The deamination of cytosine generat

The deamination of cytosine generates uracil. However, E. coli contains an enzyme, uracil-DNA-glycosidase, that removes uracil residues from DNA (see 14.13 Base flipping is used by methylases and glycosylases). This action leaves an unpaired G residue, and a "repair system" then inserts a C base to partner it. The net result of these reactions is to restore the original sequence of the DNA. Presumably this system serves to protect DNA against the consequences of spontaneous deamination of cytosine (although it is not active enough to prevent the effects of nitrous acid; see Figure 1.15).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Deamination ของ cytosine สร้าง uracil อย่างไรก็ตาม E. coli ประกอบด้วยตัวเอนไซม์ uracil-DNA-glycosidase ที่เอา uracil ตกจากดีเอ็นเอ (ดู 14.13 พลิกฐานใช้ โดย methylases และ glycosylases) การกระทำนี้ทิ้งสารตกค้าง G unpaired และการ "ซ่อมแซมระบบ" แล้วแทรกฐาน C เป็นหุ้นส่วนนั้น ผลของปฏิกิริยาเหล่านี้จะคืนค่าลำดับของดีเอ็นเอเดิม สันนิษฐานว่าระบบนี้ทำหน้าที่เพื่อปกป้อง DNA จากผลของขาด deamination ของ cytosine (แม้ว่าจะไม่พอใช้งานอยู่เพื่อป้องกันผลกระทบของกรดไนตรัส ดูรูป 1.15)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

deamination ของ cytosine สร้าง uracil อย่างไรก็ตามเชื้อ E. coli มีเอนไซม์, uracil-ดีเอ็นเอ glycosidase ที่เอาสารตกค้างจากดีเอ็นเอ uracil (ดูพลิกฐาน 14.13 จะถูกใช้โดย methylases และ glycosylases) การดำเนินการนี​​้ใบตกค้าง G unpaired และ "ระบบการซ่อมแซม" แล้วแทรกฐาน C ถึงคู่มัน ผลสุทธิของปฏิกิริยาเหล่านี้คือการคืนค่าเดิมของลำดับดีเอ็นเอ สันนิษฐานว่าระบบนี้ทำหน้าที่ในการปกป้องดีเอ็นเอกับผลกระทบของการ deamination ธรรมชาติของ cytosine (แม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้งานพอที่จะป้องกันผลกระทบของกรดไนตรัสดูรูปที่ 1.15)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

- ของไซโตซีนสร้าง Name . อย่างไรก็ตาม , E . coli มีเอนไซม์ไกลโคซิเดส DNA ยูราซิล ที่ขจัดสิ่งตกค้างจาก DNA ยูราซิล ( ดู 14.13 ฐานพลิกใช้ methylases และ glycosylases ) การกระทำนี้ใบ Unpaired กรัม กาก และ " ระบบ " ซ่อมแล้วแทรก C ฐานพันธมิตรมัน ผลของปฏิกิริยาเหล่านี้คือการเรียกคืนลำดับต้นของดีเอ็นเอสันนิษฐานว่าระบบนี้ทำหน้าที่ปกป้องดีเอ็นเอเทียบกับผลของดีโดยธรรมชาติของไซโตซีน ( แม้ว่าจะไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ผลของกรดไนตรัส ; ดูรูปที่ 1.15 )