A cohort study was conducted to inv

A cohort study was conducted to investigate the relation between cancer incidence and occupational
exposure to ionizing radiation. Records containing dose information from 1951 to 1988 for 191,333 persons were
extracted from the National Dose Registry of Canada. The records were linked to the Canadian Cancer Data
Base, with incidence data from 1969 to 1988. Standardized incidence ratios were calculated using Canadian
cancer incidence rates stratified by age, sex, and calendar year. Excess relative risks were obtained from
internally based dose-response analyses. The following significant results were found for males and females
combined: a deficit in the standardized incidence ratio for all cancers combined; elevated standardized incidence
ratios for thyroid cancer and melanoma; and elevated excess relative risks for rectum, leukemia, lung, all cancers
combined, all except lung, and all except leukemia. For males, cancers of the colon, pancreas, and testis also
showed significantly elevated excess relative risks. The specific cancer types listed above have been implicated
in previous studies on occupational exposure to ionizing radiation, except for testis, colon, and melanoma, while
the findings on thyroid cancer from previous studies are inconclusive. The thyroid standardized incidence ratios
in this study are highly significant, but further investigation is needed to assess the possibility of association with
occupational radiation exposure. Am J Epidemiol 2001;153:309–18.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ศึกษาการศึกษาได้ดำเนินการในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดโรคมะเร็งและการประกอบอาชีพ
การสัมผัสกับรังสี ระเบียนที่มีปริมาณข้อมูล 1951-1988 สำหรับ 191,333 คนถูก
สกัดจาก Registry กำหนดในช่วงเวลาแห่งชาติแคนาดา บันทึกถูกเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งแคนาดาข้อมูล
ฐานข้อมูลที่มีอุบัติการณ์จาก 1969 1988 อัตราส่วนการเกิดมาตรฐานนี้จะถูกคำนวณโดยใช้แคนาดา
อัตราอุบัติการณ์โรคมะเร็งแบ่งตามอายุเพศและปีปฏิทิน ความเสี่ยงสัมพัทธ์ส่วนเกินที่ได้รับจาก
ภายในตามการวิเคราะห์ปริมาณการตอบสนอง ผลลัพธ์ที่สำคัญต่อไปนี้ถูกพบในเพศชายและหญิง
รวมกัน: การขาดดุลในอัตราส่วนการเกิดมาตรฐานสำหรับโรคมะเร็งทั้งหมดรวมกัน; อุบัติการณ์ที่ได้มาตรฐานสูง
อัตราส่วนสำหรับโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์และเนื้องอก; และยกระดับความเสี่ยงสัมพัทธ์ส่วนเกินสำหรับทวารหนักมะเร็งเม็ดเลือดขาวมะเร็งปอดโรคมะเร็งทั้งหมด
รวมกันทั้งหมดยกเว้นปอดและมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งหมดยกเว้น สำหรับเพศชายโรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ตับอ่อนและลูกอัณฑะยัง
แสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบส่วนเกิน มะเร็งบางชนิดที่กล่าวข้างต้นมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการศึกษาก่อนหน้านี้เมื่อสัมผัสอาชีพเพื่อรังสียกเว้นอัณฑะลำไส้ใหญ่และมะเร็งผิวหนังในขณะที่
ผลการวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์จากการศึกษาก่อนหน้านี้มีการพิสูจน์ไม่ได้ ต่อมไทรอยด์มาตรฐานอัตราส่วนอุบัติการณ์
ในการศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก แต่การสอบสวนเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นในการประเมินความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยงกับ
การได้รับรังสีจากการประกอบอาชีพ Am J Epidemiol 2001; 153: 309-18

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นรุ่นที่เข้าศึกษา มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดมะเร็งและอาชีพ
แสงรังสี . ระเบียนที่มีข้อมูลปริมาณรังสีจาก 2494 ถึง 1988 สำหรับ 191333 คน
สกัดจากขนาดรีจิสทรีแห่งชาติของประเทศแคนาดา ประวัติกับข้อมูล
มะเร็งแคนาดาฐานกับอุบัติการณ์ข้อมูลจาก 2512 ถึง 1988อัตราส่วนการเกิดมาตรฐาน ) คำนวณโดยใช้อัตราอุบัติการณ์โรคมะเร็งแคนาดา
แบ่งตามอายุ เพศ และปฏิทินปี . ความเสี่ยงสัมพัทธ์ส่วนเกินที่ได้จาก
ภายในฐานความคิดเห็นวิเคราะห์ข้อมูล ต่อไปนี้ที่สำคัญพบว่า สำหรับชายและหญิง
รวม : การขาดดุลในอัตราอุบัติการณ์โรคมะเร็งรวมทุกมาตรฐาน ยกระดับมาตรฐานอุบัติการณ์
;อัตราส่วนและ melanoma มะเร็งต่อมไทรอยด์ และสูงเกินญาติความเสี่ยงสำหรับไส้ตรง , มะเร็งเม็ดเลือดขาว , ปอด , โรคมะเร็งทั้งหมด
รวมกันทั้งหมดยกเว้นปอดและทั้งหมดยกเว้นมะเร็งเม็ดเลือดขาว สำหรับเพศชาย มะเร็งของลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน และอัณฑะยังสูงเกินระดับ
พบญาติความเสี่ยง โดยเฉพาะมะเร็งชนิดดังกล่าวข้างต้นได้รับการพาดพิงถึง
ในการศึกษาก่อนหน้านี้ในการสัมผัสรังสี ยกเว้นอัณฑะใหญ่ , melanoma , ในขณะที่
ผลการวิจัยมะเร็งต่อมไทรอยด์จากการศึกษาก่อนหน้านี้ยังสรุปไม่ได้ ต่อมไทรอยด์มาตรฐานต่ออุบัติการณ์
การศึกษาสูงอย่างมีนัยสำคัญ แต่การสอบสวนเพิ่ม เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของสมาคมกับ
การแผ่รังสีในอาชีพเป็นเจ epidemiol 2001 153:309
– 18