At work here is some basic physics.

At work here is some basic physics. When the sun heats up the atmosphere above the ocean, it creates a gradient of temperatures: Near the surface, it’s still relatively cool because the water is chilling that air, but sitting above that is a layer of warmer air. Now, light doesn't always travel in a straight line. When it hits a boundary between two layers of the atmosphere that are different temperatures (and therefore different densities), it bends and travels through the new layer at a different angle. This is known as refraction. The change in the light's angle of travel depends on the difference in density between the two layers.How does bending light create a mirage? The rest of the effect is caused by how your brain works. When light hits your eyes, your brain assumes it arrived there in a straight path between you and the object reflecting the light. So if light is bent on its way toward you, your brain will think the object is where it would be if the light's path was straight. This is why when you are looking down on a surface of water, objects under the surface will appear to be in a different spot than they actually are—just ask a spear fisherman...if you happen to know a spear fisherman. The human brain doesn't automatically account for the refraction. (Interestingly, the brains of some birds like ospreys do correct for the effect so that when they dive headlong into the water after a fish, they are right on target.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่ทำงานที่นี่เป็นบางฟิสิกส์พื้นฐาน เมื่อดวงอาทิตย์ร้อนขึ้นบรรยากาศเหนือมหาสมุทรจะสร้างการไล่ระดับของอุณหภูมิ: ใกล้พื้นผิวก็ยังคงค่อนข้างเย็นเพราะน้ำจะหนาวอากาศนั้น แต่นั่งอยู่ข้างต้นว่าเป็นชั้นของอากาศอบอุ่น ตอนนี้ไฟไม่เคยเดินทางเป็นเส้นตรง เมื่อมันกระทบเขตแดนระหว่างสองชั้นของบรรยากาศที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน (และมีความหนาแน่นที่แตกต่างกันดังนั้น) มันโค้งและการเดินทางผ่านชั้นใหม่ในมุมที่แตกต่างกัน นี้เรียกว่าการหักเหของแสง การเปลี่ยนแปลงในมุมแสงของการเดินทางขึ้นอยู่กับความแตกต่างในความหนาแน่นระหว่างสองชั้น

วิธีการที่ไม่ดัดแสงสร้างภาพลวงตา? ส่วนที่เหลือของผลกระทบที่เกิดจากวิธีการทำงานของสมองของคุณ เมื่อแสงกระทบสายตาของสมองของคุณถือว่ามาถึงที่นั่นในเส้นทางตรงระหว่างคุณและวัตถุสะท้อนแสง ดังนั้นถ้าแสงจะงอในทางของมันต่อคุณสมองของคุณจะคิดว่าวัตถุเป็นที่ที่มันจะเป็นอย่างไรถ้าเส้นทางของแสงได้ตรง นี่คือเหตุผลที่เมื่อคุณกำลังมองลงมาบนพื้นผิวของน้ำวัตถุภายใต้พื้นผิวจะปรากฏอยู่ในจุดที่แตกต่างจากพวกเขาเป็นจริงเพียงแค่ขอให้ชาวประมงหอก ... ถ้าคุณเกิดขึ้นที่จะรู้ว่าชาวประมงหอก มนุษย์สมองไม่ได้โดยอัตโนมัติบัญชีสำหรับการหักเห (ที่น่าสนใจสมองของนกบางอย่างเช่น Ospreys ทำที่ถูกต้องสำหรับผลที่ออกมาเพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขาดำน้ำหัวทิ่มลงไปในน้ำหลังจากที่ปลาที่พวกเขามีสิทธิในเป้าหมาย.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่ทำงานที่นี่เป็นบางฟิสิกส์พื้นฐาน เมื่อดวงอาทิตย์ร้อนขึ้นบรรยากาศเหนือมหาสมุทรก็จะสร้างการไล่ระดับสีของอุณหภูมิ: ใกล้กับพื้นผิวก็ยังคงค่อนข้างเย็นเพราะน้ำหนาวที่อากาศแต่นั่งข้างต้นที่เป็นชั้นของอากาศที่อบอุ่น ตอนนี้แสงไม่เคยเดินทางไปในเส้นตรง เมื่อมันฮิตขอบเขตระหว่างสองชั้นของบรรยากาศที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน (และดังนั้นจึงมีความหนาแน่นแตกต่างกัน) มันโค้งและเดินทางผ่านชั้นใหม่ในมุมที่แตกต่างกัน นี้เรียกว่าการหักเห การเปลี่ยนแปลงในมุมของแสงจะขึ้นอยู่กับความแตกต่างของความหนาแน่นระหว่างสองชั้น

วิธีการดัดแสงสร้างมิราจ? ส่วนที่เหลือของผลที่เกิดจากวิธีการทำงานของสมองของคุณ. เมื่อแสงเข้าตาของคุณ, สมองของคุณสันนิษฐานว่ามันมาถึงที่นั่นในเส้นทางตรงระหว่างคุณและวัตถุที่สะท้อนแสง. ดังนั้นถ้าแสงจะงอในทางของคุณสมองของคุณจะคิดว่าวัตถุที่มันจะเป็นถ้าเส้นทางของแสงเป็นตรง นี่คือเหตุผลที่คุณกำลังมองลงบนพื้นผิวของน้ำ, วัตถุภายใต้พื้นผิวจะปรากฏอยู่ในจุดที่แตกต่างกันกว่าที่พวกเขาเป็นจริง—เพียงแค่ขอให้ชาวประมงหอก ... ถ้าคุณเกิดขึ้นรู้ว่าเป็นชาวประมงหอก สมองมนุษย์ไม่ได้โดยอัตโนมัติบัญชีสำหรับการหักเห (ที่น่าสนใจ, สมองของนกบางอย่างเช่น ospreys ทำอย่างถูกต้องสำหรับผลกระทบดังนั้นเมื่อพวกเขาดำน้ำในน้ำหลังจากปลา, พวกเขาจะถูกต้องในเป้าหมาย)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี่คือหลักการพื้นฐานของฟิสิกส์ เมื่อดวงอาทิตย์อุ่นบรรยากาศเหนือมหาสมุทรสร้างการไล่ระดับสีอุณหภูมิใกล้พื้นผิวมันยังค่อนข้างเย็นเพราะน้ำจะเย็นแต่มันเป็นชั้นของอากาศที่อบอุ่น ตอนนี้แสงไม่ได้เดินทางไปตามเส้นตรงเสมอไป เมื่อมันกระทบกับเขตแดนระหว่างสองบรรยากาศที่อุณหภูมิแตกต่างกันและดังนั้นจึงมีความหนาแน่นมันโค้งที่มุมที่แตกต่างกันและผ่านบรรยากาศใหม่ มันเรียกว่าการหักเหของแสง การเปลี่ยนแปลงของมุมการเคลื่อนไหวของแสงขึ้นอยู่กับความแตกต่างของความหนาแน่นระหว่างชั้น
ทำไมแสงโค้งสร้างภาพลวงตา ผลกระทบที่เหลือเกิดจากการทำงานของสมองของคุณ เมื่อแสงส่องเข้าไปในดวงตาของคุณสมองของคุณจะถือว่ามันเป็นเส้นตรงระหว่างคุณและวัตถุที่สะท้อนแสง ดังนั้นถ้าแสงโค้งในทิศทางของคุณสมองของคุณจะคิดว่าถ้าเส้นทางของแสงตรงแล้ววัตถุมี นั่นคือเหตุผลที่เมื่อคุณมองลงไปในน้ำวัตถุใต้น้ำจะปรากฏในสถานที่ที่แตกต่างกันแต่ในความเป็นจริงพวกเขาเพียงแค่ถามชาวประมงถ้าคุณเกิดขึ้นที่จะรู้ว่าชาวประมง สมองของมนุษย์ไม่ได้โดยอัตโนมัติอธิบายการหักเหของแสง ที่น่าสนใจคือสมองของนกเช่นปลาและนกอินทรีจริงๆสามารถแก้ไขปรากฏการณ์นี้ได้เมื่อพวกเขากระโดดลงไปในน้ำเพื่อจับปลาพวกเขาอยู่ในเป้าหมาย