Fluorescence as a Tool for Identify

Fluorescence as a Tool for Identifying Treatment. Although we tested a limited number of samples, some differences in the fluorescence behavior of natural and treated diamonds were observed. In diamonds with H3 or 480 nm band defects, 3D fluorescence spectra did not show significant differences between the natural-color and treated samples. Yet treated diamonds tended to show much more fluorescence from the (N-V)– center, partially overlapping with the band from the (N-V)0 center, whereas naturally colored stones showed a dominant (N-V)0 defect (again, see figure 10). Because the fluorescence from the (N-V)– center was much more intense in the treated diamonds and shifted to longer wavelengths of 750 nm, the fluorescence color from the treated diamonds with both N-V centers was a more intense red color than in the untreated samples with only the (N-V)0 center, which produced an orange color. While this trend for N-V centers after HPHT treatment is well documented (e.g., Fisher and Spits, 2000) and also proved true in this study, gemologists should not rely solely on the observation of orange or red fluorescence to ascertain diamond treatment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Fluorescence เป็นเครื่องมือสำหรับการระบุการรักษา แม้ว่าเราทดสอบตัวอย่างจำนวนจำกัด ได้สังเกตความแตกต่างในพฤติกรรม fluorescence เพชรธรรมชาติ และบำบัด ในเพชรกับ H3 หรือ 480 nm วงบกพร่อง แรมสเป็คตรา 3D fluorescence ไม่ได้แสดงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างตัวอย่าง สีธรรมชาติ และบำบัด ยัง ถือว่าเพชรมีแนวโน้มที่จะ แสดง fluorescence มากจาก (N-V) – ศูนย์ บางส่วนทับซ้อนกับวงจากศูนย์ (N-V) 0 ในขณะที่สีหินธรรมชาติพบข้อบกพร่องหลัก (N-V) 0 (อีก ดูรูป 10) เนื่องจาก fluorescence จาก (N-V) -ถูกที่รุนแรงมากในเพชรบำบัด และจากความยาวคลื่นยาวของ 750 nm สี fluorescence จากเพชรบำบัดมีทั้งศูนย์ N V ถูกราคาสีแดงรุนแรงมากขึ้นกว่าในตัวอย่างที่ไม่ถูกรักษาด้วยเท่านั้น (N-V) 0 ตัว ที่ผลิตเป็นสีส้ม ขณะนี้แนวโน้มสำหรับ N-V ศูนย์หลังจากจัด HPHT รักษาดี (เช่น Fisher และ Spits, 2000) และยัง พิสูจน์ความจริงในการศึกษานี้ gemologists ควรไม่ใช้สังเกตของ fluorescence สีส้ม หรือสีแดงเพื่อตรวจรักษาเพชร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เรืองแสงเป็นเครื่องมือสำหรับการระบุการรักษา ถึงแม้ว่าเราจะมีการทดสอบในจำนวนที่ จำกัด ของกลุ่มตัวอย่างแตกต่างบางอย่างในพฤติกรรมการเรืองแสงของเพชรธรรมชาติและได้รับการรักษาที่ถูกตั้งข้อสังเกต ในเพชรที่มี H3 480 นาโนเมตรหรือข้อบกพร่องวงสเปกตรัมแสง 3D ไม่ได้แสดงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสีธรรมชาติและตัวอย่างได้รับการรักษา ได้รับการรักษา แต่เพชรมีแนวโน้มที่จะแสดงให้เห็นการเรืองแสงมากขึ้นจากส (เนวาดา) - ศูนย์บางส่วนที่ทับซ้อนกันกับวงดนตรีจากส (เนวาดา) 0 ศูนย์ในขณะที่หินสีธรรมชาติแสดงให้เห็นความโดดเด่น (เนวาดา) 0 ข้อบกพร่อง (อีกครั้งดูรูปที่ 10) เพราะแสงจากส (เนวาดา) - การศูนย์ที่รุนแรงมากขึ้นในการเพชรได้รับการรักษาและเปลี่ยนไปความยาวคลื่นอีกต่อไป 750 นาโนเมตรสีเรืองแสงจากเพชรได้รับการรักษาที่มีทั้งศูนย์ NV เป็นสีแดงที่รุนแรงมากขึ้นกว่าในกลุ่มตัวอย่างได้รับการรักษาด้วย เพียงส (เนวาดา) 0 ศูนย์ซึ่งผลิตสีส้ม ในขณะที่แนวโน้มนี้สำหรับ NV ศูนย์หลังการรักษา HPHT เป็นเอกสารที่ดี (เช่นฟิชเชอร์และ Spits, 2000) และยังได้รับการพิสูจน์ความจริงในการศึกษาครั้งนี้ gemologists ไม่ควรพึ่งพา แต่เพียงผู้เดียวในการสังเกตของการเรืองแสงสีส้มหรือสีแดงเพื่อยืนยันการรักษาเพชร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรืองแสงเป็นเครื่องมือสำหรับการรักษา ถึงแม้ว่าเราทดสอบจำนวนจำกัดตัวอย่างความแตกต่างบางอย่างในการพฤติกรรมของธรรมชาติ และรักษาเพชร พบว่า เพชรกับ H3 หรือ 480 nm วงดนตรีข้อบกพร่อง , 3D เรืองแสงสเปกตรัมที่ไม่ได้แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างสีธรรมชาติและการรักษาคนแต่เพชรถือว่ามีแนวโน้มที่จะแสดงมากขึ้นเรืองแสงจาก ( n-v ) –ศูนย์บางส่วนทับซ้อนกับวงดนตรีจาก ( n-v ) 0 ศูนย์ ในขณะที่หินสีธรรมชาติ โชว์เด่น ( n-v ) 0 ข้อบกพร่อง ( อีกแล้ว ดูรูปที่ 10 ) เพราะการเรืองแสงจาก ( n-v ) –ศูนย์ถูกมากรุนแรงมากขึ้นในการรักษาเพชรและเปลี่ยนความยาวคลื่นที่ยาว 750 นาโนเมตรเรืองแสงสีจากการรักษาเพชรทั้ง n-v ศูนย์เป็นเข้มข้นขึ้นสีแดงกว่าในตัวอย่างดิบเท่านั้น ( n-v ) 0 ศูนย์ ซึ่งผลิตสีส้ม ขณะที่ แนวโน้มนี้ศูนย์ n-v หลังจาก hpht รักษาเอกสารดี ( เช่น ฟิชเชอร์และถ่มน้ำลาย , 2000 ) และยังพิสูจน์ความจริงในการศึกษานี้นักอัญมณีศาสตร์ชาวไม่ควรพึ่งพา แต่เพียงผู้เดียวในการสังเกตของการเรืองแสงสีแดงส้ม หรือจะให้เพชรรักษา