5. ObjectivesThese study aims that

5. Objectives
These study aims that technique of watching soundtrack movies can improve listening skill of student or not.
6. Key Research Questions
These are key research questions:
1. Can watching soundtrack movies improve listening skill on students?
2. How can watching soundtrack movies improve listening skill for students?
3. How do students have attitude to this research?

7. Scope of Researcher
The scope of this study involves improving listening skill from watching soundtrack movies. The researchers will cooperate with students in EG4083 Literature and Criticism through Movie course for participation to this research.
8. Definition of Terms
-
9. Expected Benefits
The research outcomes are expected to see the development in listening skills of students, and want this research to be a useful thing for other groups of Thai people who also want to improve their listening skills.
10. Relevant Literature Review
This study is related to the effect of watching soundtrack movies on students’ listening skill. There are many research studies in this area. For example, Yanarom (2014) explained that student can develop their listening skill by using soundtrack movies to be the material.
Most people were born with hearing and listening skill, but they cannot use it perfectly. According to Yagang said that listening is the ability to identify and understand what others are saying and listening also concerning about sound, word, sentence, and grammar. Generally, people are receiving language through the ears; involve identifying the sounds of speech and processing them into words and sentences. Thomlison (1984) defines listening as active listening, which is very important for effective communication. Listening can be also defined as more than just hearing, understanding, and interpreting the meaning of a conversation. Good listening skills include the understanding ability, body language, and eye contact, so these things can make people successful in workplace, family, and society.
Because most people are non-native language, they can have problems with listening. Harmer (2001) explained that there are two types of listening, external and internal. The external listening is hearing come from outside such as listening to the radio or television, songs, and native speakers. The internal listening is hearing from inside like in class, family, friends, and so on. There are 62% of non-native people had external listening problems on the other hand there are only 12% had problems with internal listening (Burford, 2002).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

5. วัตถุประสงค์เหล่านี้ศึกษาจุดมุ่งหมายว่า เทคนิคการดูหนังเพลงสามารถปรับปรุงทักษะการฟังของนักเรียน หรือไม่6. คำถามวิจัยคีย์มีคำถามวิจัยคีย์: 1. สามารถดูหนังเพลงพัฒนาทักษะฟังบนนักเรียน2.สามารถดูเพลงภาพยนตร์ปรับปรุงทักษะการฟังสำหรับนักเรียน3.นักเรียนมีทัศนคติในการวิจัยนี้7. ขอบเขตของนักวิจัยขอบเขตของการศึกษานี้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะการฟังจากการดูหนังเพลง นักวิจัยจะร่วมมือกับนักเรียนใน EG4083 วรรณกรรมและการวิจารณ์ผ่านหลักสูตรภาพยนตร์เข้าร่วมงานวิจัยนี้8. ความหมายของคำ-9. เทคโนโลยี ผลการวิจัยคาดว่าจะเห็นการพัฒนาทักษะการฟังของนักเรียน และคุณต้องการงานวิจัยนี้จะเป็นสิ่งมีประโยชน์สำหรับกลุ่มอื่น ๆ ของคนไทยที่ต้องการพัฒนาทักษะฟัง10. ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องการศึกษานี้เกี่ยวข้องกับผลของการชมภาพยนตร์เพลงในทักษะการฟังของนักเรียน มีหลายการศึกษาวิจัยในพื้นที่นี้ เช่น Yanarom (2014) อธิบายว่า นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะการฟัง โดยใช้เพลงประกอบภาพยนตร์จะเป็นวัสดุคนส่วนใหญ่เกิดกับทักษะการได้ยิน และการฟัง แต่พวกเขาไม่สามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์ ตามกังกล่าวว่า ที่ฟังคือ ความสามารถในการระบุ และเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นจะพูดและยัง เกี่ยวกับเกี่ยวกับเสียง คำ ประโยค ไวยากรณ์ และการฟัง โดยทั่วไป ผู้ได้รับภาษาผ่านหู เกี่ยวข้องกับการหาเสียงในการพูด และการประมวลผลให้เป็นคำและประโยค Thomlison (1984) กำหนดฟังเป็นการฟังที่ใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ฟังสามารถยังกำหนดเป็นมากกว่าเพียงแค่ได้ยิน ความเข้าใจ และการตีความหมายของการสนทนา ทักษะการฟังที่ดีมีความสามารถในการเข้าใจ ภาษากาย และ ตา สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้คนประสบความสำเร็จในที่ทำงาน ครอบครัว และสังคมเนื่องจากคนส่วนใหญ่เป็นภาษาต่างถิ่น พวกเขาสามารถมีปัญหาเกี่ยวกับการฟัง Harmer (2001) อธิบายว่า มีสองประเภทของการฟัง ภายใน และภายนอก ภายนอกฟังคือได้ยินมาจากภายนอกเช่นฟังวิทยุ หรือโทรทัศน์ เพลง และเจ้าของภาษา ฟังภายในจะได้ยินจากภายในเช่นในชั้นเรียน ครอบครัว เพื่อน และอื่น ๆ มี 62% คนต่างถิ่นได้ฟังปัญหาภายนอกคง มีเพียง 12% มีปัญหากับภายในฟัง (เบอร์ฟอร์ด 2002)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

5. วัตถุประสงค์
การศึกษาเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายว่าเทคนิคในการชมภาพยนตร์ซาวด์สามารถพัฒนาทักษะการฟังของนักเรียนหรือไม่.
6 คำถามการวิจัยที่สำคัญ
เหล่านี้เป็นคำถามวิจัยสำคัญ:
1 สามารถชมภาพยนตร์ซาวด์ปรับปรุงทักษะการฟังนักเรียน?
2 วิธีที่สามารถชมภาพยนตร์ซาวด์พัฒนาทักษะการฟังทักษะสำหรับนักเรียน?
3 จะทำอย่างไรให้นักเรียนมีทัศนคติในการวิจัยครั้งนี้? 7 ขอบเขตของการวิจัยขอบเขตของการศึกษานี้จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะการฟังจากการดูภาพยนตร์ซาวด์ นักวิจัยจะให้ความร่วมมือกับนักเรียนในวรรณคดี EG4083 และการวิจารณ์ภาพยนตร์ผ่านหลักสูตรการมีส่วนร่วมในการวิจัยครั้งนี้. 8 ความหมายของข้อตกลง- 9 ประโยชน์ที่คาดว่าผลการวิจัยที่คาดว่าจะเห็นการพัฒนาในทักษะของนักเรียนฟังและต้องการการวิจัยนี้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับกลุ่มอื่น ๆ ของคนไทยที่ยังต้องการที่จะพัฒนาทักษะการฟังของพวกเขา. 10 การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องการศึกษาครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบของการดูหนังซาวด์แทร็กกับทักษะการฟังของนักเรียน มีการศึกษาวิจัยจำนวนมากในพื้นที่นี้ ยกตัวอย่างเช่น Yanarom (2014) อธิบายว่านักเรียนสามารถพัฒนาทักษะการฟังของพวกเขาโดยใช้ภาพยนตร์ซาวด์แทร็กจะเป็นวัสดุที่. คนส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับการได้ยินและทักษะการฟัง แต่พวกเขาไม่สามารถใช้มันอย่างสมบูรณ์ ตามที่ Yagang กล่าวว่าการฟังคือความสามารถในการระบุและเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูดและการฟังยังเกี่ยวกับเกี่ยวกับเสียงคำประโยคและไวยากรณ์ โดยทั่วไปคนจะได้รับภาษาผ่านหู; เกี่ยวข้องกับการระบุเสียงในการพูดและการประมวลผลพวกเขาเข้าไปในคำและประโยค Thomlison (1984) กำหนดฟังการฟังที่ใช้งานซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ฟังสามารถกำหนดนอกจากนี้ยังเป็นมากกว่าเพียงแค่ได้ยินความเข้าใจและการตีความหมายของการสนทนา ทักษะการฟังที่ดี ได้แก่ ความสามารถในการเข้าใจภาษากายและเข้าตาดังนั้นสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้คนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานครอบครัวและสังคม. เพราะคนส่วนใหญ่จะเป็นภาษาที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาที่พวกเขาสามารถมีปัญหาเกี่ยวกับการฟัง ฮาร์เมอ (2001) อธิบายว่ามีสองประเภทของการฟังภายนอกและภายใน ฟังภายนอกได้ยินมาจากภายนอกเช่นการฟังวิทยุหรือโทรทัศน์เพลงและเจ้าของภาษา ฟังภายในจะได้ยินจากภายในเช่นเดียวกับในระดับครอบครัว, เพื่อน, และอื่น ๆ นอกจากนี้ 62% ของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษามีปัญหาการฟังภายนอกในมืออื่น ๆ มีมีปัญหากับการฟังภายใน (Burford, 2002) เพียง 12%