Benefiting from its political stabi

Benefiting from its political stability in a tumultuous region, the United Arab Emirates (UAE) has shown a certain resilience with regards to the falling oil prices. Economic growth reached a healthy 3% of GDP in 2015, even if this represents a decline compared to the 2014 rate. However, the situation of each Emirate is very different. The country's GDP is dominated by the economic strength of Abu Dhabi (60%), especially its hydrocarbon production and majority control of all savings management. Dubai contributes a quarter of the country's GDP and functions as the commercial platform of the Emirates, especially with its well developed port and airport infrastructure. Economic growth of the UAE is expected to accelerate slightly throughout 2016. In the long term, the country's economy should receive an additional boost from its hosting of the World Expo 2020.

The healthy banking sector and rising tourism revenues have helped soften the impact of falling oil prices, which reflects the economic diversification of the UAE. However, since 2015, the UAE has faced a significant deficit due to the decline in oil revenues. The authorities have initiated a series of measures such as the reform of energy subsidies, which includes a deregulation of domestic oil prices and an increase in tariffs for electricity and water. Additional fiscal measures are under consideration, such as the introduction of business taxation and the 2018 VAT. The Government of Abu Dhabi, whose revenues were most affected by the low oil prices, has prioritised investment projects, while Dubai is attempting to stimulate activity through investments related to the preparation of Expo 2020 (especially the extension of the urban transport network). In line with the three-year development plan for 2014-2016, the 2016 budget (AED 48.5 billion, a slight decrease compared to 2015) allocates the majority of funds to social spending, especially focusing on education, healthcare and housing. The needs of citizens and infrastructure are essential to the fulfilment of the UAE Vision 2021. The somewhat smaller budget reflects attempts by the Government to cut spending in the face of declining oil revenues.

Although Dubai's debt has been successfully restructured, the threat of a new real estate bubble and overcapacity remains present. Abu Dhabi is focusing on diversifying its economy and developing alternative energy sources. In 2017, it is expected to launch a fleet of nuclear power plants and massively invest in renewable energies (the "Masdar" project costing USD 22 billion). It still needs to implement more rigorous guidelines for the banking and real estate sector in order to avoid cyclical crises. Because it is aware of the finite nature of its oil resources, the UAE has launched a policy of economic diversification in order to reduce its dependency on hydrocarbons and guarantee a more balanced distribution of wealth. The strategy pursued involves taking advantage of the complementarity between the different Emirates. While Abu Dhabi has taken the lead in economic diversification, Dubai is primarily trying to develop its tourism sector.

The UAE has one of the highest per capita income levels in the world and a highly developed welfare system. It also has one of the lowest rates of unemployment in the Middle East (4.5%) and depends heavily on foreign labour (more than 85% of the workforce). A policy of "Emiratisation" has been launched to encourage employment of the local workforce.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รับประโยชน์จากการความเสถียรภาพทางการเมืองในภูมิภาคป่วน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้แสดงความยืดหยุ่นบางอย่างเกี่ยวกับราคาน้ำมันลดลง เติบโตทางเศรษฐกิจถึง 3% ที่มีสุขภาพดีของ GDP ในปี 2015 แม้ว่านี้แทนลดลงเมื่อเทียบกับราคา 2014 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของแต่ละจังหวัดแตกต่างกันมาก GDP ของประเทศถูกครอบงำ โดยความแข็งแรงทางเศรษฐกิจของอาบูดาบี (60%), โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตไฮโดรคาร์บอนและส่วนควบคุมการจัดการเงินออมทั้งหมด ดูไบช่วยไตรมาสของ GDP ของประเทศ และทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์เอมิเรตส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาดีท่าเรือและสนามบินพาณิชย์ เติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คาดว่าจะเร่งเล็กน้อยตลอด 2016 ในระยะยาว เศรษฐกิจของประเทศควรได้รับเพิ่มเติมจากโฮสต์การเวิลด์เอ็กซ์โป 2020สุขภาพภาคการธนาคาร และการท่องเที่ยวรายได้ช่วยนุ่มผลกระทบของราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 2015 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีประสบการขาดดุลที่สำคัญเนื่องจากการลดลงของรายได้จากน้ำมัน เจ้าหน้าที่ได้เริ่มชุดของมาตรการเช่นการปฏิรูปของอุดหนุนพลังงาน ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบราคาน้ำมันภายในประเทศและการเพิ่มขึ้นในอัตราภาษีสำหรับไฟฟ้าและน้ำ มาตรการทางการเงินเพิ่มเติมอยู่ภายใต้การพิจารณา เช่นภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีธุรกิจและ 2018 แนะนำ รัฐอาบูดาบี รายได้ได้รับผลจากราคาน้ำมันมากที่สุด มีทั้งโครงการลงทุน ในขณะที่ดูไบพยายามกระตุ้นกิจกรรมผ่านเงินลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเอ็กซ์โป 2020 (โดยเฉพาะการขยายเครือข่ายขนส่งในเมือง) สอดคล้องกับแผนพัฒนาสามปีสำหรับปี 2557-2559 งบประมาณ 2016 (AED 48.5 ล้าน การลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 2015) จัดสรรส่วนใหญ่ของเงินเพื่อใช้จ่ายทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นการศึกษา สุขภาพ และที่อยู่อาศัย ความต้องการของประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต่อการดำเนินการตามสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์วิสัยทัศน์ 2021 งบประมาณขนาดเล็กค่อนข้างสะท้อนถึงความพยายาม โดยรัฐบาลจะตัดค่าใช้จ่ายในการเผชิญกับรายได้จากน้ำมันลดลงแม้ว่าหนี้ของดูไบมีการปรับการโครงสร้างเสร็จเรียบร้อย การคุกคามของบับเบิ้ลเอสเตทจริงใหม่และ overcapacity ยังคงอยู่ อาบูดาบีเน้นกระจายเศรษฐกิจ และพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือก ในปี 2560 มันถูกคาด ว่าจะ เปิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวนมากลงทุนในพลังงานทดแทน (โครงการ "ดาร์" 22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐคำนวณต้นทุน) มันยังคงต้องใช้แนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับภาคการธนาคารและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตวงจร เพราะมันเป็นตระหนักถึงธรรมชาติมีจำกัดของทรัพยากรน้ำมัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เปิดตัวนโยบายในการกระจายเศรษฐกิจเพื่อลดการพึ่งพาสารไฮโดรคาร์บอน และรับประกันการกระจายสมดุลมากมาย ติดตามกลยุทธ์เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของเขาในระหว่างสายการบินเอมิเรตส์ที่แตกต่างกัน ในขณะที่อาบูดาบีได้นำการนำในเศรษฐกิจกระจาย ดูไบจะพยายามพัฒนาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีระดับรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในโลกและระบบสวัสดิการพัฒนาสูงอย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้มันยังมีอัตราต่ำสุดของการว่างงานในตะวันออกกลาง (4.5%) และขึ้นอยู่กับแรงงานต่างด้าว (มากกว่า 85% ของแรงงาน) นโยบายของ "Emiratisation" ได้รับการเปิดการส่งเสริมการจ้างงานของแรงงานในท้องถิ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ได้รับประโยชน์จากความมั่นคงทางการเมืองในภูมิภาคป่วน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้แสดงให้เห็นความยืดหยุ่นบางอย่างเกี่ยวกับการลดลงของราคาน้ำมัน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีต่อสุขภาพถึง 3% ของจีดีพีในปี 2015 แม้ว่านี้แสดงให้เห็นถึงการลดลงเมื่อเทียบกับอัตรา 2,014 อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของแต่ละเอมิเรตที่แตกต่างกันมาก จีดีพีของประเทศที่ถูกครอบงำโดยความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของอาบูดาบี (60%) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารไฮโดรคาร์บอนของการผลิตและการควบคุมส่วนใหญ่ของการจัดการเงินฝากออมทรัพย์ ดูไบมีส่วนหนึ่งในสี่ของจีดีพีของประเทศและทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มในเชิงพาณิชย์ของเอมิเรตโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่าเรือและสนามบินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีของมัน การเติบโตทางเศรษฐกิจของยูเออีที่คาดว่าจะเร่งขึ้นเล็กน้อยตลอดทั้งปี 2016 ในระยะยาวเศรษฐกิจของประเทศที่ควรจะได้รับการเพิ่มที่เพิ่มขึ้นจากโฮสติ้งของงาน World Expo 2020

ภาคธนาคารมีสุขภาพดีและการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยวได้ช่วยลดผลกระทบของการลดลง ราคาน้ำมันซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางเศรษฐกิจของยูเออี อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2015 ยูเออีได้เผชิญหน้ากับการขาดดุลอย่างมีนัยสำคัญจากการลดลงของรายได้จากน้ำมัน เจ้าหน้าที่ได้เริ่มต้นชุดของมาตรการเช่นการปฏิรูปการอุดหนุนพลังงานซึ่งรวมถึงกฎระเบียบของราคาน้ำมันในประเทศและเพิ่มขึ้นในอัตราภาษีสำหรับการผลิตไฟฟ้าและน้ำ มาตรการการคลังเพิ่มเติมภายใต้การพิจารณาเช่นการแนะนำของการเก็บภาษีธุรกิจและ 2018 ภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐบาลอาบูดาบีซึ่งมีรายได้จากการได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยราคาน้ำมันต่ำได้จัดลำดับความสำคัญโครงการลงทุนในขณะที่ดูไบจะพยายามที่จะกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมผ่านการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมของงานเอ็กซ์โป 2020 (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวของเครือข่ายการขนส่งในเมือง) สอดคล้องกับแผนพัฒนาสามปีสำหรับ 2014-2016, 2016 งบประมาณ (พันล้าน AED 48.5 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 2015) จัดสรรส่วนใหญ่ของเงินทุนเพื่อใช้จ่ายทางสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นไปที่การศึกษา, สุขภาพและที่อยู่อาศัย ความต้องการของประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามของยูเออีวิสัยทัศน์ 2021 งบประมาณค่อนข้างมีขนาดเล็กสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะลดค่าใช้จ่ายในการเผชิญกับการลดลงของรายได้จากน้ำมัน. การ

แม้ว่าหนี้ของดูไบได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ประสบความสำเร็จในการคุกคามของใหม่ ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และล้นยังคงอยู่ในปัจจุบัน อาบูดาบีจะเน้นการกระจายเศรษฐกิจและการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือก ในปี 2017 ก็คาดว่าจะเปิดตัวเรือเดินสมุทรของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และหนาแน่นลงทุนในพลังงานทดแทน (ที่ "Masdar" โครงการต้นทุน 22000000000 ดอลลาร์สหรัฐ) มันก็ยังคงต้องการที่จะใช้แนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับธนาคารและภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตวัฏจักร เพราะมันเป็นตระหนักถึงธรรมชาติ จำกัด ของทรัพยากรน้ำมันของยูเออีได้เปิดตัวนโยบายในการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจเพื่อลดการพึ่งพาสารไฮโดรคาร์บอนและรับประกันการกระจายความสมดุลมากขึ้นของความมั่งคั่ง กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการติดตามการใช้ประโยชน์จาก complementarity ระหว่างเอมิเรตที่แตกต่างกัน ในขณะที่อาบูดาบีได้ดำเนินการเป็นผู้นำในการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจดูไบเป็นหลักพยายามที่จะพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของ.

ยูเออีมีหนึ่งในที่สูงที่สุดต่อหัวระดับรายได้ในโลกและระบบสวัสดิการการพัฒนาอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในอัตราที่ต่ำสุดของการว่างงานในตะวันออกกลาง (4.5%) และขึ้นอยู่กับแรงงานต่างชาติ (มากกว่า 85% ของแรงงาน) นโยบายของ "Emiratisation" ได้รับการเปิดตัวเพื่อส่งเสริมการจ้างงานของแรงงานในท้องถิ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประโยชน์จากเสถียรภาพทางการเมืองในภูมิภาค รวมถึง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ได้แสดงให้เห็นความยืดหยุ่นบางอย่างเกี่ยวกับการลดลงของราคาน้ำมัน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 3 ของ GDP ในปี 2015 มีสุขภาพดีแม้ว่านี้หมายถึงการลดลงเมื่อเทียบกับปี 2014 อัตรา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของแต่ละเรต จะแตกต่างกันมาก GDP ของประเทศถูกครอบงำโดยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของอาบูดาบี ( 60% ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตไฮโดรคาร์บอนและการควบคุมส่วนใหญ่ของการออมการบริหารของบริษัท ดูไบจัดสรรหนึ่งในสี่ของ GDP ของประเทศ และมีหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์ของเอมิเรตส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดีพัฒนาท่าเรือและโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคาดว่าจะเร่งเล็กน้อยตลอด 2016 . ในระยะยาวแล้ว เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับเพิ่มอีกจากการเป็นเจ้าภาพ World Expo 2020สุขภาพภาคการธนาคารและรายได้การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นช่วยลดผลกระทบของการลดลงของราคาน้ำมัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางเศรษฐกิจของ UAE อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2558 , UAE ได้ประสบกับการขาดดุลอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการลดลงในรายได้จากน้ำมัน เจ้าหน้าที่ได้เริ่มนำชุดของมาตรการต่างๆ เช่น ปฏิรูปอุดหนุนพลังงาน ซึ่งรวมถึงการเปิดเสรีราคาน้ำมันในประเทศ และการเพิ่มอัตราภาษีสำหรับการผลิตไฟฟ้าและน้ำ มาตรการการคลังอื่นๆ ภายใต้การพิจารณา เช่น การจัดเก็บภาษีธุรกิจและ 2018 ภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐบาลอาบูดาบี ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากราคา น้ำมันน้อย มีการจัดลําดับความสําคัญโครงการลงทุน ขณะที่ดูไบพยายามที่จะกระตุ้นกิจกรรมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมการของเอ็กซ์โป 2020 ( โดยเฉพาะการขยายเครือข่ายการขนส่งในเขตเมือง ) ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาสามปี เพื่อ 2014-2016 , 2016 งบประมาณ ( แอ๊ด 48.5 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 2015 ) จัดสรรส่วนใหญ่ของเงินที่จะใช้จ่ายทางสังคม โดยเน้นการศึกษา , สุขภาพและที่อยู่อาศัย ความต้องการของประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ของ UAE 2021 . ค่อนข้างมีขนาดเล็กที่งบประมาณที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะตัดลดการใช้จ่ายในหน้าของน้ำมันลดลง รายได้แม้ว่าหนี้ของดูไบที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อยแล้ว ภัยคุกคามจากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ใหม่และล้นยังคงอยู่ในปัจจุบัน . อาบูดาบี จะเน้นนโยบายเศรษฐกิจและการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทน ใน 2017 นั้นคาดว่าจะเปิดตัวบริษัทและลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์และพลังงานทดแทน ( " Masdar โครงการ " 22 ล้านเหรียญสหรัฐทุน ) มันยังคงต้องใช้แนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับภาคการธนาคารและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงระดับวิกฤติ เพราะตระหนักถึงธรรมชาติจำกัดของทรัพยากร น้ำมัน ของ ยูเออี ได้เปิดตัวนโยบายของความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เพื่อลดการพึ่งพาสารไฮโดรคาร์บอนและรับประกันการกระจายสมดุลมากขึ้นของความมั่งคั่ง กลยุทธ์การติดตามเกี่ยวกับประโยชน์ของข้อมูลระหว่าง เอมิเรตส์ ที่แตกต่างกัน ในขณะที่ กรุงอาบูดาบี ได้เป็นผู้นำในการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ดูไบเป็นหลัก พยายามที่จะพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของยูเออีมีหนึ่งในอัตราสูงสุดรายได้ต่อหัวในระดับโลก และมีการพัฒนาระบบสวัสดิการ . ก็มีหนึ่งในอัตราต่ำสุดของการว่างงานในตะวันออกกลาง ( ร้อยละ 4.5 ) และพึ่งพาแรงงานต่างชาติ ( มากกว่า 85% ของแรงงาน ) นโยบายของ " emiratisation " ได้รับการเปิดตัวเพื่อส่งเสริมการจ้างงานของแรงงานท้องถิ่น