2.3. Collaborative learningThrough

2.3. Collaborative learning
Through the process of collaboration and brainstorming in a group, members are able to quickly accept a large amount of new information,
and new ideas are generated to complete the task (Lipponen, 2002). However, respect for people in this competitive society is
insufficient, which also leads students to ignore the importance of collaboration in a team. For this reason, students cannot only learn the
spirit of respecting others, but can also facilitate their learning performance through the collaborative learning mechanism (Hwang, Chu,
et al., 2008; Hwang, Tsai, et al., 2008; Hwang,Wang, et al., 2008; Hwang, Yin, et al., 2008; Ontrubia & Engel, 2009; Schellens & Valcke, 2005).
As for the collaborative learning models, Learning Together (LT) is one of the well-known models (Chu, Hwang, Tsai, & Chen, 2009;
Mitnik, Recabarren, Nussbaum, & Soto, 2009; Wang & Lin, 2007), proposed by Johnson and Johnson (1987). In this study, the LT model
was adopted since it enables group members to establish positive interdependence, whereby they perceive that their success or failure lies
in their working together as a group. In addition, the LT model also enables teachers to easily observe how students think during the learning
process (Putnam, 1997). In the LT model (Johnson & Johnson, 1991), each learning group is required to complete a task and hand in a single
sheet, for which they receive praise and rewards based on the group product. Arends (2004) suggested assigning 4 to 6 students to each
cooperative learning group, such that the group members are able to share ideas with each other to reach their collective goal. Moreover,
through this heterogeneous group mechanism, low-achievement students are able to observe how high-achievement students solve
complex problems; such a learning context is also called modeling learning (Bandura, 1986). Thus, previous studies have also proved that
low-achievement students would effectively improve their problem-solving ability and reduce cognitive load via this collaborative
mechanism of heterogeneous grouping (Kalyuga, 2009; Kalyuga & Sweller, 2004; Van Merrienboer & Sweller, 2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.3 การร่วมเรียนรู้ในขั้นตอนการทำงานร่วมกันและระดมสมองในกลุ่ม สมาชิกจะยอมรับข้อมูลใหม่ เงินจำนวนมากอย่างรวดเร็วและสร้างความคิดใหม่ ๆ การทำงาน (Lipponen, 2002) อย่างไรก็ตาม ความเคารพคนในสังคมนี้แข่งขันเป็นไม่เพียงพอ ซึ่งนำนักศึกษาเมินความสำคัญของการทำงานร่วมกันเป็นทีม ด้วยเหตุนี้ ไม่เฉพาะนักเรียนจิตวิญญาณของการเคารพผู้อื่น แต่สามารถยังอำนวยความสะดวกการปฏิบัติเรียนรู้ผ่านกลไกการเรียนรู้ร่วมกัน (Hwang ชูร้อยเอ็ด al., 2008 Hwang, Tsai, et al., 2008 Hwang วัง et al., 2008 Hwang ยิน et al., 2008 Ontrubia และ Engel, 2009 Schellens & Valcke, 2005)สำหรับรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกัน การเรียนรู้ร่วมกัน (LT) เป็นหนึ่งในรุ่นรู้จัก (ชู Hwang, Tsai และ เฉิน 2009Mitnik, Recabarren, Nussbaum, Soto, 2009; & วัง & Lin, 2007), นำเสนอ โดย Johnson และ Johnson (1987) ในการศึกษานี้ รุ่น LTถูกนำมาใช้เนื่องจากจะช่วยให้สมาชิกกลุ่มสร้างอิสระเสรีบวก โดยพวกเขาสังเกตว่า ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของพวกเขาอยู่ในการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม นอกจากนี้ รุ่น LT ยังช่วยให้ครูได้สังเกตวิธีคิดนักเรียนระหว่างการเรียนรู้กระบวนการ (Putnam, 1997) ในลายแบบ (Johnson & Johnson, 1991), แต่ละกลุ่มเรียนรู้จะต้องทำงาน และมือในครั้งเดียวแผ่น ที่พวกเขาได้รับสรรเสริญและรางวัลตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ Arends (2004) แนะนำกำหนด 4-6 นักเรียนแต่ละสหกรณ์กลุ่ม การเรียนรู้ที่สมาชิกกลุ่มได้ร่วมคิดกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวมของเขา นอกจากนี้จะสามารถบำเพ็ญสำเร็จสูงวิธีเรียนผ่านกลไกนี้กลุ่มแตกต่างกัน นักเรียนผลสัมฤทธิ์ต่ำแก้ปัญหาซับซ้อน บริบทการเรียนรู้ดังกล่าวจะเรียกว่าโมเดลการเรียนรู้ (Bandura, 1986) ดังนั้น การศึกษาก่อนหน้านี้ได้นอกจากนี้ยังพิสูจน์ที่นักเรียนผลสัมฤทธิ์ต่ำจะเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหา และลดโหลดรับรู้ผ่านทางนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันกลไกของการจัดกลุ่มแตกต่างกัน (Kalyuga, 2009 Kalyuga & Sweller, 2004 รถตู้ Merrienboer & Sweller, 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.3 เรียนรู้ร่วมกัน
ผ่านกระบวนการของการทำงานร่วมกันและการระดมความคิดในกลุ่มสมาชิกมีความสามารถได้อย่างรวดเร็วยอมรับจำนวนมากของข้อมูลใหม่
และความคิดใหม่จะถูกสร้างขึ้นเพื่อให้งาน (Lipponen, 2002) อย่างไรก็ตามความเคารพต่อผู้คนในสังคมที่มีการแข่งขันนี้จะ
ไม่เพียงพอซึ่งยังนำไปสู่นักเรียนที่จะละเลยความสำคัญของการทำงานร่วมกันเป็นทีม ด้วยเหตุนี้นักเรียนไม่เพียง แต่สามารถเรียนรู้
จิตวิญญาณของการเคารพคนอื่น ๆ แต่ยังสามารถอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานการเรียนรู้ของพวกเขาผ่านกลไกการเรียนรู้ร่วมกัน (ฮวงจือ,
et al, 2008;. ฮวง Tsai, et al, 2008;. Hwang, วัง , et al, 2008;. Hwang หยิน, et al, 2008;. Ontrubia Engel & 2009;. Schellens & Valcke, 2005)
ในฐานะที่เป็นรูปแบบการเรียนรู้การทำงานร่วมกัน, การเรียนรู้ร่วมกัน (LT) เป็นหนึ่งในรุ่นที่รู้จักกันดี (ชูฮวง Tsai, เฉิน & 2009;
Mitnik, Recabarren, Nussbaum และโซโต, 2009; Wang และหลิน, 2007) ที่เสนอโดยจอห์นสันและจอห์นสัน (1987) ในการศึกษานี้รุ่น LT
ถูกนำมาใช้เพราะมันช่วยให้สมาชิกในกลุ่มที่จะสร้างการพึ่งพาซึ่งกันและกันในเชิงบวกโดยที่พวกเขารับรู้ว่าประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของพวกเขาอยู่
ในการทำงานของพวกเขาร่วมกันเป็นกลุ่ม นอกจากนี้ในรุ่น LT ยังช่วยให้ครูสามารถสังเกตว่านักเรียนคิดอย่างไรในช่วงการเรียนรู้
กระบวนการ (พัท 1997) ในรุ่น LT (จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, 1991), การเรียนรู้แต่ละกลุ่มจะต้องดำเนินการงานและในมือเดียว
แผ่นที่พวกเขาได้รับการยกย่องและผลตอบแทนขึ้นอยู่กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Arends (2004) ชี้ให้เห็นการกำหนด 4-6 ให้นักเรียนแต่ละ
กลุ่มการเรียนแบบร่วมมือดังกล่าวว่าสมาชิกในกลุ่มสามารถที่จะแบ่งปันความคิดกับคนอื่น ๆ ที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขาร่วมกัน นอกจากนี้
ผ่านกลไกต่างกันกลุ่มนี้นักเรียนต่ำผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีความสามารถที่จะสังเกตเห็นว่านักเรียนสูงความสำเร็จในการแก้
ปัญหาที่ซับซ้อน; เช่นบริบทการเรียนรู้จะเรียกว่าการเรียนรู้การสร้างแบบจำลอง (Bandura, 1986) ดังนั้นการศึกษาก่อนหน้านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า
นักเรียนต่ำความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการแก้ปัญหาของพวกเขาและลดภาระความรู้ความเข้าใจในการทำงานร่วมกันผ่านทางนี้
กลไกของการจัดกลุ่มที่แตกต่างกัน (Kalyuga 2009; Kalyuga & Sweller 2004; Van Merrienboer & Sweller, 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.3 การเรียนรู้ร่วมกัน
ผ่านกระบวนการของความร่วมมือและการระดมความคิดในกลุ่ม สมาชิกจะสามารถได้อย่างรวดเร็วรับจำนวนมากของข้อมูลใหม่ ,
และความคิดใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้งาน ( lipponen , 2002 ) อย่างไรก็ตาม คนนับถือในสังคมแห่งการแข่งขันนี้
ไม่เพียงพอ ซึ่งก็ทำให้นักเรียนไม่สนใจความสำคัญของความร่วมมือในทีมงานด้วยเหตุผลนี้ นักเรียนสามารถเรียนรู้
จิตวิญญาณของการเคารพผู้อื่น แต่ยังสามารถอำนวยความสะดวกในการทำงานของพวกเขาเรียนรู้ผ่านการเรียนรู้ร่วมกันกลไก ( ฮวาง ชู
et al . , 2008 ; ฮวาง , Tsai , et al . , 2008 ; ฮวาง , วัง , et al . , 2008 ; หวัง หยิน และ al . , 2008 ; ontrubia &แองเจล , 2009 ; schellens & valcke , 2005 ) .
สำหรับการเรียนรู้ร่วมกันแบบการเรียนรู้ร่วมกัน ( LT ) เป็นหนึ่งในนางแบบที่รู้จักกันดี ( ชู ฮวาง ไซ &เฉิน , 2009 ;
mitnik recabarren นัสเบาม์ , , , &โซโต , 2009 ; วัง&หลิน , 2007 ) ที่เสนอโดยจอห์นสันและจอห์นสัน ( 1987 ) ในการศึกษานี้ รุ่น LT
เป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่มันช่วยให้สมาชิกในกลุ่มเพื่อสร้างการพึ่งพาอาศัยกันทางบวก ซึ่งพวกเขารู้สึกว่า ความสำเร็จหรือความล้มเหลวอยู่
ในทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มนอกจากนี้ มันยังช่วยให้ครูสามารถสังเกตรูปแบบนักเรียนคิดอย่างไรระหว่าง
กระบวนการเรียนรู้ ( พัท , 1997 ) ในมันแบบ ( จอห์นสัน&จอห์นสัน , 1991 ) , กลุ่มสาระการเรียนรู้แต่ละจะต้องสำเร็จ และมือในแผ่นเดียว
, ซึ่งพวกเขาได้รับการยกย่องและรางวัลตามผลิตภัณฑ์กลุ่ม แอเรนดส์ ( 2004 ) แนะนำให้ 4 ถึง 6 คนแต่ละ
เรียนแบบกลุ่มร่วมมือ ซึ่งสมาชิกสามารถแบ่งปันความคิดกับแต่ละอื่น ๆเพื่อเข้าถึงเป้าหมายโดยรวมของพวกเขา นอกจากนี้ บริษัทกลุ่มนี้
ผ่านกลไก นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำสามารถสังเกตว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง แก้ปัญหาที่ซับซ้อนเช่น
; การเรียนรู้บริบทที่เรียกว่าแบบจำลองการเรียนรู้ ( Bandura , 1986 ) ดังนั้นก่อนหน้านี้มีการศึกษายังได้พิสูจน์ว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ จะ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงความสามารถในการแก้ปัญหาของตนเอง และลดภาระการคิดผ่านความร่วมมือ
กลไกการจัดกลุ่มข้อมูล ( kalyuga , 2009 ; kalyuga & sweller , 2004 ; รถตู้ merrienboer & sweller , 2005 )