบญจา 3 รอบ พระสงฆ์ขึ้นตามอาจารย์ขอสมาทานศีล 5 แล้วกล่าวคำให้สวดโกนจุกในการทำพิธีโกนจุกจะให้เด็กนั่งตรงกลางพระสงฆ์ยืนทั้งสี่มุม มีใบบัวลอยบนผิวน้ำในบาตรเมื่อตอนจะโกนจุกพระสงฆ์สวดมนต์บทชยันโตฯ เป็นการสวดไม่ยาวนัก แล้วโกนพอเป็นพิธีอาจารย์จะโกนต่อจนเกลี้ยง ที่ไหลบางคนเก็บเอาไว้บูชาก็มี
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ชาวสุรินทร์ในอดีตนิยมไว้ผมให้กับเด็กๆเนื่องจากมีความเชื่อว่าผมจุกตรงกระหม่อมช่วยกันไม่ให้กระหม่อมที่บางโดนน้ำค้างซึ่งอาจทำให้เด็กเป็นหวัดได้ 9,11 พออายุประมาณ ,13 ขวบซึ่งโตแล้วต้องทำพิธีตัดจุกออกเสียพิธีโกนจุกจึงมีขึ้นการเตรียมพิธีโกนจุกนั้นมีอยู่หลายอย่างสิ่งแรกความขนมชนิดต่างๆต่อมาก็มีบายศรีเมื่อทำบายศรีเสร็จก็เอาผ้าไหมใหม่ๆหุ้มห่อบายศรีนั้นไว้และเด็กขึ้นทำพิธีโกนผมเป็นลักษณะเสาต้นกล้วยประกอบไม้ไผ่มีปลายแหลมข้างบนพิธีจะเริ่มในตอนเย็นโดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์เย็นก่อนถึงเวลาสวดมนต์จะจัดข้าวปลาอาหารสุกใส่ถาดมาเซ่นบอกผีปู่ย่าตายายหลังจากนั้นแต่งตัวให้เด็กที่จะโกนจุกด้วยผ้านุ่งขาวมีผ้าขาวเฉลียงบ่าอาจารย์จะเกล้าผมเด็กเอาปิ่นปักผมให้และมีกำไลจุกด้วยหลังจานั้นก็ใส่มงคลซึ่งทำจากใบตาลตัดแต่งเป็นวงขนาดสวมหัวของเด็กพอดีในปะรำพิธีนอกจากมีต้นบายศรีแล้วยังมี " ประต็วล " ( เป็นไม้ไผ่ผ่าซีกสานเป็นรูปร่างคล้ายกระดิ่งคว่ำหรือระฆังหงายมีด้ามสั้นๆสำหรับมัดติดกับเสาเอากระปุกน้ำใส่ในนั้นเอากรวยห้า ( ขันธ์ 5 ) ใส่ซึ่งเป็นเทพชั้นสูงไม่ลงถึงพื้นจึงต้องมีที่สถิตเพื่ออวยพร ) มีกระเฌอข้าวเปลือกใบขวานไข่ไก่และ " บายปะลึง " ( ความมีขันข้าวไข่ไก่น้ำตาลใส่ในขันเอาใบตองทำกรวยคว่ำครอบปิดไว้มีใบตองที่ทำเสมือนธงยื่นขึ้นไปด้วยเมื่อแต่งตัวเด็กเสร็จก็พาไปนั่งที่ปะรำบนฟูกต่อหน้า " ปะต็วล " แล้วเอาข้าวปลาอาหารเครื่องเซ่นปู่ย่าตายายทำการเซ่นบอกว่าลูกหลานจะทำพิธีโกนจุกแล้วขอบอกให้ทราบขอเชิญมากินมาดื่มเถิดบอกเชื้อเชิญเช่นกันเมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดกลับมาพร้อมสายสิญจ์ที่ถือว่าตายายให้พรมาแล้วเอามาผูกแขนเด็กก่อนนิดหนึ่งอวยชัยให้พรว่าบัดนี้หนูโตแล้วต่อไปขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงานจะได้เมื่อทำพิธีเสร็จก็กินข้าวปลาอาหารเมื่อพระสงฆ์นิมนต์มาถึงก็พาเด็กไปนั่งประนมมือฟังพระสวดมนต์จนจบแล้วทำพิธีสู่ขวัญเสร็จแล้วโห่ 3 ลาอาจารย์จะสวดมนต์ต่ออีกระยะหนึ่งเป็นเสร็จพิธีในวันนั้นจะแต่งตัวเด็ก Obama คือแจกผมเป็น 3 หย่อมเอาแหวนพิรอดที่ทำด้วยหญ้าแพรก 9 วงมาผูกติดผมจุกแล้วเกล้าจุกปักปิ่นสวมกำไลจุกสวมมงคลทาแป้งแต่งผ้าขาวทั้งชุดมีสร้อยคอทองคำแหวนทองคำเต็มตัวเมื่อลงมาถึงดินว่าคาถาขณะเดียวกันก็เดินวนประทักษิณเบญจา 3 a research note เสร็จแล้วก็พาขึ้นไปนั่งบนปะรำที่ทำลักษณะใบบัวพระสงฆ์ขึ้นตามอาจารย์ขอสมาทานศีล 5 แล้วกล่าวคำให้สวดโกนจุกในการทำพิธีโกนจุกจะให้เด็กนั่งตรงกลางพระสงฆ์มีบาตรน้ำมนต์ที่เอามาจากการสวดพระปริตตอนเย็นมีใบบัวลอยบนผิวน้ำในบาตรเมื่อตอนจะโกนจุกพระสงฆ์สวดมนต์บทชยันโตฯเป็นการสวดไม่ยาวนักพระสงฆ์จะหยิบกรรไกรตัดแล้วนิดหนึ่งแล้วโกนพอเป็นพิธีอาจารย์จะโกนต่อโดยพระสงฆ์จะยังสวดมนต์และรดน้ำมนต์ต่อเนื่องเรื่อยๆจนเสร็จผมที่โกนเอาใบบัวรองรับแล้วเอาไปลอยสายน้ำที่ไหลบางคนเก็บเอาไว้บูชาก็มี
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: