Spinach เป็นผักพื้นบ้านที่พบอยู่ทั่วไปคล้ายวัชพืช เพราะสามารถขึ้นได้เองในสภาพดินแทบทุกชนิด และเจริญงอกงามได้ในทุกสภาพอากาศ แม้แต่อากาศแห้งแล้ง นอกจากนี้ยังเจริญเติบโตได้รวดเร็วและทนทาน ผักโขม (Spinach) จึงเป็นผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านรับประทานกันมานาน ส่วนวิธีในการรับประทานเรามักจะไม่ทานกันดิบ ๆ เนื่องจากมีรสขม ส่วนใหญ่จึงมักนำมาต้มก่อน หากแต่ในปัจจุบัน ผักโขม (Spinach) ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเมนูอาหารที่น่ารับประทานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้มจืด แกงเลียง ผัดผักโขมไฟแดง สลัด หรือเมนูฝรั่งที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมากอย่างผักโขมอบชีส และสารพัดเมนูแล้วแต่จะนำมาปรุงแต่งให้มีรสชาติที่อร่อยมากขึ้น
เนื่องจากผักโขม (Spinach) มีสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงรักษาสายตา ลดอาการตาบอดกลางคืน (Night Blindness) บำรุงกระดูกและฟัน ลูทีน ซีแซนทีน และ แคโรทีนอยด์ ช่วยลดความเสี่ยงของต้อกระจก (Cataract) กรดโฟเลต แบต้าแคโรทีน วิตามินซีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายให้ปลอดภัยจากโรค ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ผักโขมยังมีธาตุเหล็กสูง และช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี โปรตีน และไฟเบอร์
หากแต่ในผักโขมก็มีกรดออกเซลิคแอซิดสูงเช่นกัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซับธาตุเหล็กที่มีอยู่มากได้ จึงต้องทำให้สุกเพื่อให้กรดนี้บรรเทาเบาบางลงก่อน จากสารอาหารที่มีมากมายในผักโขมจึงทำให้การทานผักโขมมีประโยชน์ต่อร่างกายมากตามไปด้วย เช่น ไฟเบอร์ หรือ กากใย ที่ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ดี ธาตุเหล็กที่ช่วยเสริมสร้างสติปัญญา ทำให้สมองตื่นตัวตลอดเวลาแม้ในผู้สูงวัย สารแอนตี้ออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด และช่วยชะลอโรคความชราได้อีกด้วย
นอกจากนี้ผลการวิจัยในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ยังพบว่าสารประกอบในผักโขม (Spinach) มีฤทธิ์ชะลอการย่อยสลายไขมัน เนื่องจากสารประกอบในผักชนิดนี้ อาจเข้าไปเคลือบไขมันขณะอยู่ในลำไส้ และชะลอการย่อยสลายไขมันของเอนไซม์ให้ช้าลง ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและนานขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการตัดปัญหาการกินจุเกินไปสำหรับคนที่ทานมาก ซึ่งสำหรับผู้หญิงที่กำลังลดความอ้วนอยู่ เมนูผักโขม (Spinach) ก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากให้คุณประโยชน์มากมายแล้วยังช่วยลดความอ้วน และชะลอความแก่ก่อนวัยอีกด้วย อย่างนี้ต้องทานบ่อยๆนะคะ